สิ่งสกปรกต่างๆ
  จำนวนคนเข้าชม  7745


สิ่งสกปรกต่างๆ 

 

อ.ฮาซัน เจริญจิตต์

 

สิ่งสกปรกที่ทุกมัซฮับเห็นตรงกัน

 

     1. เนื้อหมู แม้จะถูกเชือดตามหลักการก็ตาม เพราะถูกบัญญัติไว้ในกุรอาน ทำให้ทุกส่วนของมันเป็นนะยิส  ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หนัง ขน กระดูก หรือส่วนอื่น มัซฮับมาลิกีย์ถือว่าหมูมีชีวิตสะอาด รวมถึงเหงื่อ เลือด น้ำมูก น้ำลายของมันด้วย

 

     2. เลือดคนที่ไม่ใช่ชะฮีด และเลือดของสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์น้ำ ที่ไหลออมมาขณะมีชีวิตหรือตายแล้วก็ตามซึ่งไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ยกเว้นเลือดปลา ตับ ม้าม หัวใจ เลือดที่ปนในเนื้อ เลือดเหา เลือดหมัด เรือด

ส่วนเลือดที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แม้กะทั่งจากแผลที่เชือดสัตว์กินเนื้อได้ มาลิกีและชาฟิอีย์ถือว่าเป็นนะยิส

 

     3. ปัสสาวะ อุจจาระ และอาเจียนของคน ยกเว้นปัสสาวะของเด็กผู้ชายที่กินนมอย่างเดียวที่แค่ใช้น้ำพรมก็ถือว่าเพียงพอแล้วในการทำความสะอาด แม้จะยังนับว่ามันเป็นนะยิส ตามทรรศนะของชาฟิอีย์และฮัมบะลีย์ , เยี่ยว มูล และอ้วกของสัตว์ที่กินเนื้อไม่ได้ ส่วนฮานะฟีย์ยกเว้น ขี้นก เยี่ยวหนูและค้างคาวเมื่อเปื้อนเส้อผ้าและอาหาร

 

     4. เหล้า นักวิชาการส่วนมากเห็นตรงกันว่าเป็นนะยิส จากอายะฮฺกุรอานที่ว่า

 

{إنما الخمروالميسروالأنصاب والأزلام رجس من عمل الشيطان}المائدة/90

 

     “แท้จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญและการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน

 

คำว่าเหล้านั้นนักวิชาการส่วนใหญ่หมายความรวมถึงของเหลวทุกชนิดที่มึนเมาด้วย

 

     5. น้ำหนองปริมาณมาก ถ้าเล็กน้อยไม่เป็นไร

 

     6. น้ำมะซีย์และน้ำวะดีย์

 

          มะซีย์ คือน้ำใส เหนียวที่ซึมออกมาขณะมีอารมณ์ทางเพศ ถือเป็นนะยิส ต้องชำระล้างอวัยวะเพศและอาบน้ำละหมาด จากฮาดีษอาลีย์

كنت رجلامذاء ،فاستحيت أن أسأل رسول الله صلى الله عليه وسلم فأمرت المقداد بن الأسود فسأله فقال فيه الوضوء والمسلم يغسل ذكره ويتوضأ

 

     “ฉันเป็นคนที่มีน้ำมะซีย์มาก ฉันอายที่จะถามท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม- ฉันจึงสั่งให้มิกดาด อิบนิลอัซวัด ถามท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-

     ท่านกล่าวว่าในเรื่องนี้ให้อาบน้ำละหมาด

     ในบันทึกของมุสลิมจงล้างอวัยวะเพศและจงอาบน้ำละหมาด”[1] 

 

          วะดีย์ คือน้ำขุ่นข้นที่ซึมออกมาหลังปัสสาวะ หรือขณะที่แบกของหนัก ถือว่าเป็นนะยิส เพราะมันปนออกมากับปัสสาวะหรือหลังปัสสาวะ มันจึงมีฮุกุ่มเดียวกับปัสสาวะ ส่วนก้อนนิ่วที่หลุดออกมากับปัสสาวะ ถ้าหมอบอกว่ามันเกิดมาจากปัสสาวะมันคือนะยิส  ถ้าไม่ใช่จากปัสสาวะก็อยู่ในประเภทสิ่งที่เปื้อนสกปรก

 

     7. เนื้อซากสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์น้ำที่มีเลือดไหล จะกินเนื้อได้หรือไม่ก็ตาม  เช่น สุนัข แกะ แมว นกกระจอก และอื่นๆ และนับเป็นนะยิสเช่นเดียวกัน หนังของมัน ขนของมันและส่วนอื่นๆของมันด้วย ยกเว้นฮานะฟีย์ที่บอกว่าหนังของมันถ้านำมาฟอกก็สะอาด

