ทำแท้ง..อีกหนึ่งผลลัพธ์ของการผิดประเวณี
  จำนวนคนเข้าชม  1234


ทำแท้ง…..อีกหนึ่งผลลัพธ์ของการผิดประเวณี (ซินา)

 

.ฮาซัน เจริญจิตต์

 

          การผิดประเวณี ละเมิดล่วงเกิน ผิดลูกเมียผู้อื่น เป็นข้อห้ามในทุกๆศาสนา เป็นความผิดในทุกสังคมมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา อิสลามมีบทบัญญัติที่ชัดเจนและเข้มงวดในเรื่องนี้ อัลลอฮฺ -ซุบฮานะฮู วะตะอาลา- ตรัสว่า

 

 وَلاَ تَقْرَبُواْ الزِّنَى إِنَّهُ كَانَ فَاحِشَةً وَسَاء سَبِيلاً  

 

และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า

( อัลอิสรออฺ /32)

 

           เป็นการปรามและห้ามอย่างเด็ดขาดที่จะเข้าใกล้หรือยุ่งเกี่ยวกับทุกสิ่ง และทุกสื่อที่อาจจะนำไปสู่การผิดประเวณีได้ อันเนื่องจากความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นย่อมโน้มเอียงไปสู่อารมณ์ใฝ่ต่ำ และอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าต่างๆอย่างยิ่ง ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า

 

«كُتِبَ عَلَى ابنِ آدَمَ نَصِيبُـهُ مِنَ الزِّنَى، مُدْرِكٌ ذَلِكَ لَا مَـحَالَةَ، فَالعَيْنَانِ زِنَاهُـمَا النَّظَرُ، وَالأُذُنَانِ زِنَاهُـمَا الاسْتِـمَاعُ، وَاللِّسَانُ زِنَاهُ الكَلامُ، وَاليَدُ زِنَاهَا البَطْشُ، وَالرِّجْلُ زِنَاهَا الخُطَا، وَالقَلْبُ يَـهْوَى وَيَتَـمَنَّى، وَيُصَدِّقُ ذَلِكَ الفَرْجُ وَيُكَذِّبُـهُ». متفق عليه

 

      จากอบีฮุรอยเราะฮฺ  เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ  จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า  

ส่วนแบ่งจากการผิดประเวณีถูกกำหนดให้แก่ลูกหลานอาดัม  ซึ่งต้องเกิดขึ้นโดยมิอาจเลี่ยงได้  

ดังนั้นด้วยกับสองตาผิดประเวณีโดยการมอง  สองหูผิดประเวณีโดยการฟัง  ลิ้นผิดประเวณีโดยการพูด  

มือผิดประเวณีโดยการสัมผัส  เท้าผิดประเวณีโดยการก้าวย่าง  และหัวใจโดยการใฝ่ฝันและจินตนาการ 

 ส่วนจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่อวัยวะเพศ”  

(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 6243 และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2657 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน)

 

          ฉะนั้นการห้ามเข้าใกล้การผิดประเวณี ในทุกด้านตามบัญญัติอิสลามนั้นจึงเป็นบทบัญญัติ ที่รัดกุมอย่างยิ่งในการป้องปรามในเรื่องดังกล่าวนี้ อิสลามยังได้กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศไว้อย่างรุนแรงอีกด้วย นั่นคือ

 

     “ผู้ที่ทำซินาที่เป็นคนโสดยังไม่แต่งงาน ไม่ว่าชายหรือหญิง มุสลิมหรือคนต่างศาสนา ให้เฆี่ยน 100 ครั้ง และเนรเทศ 1 ปี สำหรับทาสให้รับโทษครึ่งหนึ่งของอิสรชน คือเฆี่ยน 50 ครั้ง ไม่มีโทษเนรเทศ”

 

“ผู้ที่ทำซินาที่แต่งงานแล้ว ไม่ว่าชายหรือหญิง มุสลิมหรือคนต่างศาสนา ให้ขว้างจนตาย”

 

