ความตายที่น่ารังเกียจ
  จำนวนคนเข้าชม  2469


ความตายที่น่ารังเกียจ

 

โดย . มูฮัมมัด ถือความตรง

 

        พี่น้องที่มีเกียรติของพระองค์อัลลอฮฺ ทั้งหลาย ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวย เป็นคนอยากจน เป็นกรรมกร เป็นข้าราชการ มีตำแหน่งการงานสูง เป็นคนเดินดิน หรือนั่งรถสวยหรู ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีจุดจบเดียวกัน นั่นก็คือ ความตาย

 

        พี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก ในวันนี้กระผมจะพูดกับท่านเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง ซึ่งผู้คนส่วนมากจะเกิดความเบื่อหน่ายและไม่ชอบสดับรับฟัง นั่นก็คือเรื่องความตาย ซึ่งการรำลึกถึงความตายที่พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถตัดเขี้ยวเล็บแห่งความอธรรมและการฝ่าฝืนได้ การรำลึกนึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถขจัดความเสียหายประเภทต่าง ที่เกิดขึ้นในสังคม การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถขัดเกลาจรรยามารยาทของเราได้ และการรำลึกถึงความตาย พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถทำให้สังคมประดับประดาไปด้วยผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ดีงาม 

 

        พี่น้องที่มีเกียรติของ พระองค์อัลลอฮฺ เหตุใดต้องรำลึกถึงความตายก่อนการมีชีวิต ? การรำลึกถึงความตายนั้น คือสิ่งที่มาเป็นเกราะป้องกันเพื่อทำให้ท่านสามารถเดินทางได้อย่างมั่นคงโดยไม่พลาดตกลงไปในความผิดและความเสียหาย และการรำลึกถึงความตายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถกำหนดเส้นทางก่อนที่จะเริ่มเดินทางแห่งชีวิตได้ ดังนั้น อัลลอฮ์ ทรงเน้นความตายอยู่ก่อนความมีชีวิตก็ด้วยสาเหตุนี้ ทั้งที่เราท่านทราบดีว่าเวลาที่จะตายนั้นต้องอยู่ลำดับหลังจากการมีชีวิตเสียก่อน

 

 อัลลอฮ์ ตรัสในซูเราะห์ อัลมุลกิ อายะห์ที่ 1-2 ว่า 

 تَبارَكَ الَّذِي بِيَدِهِ الْمُلْكُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ، الَّذِي خَلَقَ الْمَوْتَ وَالْحَياةَ لِيَبْلُوَكُمْ أَيُّكُمْ أَحْسَنُ عَمَلاً وَهُوَ الْعَزِيزُ الْغَفُورُ 

 

     “พระผู้ซึ่งอำนาจการปกครองอยู่ในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทรงเกียรติเลิศเลอยิ่ง และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุก สิ่ง พระผู้ทรงบันดาลความตายและความมีชีวิตเพื่อทดสอบพวกเจ้าว่า ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้างที่มีผลงานอันดีงาม และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง

 

       อัลลอฮ์ ทรงประสงค์ให้เราตระหนักว่า ความตายนั้น แม้นว่าจะมาหลังจากการมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่มันเป็นเกราะที่มาป้องกันให้มนุษย์มีวิถีชีวิตอย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงกล่าวความตายก่อนการมีชีวิตอยู่ เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราจำเป็นต้องรำลึกถึงความตายก่อนการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา และให้ท่านดำเนินชีวิตเหมือนกับท่านใกล้จะถึงเวลาตายนั่นเอง 

 

       ความตายนั้นคือเหตุร้ายหรือไม่ ? ความจริงแล้วมิใช่เป็นเช่นนั้น แม้อัลลอฮ์ ทรงพรรณนาว่าความตายคือเหตุร้าย ดังคำตรัสของพระองค์ ในซูเราะห์ อัลมาอิดะฮ์ อายะห์ที่ 109 ว่า

 

 فَأَصابَتْكُمْ مُصِيبَةُ الْمَوْتِ 

ดังนั้นเหตุร้ายของความตายได้มาประสบแก่พวกเจ้า

 