 

     8. เนื้อของสัตว์ที่กินเนื้อไม่ได้ รวมถึงนมของมันด้วย

 

     9. สิ่งที่แยกออกมาหรือถูกตัดออกมาจากสิ่งมีชีวิตในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นขนของมันและสิ่งที่อยู่ในประเภทของขนเช่นขนอ่อน ขนนก จากฮาดีษของท่านรอซูลุลลอฮฺ-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-

 

ماقطع من البهيمة وهي حية فهوميت

สิ่งที่ถูกัดออกมาจากสัตว์ขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นมันเป็นซาก[2]

 

 

สิ่งสกปรกที่แต่ละมัซฮับมีความเห็นไม่ตรงกัน 

 

        1. สุนัข

 

    ฮะนะฟีย์บอกว่าสุนัขตัวมันเองไม่ได้เป็นนะยิสเพราะเรายังเอาประโยชน์จากมันได้จากการเฝ้ายามและล่าสัตว์ เฉพาะปากของมัน หรือน้ำลายของมัน หรือสิ่งที่มันคายออกมาเท่านั้นที่เป็นนะยิส ไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับส่วนอื่นๆของร่างกายมัน และให้ล้างภาชนะที่สุนักเลีย  7 ครั้ง จากฮาดีษของท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-ที่ว่า

 

إذاشرب الكلب في إناء أحدكم فليغسله سبعا  ولأحمدومسلم  طهورإناءأحدكم إذاولغ فيه الكلب أن يغسله سبع مرات أولاهن بالتراب

 

     “เมื่อใดสุนัขดื่ม(สิ่งใด)ในภาชนะของคนหนึ่งคนใด ดังนั้นจงล้างมันเจ็ดครั้ง และในบันทึกของอะหมัดและบุคคอรีย์ (สิ่งที่ทำ)ความสะอาดของภาชนะของ พวกท่านที่สุนัขได้เลียมันคือการล้างมันเจ็ดครั้ง และล้างครั้งแรกของมันด้วยดิน [3]

 

    มาลิกีย์บอกว่า สุนัขนั้นสะอาด ไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อเอาประโยชน์จากมันหรือไม่ก็ตามเช่นสุนัขล่าเนื้อหรือสุนัขเฝ้ายาม ถ้าหากมันเลียภาชนะ หืรอเอาเท้าหรือลิ้นลงไปในภาชนะโดยไม่เคลื่อนไหว หรือน้ำลายของมันหยดลงไป การล้าง 7 ครั้งนั้นเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งและเป็นอิบาดะฮฺที่ท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-สั่งไว้เท่านั้น ไม่ใช่เพราะความสกปรกของมัน

 

     ส่วนชาฟิอีย์และฮัมบะลีย์ กล่าวว่า สุนัขและสุกร(หมาและหมู)และสิ่งที่เกิดจากมันทั้ง 2 น้ำที่เหลือจากมันดื่ม และเหงื่อของมันนั้นเป็นนะยิส และให้ชำระล้างสิ่งที่เป็นนะยิสเพราะมัน(ด้วยการเลีย หรือสัมผัสด้วยกับอวัยวะส่วนอื่นของมันก็ตาม) 7 ครั้ง และทำความสะอาดหนึ่งใน 7 ครั้งนั้นด้วยดิน และมีรายงานที่บันทึกโดยอิหม่าอัลฮากิมและอัดดารุกุดนีย์ว่า

 

أنه صلى الله عليه وسلم دعي إلى دارقوم فأجاب ،ثم دعي إلى دارأخرى فلم يجيب ،   فقيل له في ذالك ،فقال  إن في دارفلان كلبا ،قيل له وإن في دار فلان هرة ،فقال  إن الهرة ليست بنجسة

 

     ครั้งหนึ่งท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-ได้ถูกเชิญให้ไปบ้านของคนหนึ่ง ท่านก็ตอบรับการเชิญนั้น หลังจากนั้นอีกคนหนึ่งก็มาเชิญท่านเช่นเดียวกัน แต่ท่านไม่รับคำเชิญ  ก็มีผู้ถามท่านในเรื่องนี้ 

     ท่านจึงกล่าวว่า แท้จริงในบ้านของคนนั้นมีสุนัข  

     ก็มีผู้กล่าวแก่ท่านอีกว่าในบ้านของคนนั้น(อีกหลังหนึ่ง)มีแมว 

     ท่านจึงกล่าวว่า แท้จริงแมวนั้นไม่เป็นนะยิส

     และจากฮาดีษนี้เองทำให้เข้าใจได้ว่าสุนัขนั้นเป็นนะยิส

 