          อิสลามเน้นหนักในกระบวนการปลูกฝังศรัทธาและความยำเกรง การละอายที่จะทำความชั่ว กลัวที่จะทำปาบ โดยสั่งสอนให้ระลึกอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺทรงรู้ ทรงเห็นทุกการกระทำของเราไม่ว่าในที่ลับหรือเปิดเผย กรอปกับคำสอนในมิติอื่นๆของอิสลามก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าการกำหนดให้สตรีผู้ศรัทธาแต่งกายอย่างมิดชิด การลดสายตา ลดเสียง ไม่อนุญาตให้เดินทางนอกจากจะมีญาติใกล้ชิดที่ศาสนาไม่อนุญาตให้แต่งงานกันร่วมทางด้วย ไม่อนุญาตให้ปะปนกันระหว่างชาย หญิง จากบทบัญญัติเหล่านี้ย่อมชี้ให้เห็นว่าอิสลามเอาจริงเอาจังและเข้มงวด ระแวดระวังในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

 

          อิสลามเสนอทางออกที่ดีงามและเหมาะสมนั่นคือการส่งเสริมการแต่งงานอย่างถูกต้องตามศาสนบัญญัติ โดยทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องง่าย ปราศจากเงื่อนไขความยุ่งยากต่างๆ และยังเสนอทางออกแก่ผู้ที่ยังไม่มีความพร้อมที่จะแต่งงาน ด้วยทางออกที่เป็นประโยชน์แก่เขาทั้งในดุนยาและอาคิเราะห์ ด้วยการถือศิลอดเพื่อควบคุมจิตใจและช่วยลดกำหนัด

 

عن عبدالله بن مسعود رضي الله عنه قال: قَالَ لَنَا رَسُولُ الله ﷺ: «يَا مَعْشَرَ الشَّبَابِ مَنِ اسْتَطَاعَ مِنْكُمُ البَاءَةَ فَلْيَتَزَوَّجْ، فَإنَّـهُ أَغَضُّ لِلْبَصَرِ، وَأَحْصَنُ لِلْفَرْجِ، وَمَنْ لَـمْ يَسْتَطِعْ فَعَلَيْـهِ بِالصَّوْمِ، فَإنَّـهُ لَـهُ وِجَاءٌ». متفق عليه

 

     จากอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า  ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวกับพวกเราว่า  

     “โอ้บรรดาคนหนุ่มผู้ใดมีความสามารถดังนั้นจงแต่งงาน  เพราะมันจะช่วยลดสายตาและรักษาอวัยวะเพศ  และผู้ที่ไม่มีความสามารถก็จงถือศีลอด เพราะมันจะเป็นโล่ป้องกัน”  

 (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 5066 และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 1400 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน)

 

          สำหรับผู้ที่ผิดพลาด พลั้งเผลอไปทำปาบใหญ่นี้ จำเป็นที่เขาต้องสำนึกเสียใจ และขอลุแก่โทษ ต่ออัลลอฮฺ -ซุบฮานะฮู วะตะอาลา

 

 وَالَّذِينَ لَا يَدْعُونَ مَعَ اللَّهِ إِلَهًا آخَرَ وَلَا يَقْتُلُونَ النَّفْسَ الَّتِي حَرَّمَ اللَّهُ إِلَّا بِالْحَقِّ وَلَا يَزْنُونَ وَمَن يَفْعَلْ ذَلِكَ يَلْقَ أَثَامًا 

يُضَاعَفْ لَهُ الْعَذَابُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَيَخْلُدْ فِيهِ مُهَانًا 

إِلَّا مَن تَابَ وَآمَنَ وَعَمِلَ عَمَلًا صَالِحًا فَأُوْلَئِكَ يُبَدِّلُ اللَّهُ سَيِّئَاتِهِمْ حَسَنَاتٍ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا 

 

และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ 

และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮทรงห้ามไว้ เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม 

และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดกระทำเช่นนั้น เขาจะได้พบกับความผิดอันมหันต์

การลงโทษในวันกิยามะฮ์จะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ

เว้นแต่ผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว และศรัทธาและประกอบการงานที่ดี 

เขาเหล่านั้นแหละอัลลอฮจะทรงเปลี่ยนความชั่วของพวกเขาเป็นความดี

และอัลลอฮเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

(อัลฟุรกอน/68-70)