        เหตุร้ายที่ อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวพรรณนาไว้นั้น ไม่ใช่เป็นเหตุร้าย ของผู้ที่กำลังจะจากโลกนี้ไป แต่ทว่ามันเป็นเหตุร้ายสำหรับคนรัก และวงศาคณาญาติทั้งที่พวกเขาจะมีความโศกเศร้า และมีความเจ็บปวดเมื่อต้องมีการพลัดพราก ซึ่งเหตุร้ายนี้ก็คือ เหตุร้ายของการพลัดพราก ดังนั้นเหตุร้ายนี้ จะตกอยู่บนผู้ใดหรือ? ย่อมไม่ใช่ผู้ที่จากไป แต่ตกอยู่บนผู้มีชีวิต อยู่ซึ่งผู้เป็นที่รักได้จากพวกเขาไป สำหรับผู้ตายนั้น หากเขาอยู่ในความตายที่น่าปิติยินดี เขาก็จะได้รับความสุขตามที่ อัลลอฮ์ได้สัญญาเอาไว้ และหากเขาอยู่ในความหมายของความตายที่อยู่ในเหตุร้าย เขาก็จะได้ประสบกับมันตามที่สัญญาไว้ 

 

        ดังนั้น คนที่มีชีวิตสามารถที่จะวาดหวังความตายให้อยู่ในความหมายของเหตุร้ายได้ถ้าหากเขาต้องการ หรือเขาสามารถวาดความตายให้เป็นความปิติยินดีก็ได้ ถ้าหากเขาต้องการเช่นนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ จึงมีโอกาสแล้ว ที่จะสามารถวาดหวังความตายของเขาให้เป็นอย่างไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ฉะนั้น หากท่านต้องการที่จะวาดหวังความตาย ให้เป็นความปิติยินดี ท่านก็จงประพฤติดี หมั่นรำลึกถึงอัลลอฮ์ ละหมาดให้ครบห้าเวลา ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน ปฏิบัติตามสิ่งที่ อัลลอฮ์ทรงบัญญัติใช้และละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม แต่หากท่านต้องการที่จะวาดหวังให้ความตายเป็นเหตุร้าย ท่านก็นึกแต่เรื่องดุนยา ละทิ้งละหมาด ไม่ถือศีลอด สร้างความเดือนร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น เนรคุณพ่อแม่ นินทา กล่าวร้าย กินดอกเบี้ย ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม แล้วท่านจะได้รับตามสิ่งที่ได้วาดหวังเอาไว้

 

         พี่น้องที่มีเกียรติของพระองค์อัลลอฮฺ ทั้งหลาย เราลองมาดูบทสนทนาระหว่าง สุไลมาน บุตร อับดุลมาลิก หนึ่งใน คอลิฟะฮ์ บนี อุมัยยะฮ์ กับท่าน อบูหาซิม ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ หนึ่งใน คอลิฟะฮ์ บนี อุมัยยะฮ์ เรื่องมีอยู่ว่า สุไลมาน ได้เข้าไปนั่งใกล้ท่าน อบูหะซิม เหมือนกับศิษย์นั่งใกล้ ครู 

     แล้วเขากล่าวว่า โอ้ อบู หาซิม อะไรหรือที่ทำให้เรารังเกียจความตาย

     อบูหาซิม กล่าวว่า เพราะพวกท่านทำนุบำรุงโลกดุนยาของพวกท่าน และในขณะเดียวกันพวกท่านได้ทำลาย อาคิเราะฮ์ ของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านก็จะรังเกียจที่จะย้ายจากที่พำนักอันจำเริญไปสู่ที่พำนักอันเสื่อมโทรม 

     สุไลมาน กล่าวถามว่า แล้วเราจะไปหา อัลลอฮ์ในสภาพอย่างไรหรือ

     ท่านอบูหาซิม กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ประพฤติดี เขาย่อมเสมือนกับผู้เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปหาครอบครัว สำหรับผู้ที่ประพฤติชั่วนั้น เขาเหมือนกับทาสที่หนีนายซึ่งถูกลากให้ไปพบกับนายของเขา

 

        พี่น้องที่มีเกียรติของ พระองค์อัลลอฮฺ มีความจำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนทั้งหลายปิดกั้นตนเองที่จะให้ความสนใจมัน เราพูดเพื่อที่จะให้เราพากเพียรทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้เรากลายเป็นคนดี หลังจากนั้น เมื่อเราได้กลับไปสู่ผู้อภิบาลของเราในวันพรุ่งนี้ การกลับไปของเราสู่พระองค์นั้นก็เสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลซึ่งกำลังกลับไปหาครอบครัวของเขาหรือไม่? และเราไม่จำเป็นต้องรำลึกถึงความตายกระนั้นหรือ? เพื่อจะไม่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ประพฤติชั่วและเพื่อไม่ให้เป็นเฉกเช่นทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวไปพบกับนายของเขาเพื่อรอคอยการลงทัณฑ์ ด้วยเหตุนี้แหละที่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ได้กล่าวว่า

     “ผู้ใดรักที่จะได้พบกับ อัลลอฮ์พระองค์ก็จะทรงรักที่จะพบกับเขา และผู้ใดรังเกียจที่จะได้พบกับอัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงรักเกียจที่จะพบกับเขา?”

     หะดิษ นี้คือความหมายของคำกล่าวของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ซึ่งท่านหญิง อาอิชะฮ์ ได้กล่าวถามท่านว่า มันคือความตายกระนั้นหรือ โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงรังเกียจความตาย 

     ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่ทว่าผู้ศรัทธานั้น เมื่อความตายย่างใกล้มาถึง เขาจะได้รับข่าวดีด้วยความพึงพอพระทัยของ อัลลอฮ์ และสรวงสวรรค์ของพระองค์ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่รักยิ่งไปยังเขามากไปกว่าความตายแล้วได้พบกับ อัลลอฮ์ และเมื่อคน กาเฟร ได้ถึงความตาย เขาจะถูกแจ้งข่าวดีด้วยกับความพิโรธของอัลลอฮ์ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาทุกข์ใจยิ่งไปกว่าการได้พบกับอัลลอฮ์ 

 

         ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านจงตระเตรียมเสบียงไว้ก่อนตายเถิด ด้วยการรีบทำความดีก่อนที่ความตายจะมาเยือน ละหมาดห้าเวลาท่านปฏิบัติครบแล้วหรือยัง? ซึ่งถ้าหากยังไม่ครบ ท่านจง กอฏอ ชดใช้เถิด ถึงหากแม้นว่าท่านเคยขาดละหมาดมากมายจนไม่สามารถคณานับได้ก็ตาม เพราะหลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ท่านก็จะไม่สามารถอุทธรณ์ขอแก้ตัวได้อีกแล้ว และการที่อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงให้เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้นั้น เพราะพระองค์ทรงเปิดโอกาสให้เราทำเตาบะฮ์ แก้ไขปรับปรุงตัวเองในการทำความดีต่อพระองค์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปพบกับอัลลอฮ์

 

         มีคำถามหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวของเราเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดีกันแน่ ? กล่าวคือ หากมีคนหนึ่งถามท่านว่า ถ้าอัลลอฮ์ให้ท่านตายในขณะนี้ท่านพร้อมไหม? ดังนั้น หากท่านพร้อมที่จะตายในขณะนี้ ท่านย่อมเป็นคนดีที่ต้องการไปพบกับ อัลลอฮ์ แต่ถ้าหากท่านรู้สึกยังไม่พร้อม แสดงว่าท่านยังเป็นคนไม่ดีและยังไม่ต้องการที่จะไปพบกับอัลลอฮ์ เพราะฉะนั้น ท่านจงเป็นเสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปพบครอบครัวเถิด อย่าเป็นเหมือนทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวกลับหานายเพื่อรอการลงทัณฑ์เลย 

 

อัลลอฮ์ ตรัสในซูเราะห์ อัลญุมุอะฮ์ อายะห์ที่ 8 ว่า

 

قُلْ إِنَّ الْمَوْتَ الَّذِي تَفِرُّونَ مِنْهُ فَإِنَّهُ مُلاقِيكُمْ 

 

จงประกาศเถิดว่า แท้จริงความตายที่พวกท่านกำลังหลบหนีจากมันนั้น มันจะประสบกับพวกท่านอย่างแน่นอน

 

 

คุตบะห์วันศุกร์ มัสยิดท่าอิฐ