 

          ด้วยบทบัญญัติที่ครอบคลุมทุกมิติเช่นนี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าอิสลามริดรอนสิทธิของผู้ใด หรือเป็นการห้ามที่ล้าหลังไร้เหตุผล แต่เป็นความสมบูรณ์ของหลักการในการป้องปรามเรื่องร้ายแรงใดๆอย่างรอบด้านและเป็นระบบ ตั้งแต่การปลูกฝังเรื่องคุณธรรมตั้งแต่วัยเด็ก เรื่องถูก ผิด ความดี ความชั่ว การตอบแทนความดี การลงโทษสำหรับการฝ่าฝืน การป้องกันและลดสื่อหรือเงื่อนไขต่างๆที่จะนำไปสู่การผิดประเวณี 

 

          เช่นการแยกที่นอนระหว่างพี่น้องชาย หญิงตั้งแต่เยาว์วัย การกำหนดการแต่งกายที่มิดชิดสำหรับสตรีผู้ศรัทธา การห้ามปะปนกันระหว่างหญิงชาย การกำหนดโทษขั้นรุนแรงสำหรับผู้ฝ่าฝืน รวมถึงการเสนอทางออกต่างๆและบัญญัติอื่นอีกรอบด้านเพื่อป้องกันเรื่องน่าอับอายนี้ 

 

          เป็นที่น่าแปลกใจ และน่ากังวลในสภาพสังคมที่เสื่อมทรามทางศีลธรรมในปัจจุปันนี้ -มีคนจำนวนมากยังไม่เชื่อว่าศีลธรรมเสื่อม- วุฒิภาวะของสังคมไทยมีความตื่นรู้ในเรื่องเหล่านี้แค่ไหน อย่างไร ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ผู้ที่พอที่จะมีอิทธิพลทางความคิด สะกิดเตือนและชี้นำสังคมได้ คิดอะไร หรือทำอะไรกับปรากฏการณ์เหล่านี้บ้าง โดยเฉพาะนักการศาสนาหรือองค์กร หน่วยงานของแต่ละศาสนาต้องแสดงจุดยืน เตือนสติสังคมให้ตระหนักในวิกฤตศีลธรรมนี้พร้อมทั้งเสนอทางออกในการช่วยกันสกัดกั้นและเยียวยาสังคมทุกภาคส่วนให้กลับมาเป็นสังคมชุ่มคุณธรรมเฉกเช่นในอดีต

 

          การมองปัญหาอย่างฉาบฉวยและการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ได้ผลอีกต่อไป การพบศพทารกอันเกิดจากการทำแท้งจำนวน สองพันกว่าถุง ไม่อาจถือเป็นเรื่องเล็กได้อีกต่อไป สมควรเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องกังวลใจของคนทั้งสังคม ที่ไม่อาจจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปโดยที่สังคมไม่ได้รับบทเรียนใดๆเลย นอกจากการแช่งด่าผู้กระทำผิดและทุกคนที่เกี่ยวข้อง

 

          หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขประกาศจะพิสูจน์หาสาเหตุการตายของศพทารกเหล่านี้ อยากถามตรงๆว่าเราจะได้อะไรขึ้นมาจากการรู้สาเหตุการตาย สังคมได้อะไรจากการรู้สาเหตุการตาย หรือแม้กระทั่งการรู้ว่าใครคือพ่อแม่เด็ก จนวินาทีนี้ ยังไม่เห็นหน่วยงานหรือผู้เกี่ยวข้อง รับผิดชอบทางด้านสังคม เช่นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  หรือกระทรวงวัฒนธรรม จะออกมาให้ข้อมูล ให้คำตอบ ให้บทวิพากษ์ ต่อเหตุการณ์นี้ เช่นผู้รับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีตัวแทนหรือหน่วยงานของศาสนาใด แสดงความเห็นหรือจุดยืนในเรื่องนี้แต่อย่างใด อาจจะเป็นไปได้ว่าทุกคนมองเรื่องนี้แค่เป็นปัญหาทางเทคนิก(วิธีการ) ไม่ใช่ปัญหาระดับลึกลงไปที่เกิดจากทัศนคติ ความเชื่อที่ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวของสังคม หรือพูดให้ฟังง่ายๆว่าเป็นปัญหาจากความเสื่อมทรามลงของศีลธรรมนั่นเอง

 

          ทุกความคิดเห็นจึงมุ่งสู่การแก้ปัญหาวิธีการทั้งสิ้น ทั้งสังคมถูกทำให้เชื่อว่าการทำแท้ง เกิดจากการตั้งท้องที่ยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบ การลดการทำแท้งก็คือการลดอัตราการท้อง โจทย์จึงอยู่ที่ทำอย่างไรไม่ให้ท้อง ! ทุกฝ่ายต่างหาวิธีการว่าทำอย่างไร ไม่ให้ท้อง ! จึงพร้อมใจกันละเลยที่จะคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้ทำ(ผิดประเวณี

 

          เราจึงเห็นการโฆษณารณรงค์ให้ผู้คนพกถุงยางอนามัยกันอย่างเปิดเผยและภาคภูมิใจทั้งชายและหญิง ถุงยางอนามัยที่ถูกใช้ในกิจกรรมเดียว และเป็นกิจกรรมที่พึงกระทำในที่มิดชิด แม้กระทั่งสามีภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำโดยเปิดเผย สังคมกำลังเรียกร้อง เชิญชวนกันยกใหญ่ ให้ความชื่นชมกับผู้ที่พกเครื่องมือของกิจกรรมนี้ โดยไม่คำนึงว่ากิจกรรมนี้มีที่มาที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรมหรือไม่ แม้จะรู้ว่ากิจกรรมที่มีการใช้เครื่องมือนี้นั้นส่วนมากเป็นกิจกรรมที่มีที่มาไม่ถูกต้อง ทุกคนก็พร้อมใจกันที่จะไม่พูดถึง

 

          เราเห็นโฆษณาที่สอนให้เยาวชนชั่งใจว่าการจะไปกับเพื่อนชาย(เพื่อกิจกรรมนั้น) หรือไม่นั้นมีข้อควรระลึกอยู่แค่จะติดโรคหรือไม่  เท่านั้นเอง ถ้าไปอาจจะติดโรค(ถ้าใช้ถุงก็ไม่ติด) ถ้าไม่ไปก็ไม่ติด สังคมพร้อมใจกันที่จะไม่สอนความรู้สึกผิดถูกชั่วดีให้แก่เยาวชนกันอีกต่อไป เด็กไม่ต้องคิดว่าสิ่งที่จะตัดสินใจทำนั้น ผิดศิลธรรมหรือไม่ เป็นบาปไหม พ่อแม่เสียใจไหม 

 

          ความรู้สึกผิด ถูก ชั่ว ดี บาป บุญ คุณ โทษ ถูกถอดออกจากสังคมไทย บางครั้งเราก็กร่อนความหมายของคำที่พูดถึงความผิดความชั่ว จนเบาลงจนไม่รู้สึกผิดบาปอีกต่อไป เช่นการพยายามแทนความหมายของพฤติกรรมมีชู้ด้วยคำว่ากิ๊ก ที่ฟังดูน่ารัก เป็นมิตร ไม่มีพิษภัยและรับได้

 

          ตราบใดที่สังคมไทยยังไม่มองปัญหาการทำแท้งให้ลึกลงไปถึงระดับที่ตระหนักรู้ว่ามันคือปัญหาศีลธรรม จริยธรรม ไม่ใช่ปัญหาวิธีการ เราไม่เชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีต่างๆที่มาจากการตั้งโจทย์ผิด จะประสบผลสำเร็จ

          สังคมมุสลิมทุกหน่วยต้องเร่งปลูกฝังหลักธรรมคำสอนแก่ลูกหลานเยาวชนในชุมชน เพื่อจะได้เป็นสังคมต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะเราเชื่อว่า ด้วยอิสลามเท่านั้นปัญหาต่างๆจึงจะได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง เหมาะสม และประสบผลสำเร็จ

 

 

higmah.net