       2. ซาก(สัตว์ที่ตายเอง)จากสัตว์น้ำ และสัตว์ที่ไม่มีเลือดไหล

 

     อิหม่ามของทุกมัซฮับมีทรรศนะตรงกันว่าสัตว์น้ำที่ตายเองถ้าเป็นปลาหรือสัตว์ประเภท  เดียวกับปลาจากสัตว์ทะเลนั้นสะอาดจากคำกล่าวของท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-เกี่ยวกับทะเลที่ว่า

 

هوالطهورماؤه ،الحل ميتته [4]

 

น้ำของมัน(ทะเล)สะอาด สัตว์ที่ตายจากทะเลนั้นฮะลาล”

แต่พวกเขามีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องของสัตว์ไม่มีเลือด

         

     โดยที่ ฮะนะฟีย์ บอกว่า ซากของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำนั้นไม่เป็นนะยิส เช่นปลา กบ ปูแต่ซากสัตว์ตายเองที่เป็นสัตว์มีเลือดไหล และหนังของมันก่อนที่จะฟอกเป็นนะยิส  ส่วนสัตว์ที่ไม่มีเลือดถ้าตกลงไปในน้ำ ไม่ทำให้น้ำนั้นเสีย(กลายเป็นนะยิส)เช่นเหา แมลงวัน เรือด แมงป่อง หรือแมลงสาบ โดยอ้างหลักฐานจากฮาดีษที่ท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-พูดถึงแมลงวันว่า

 

إذاوقع الذباب في شراب أحدكم ،فليغمسه ،ثم لينزعه فإن في إحدى جناحيه داءوفي الاخر شفاء[5]

 

     “เมื่อเวลาแมลงวันตกลงไปในเคริองดื่มของพวกท่าน จงกดมันให้จมแล้วยกมันออกไป เพราะว่าแท้จริงในปีกข้างหนึ่งของมันนั้นมีโรคและอีกข้างหนึ่งมียารักษา”

 

     และจากฮาดีษนี้เองที่ชี้ให้เห็นว่าสัตว์ไม่มีเลือดนั้นไม่เป็นนะยิส มัซฮับมาลิกีย์ก็มีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับฮะนะฟีย์

     ส่วนชาฟิอีย์และฮัมบะลีย์นั้น บอกว่า ปลาและตั๊กแตน และสัตว์ประเภทเดียวกันกับมันทั้ง 2 นั้นสะอาด แต่ชาฟิอีย์บอกว่าซากสัตว์ที่ไม่มีเลือด เช่นแมลงวัน เรือด แมลงปีกแข็ง แมงป่อง แมลงสาบละอื่นๆในประเภทเดียวกันนั้นเป็นนะยิส  ในขณะที่ฮัมบะลีย์บอกว่าสะอาด ส่วนซากสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่บนบก(ครึ่งบกครึ่งน้ำ)เช่นกบ จระเข้ และงูเป็นนะยิสทั้งชาฟิอีย์ละฮัมบะลีย์

     ชาฟิอีย์ยังกล่าวอีกว่า  ซากของหนอนน้ำส้มหรือหนอนผลไม้ เป็นนะยิส แต่ไม่ทำให้ผลไม้นั้นเป็นนะยิสเพราะเป็นการยากที่จะระวังรักษามัน และอนุญาตถ้ากินมันติดเข้าไปพร้อมผลไม้นั้นเนื่องจากลำบากที่จะแยกมันออกมา

 

สรุป

               ซากสัตว์น้ำ และสัตว์ไม่มีเลือด ถือว่าสะอาดตามทรรศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่ยกเว้นชาฟิอี ที่บอกว่าสัตว์ไม่มีเลือดเป็นนะยิส อ้างหลักฐานจากอายะฮฺกุรอานที่ว่า

 

{حرمت عليكم الميتة}المائدة/3

 

ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งสัตว์ที่ตายเอง

 

คำว่า ( الميتة) ซากสัตว์ที่ตายเอง ตามความเห็นของชาฟิอีย์ก็คือ

-   ร่างที่ไม่มีชีวิต

-   ไม่ได้เชือดตามหลัการศาสนา เช่นการเชือดของมะยูซีย์(พวกบูชาไฟ)

-  เป็นสัตว์ฮะรอมเช่น หมู

-  สัตว์ถูเชือดด้วยกระดูก

-  สัตว์ที่ไม่บริโภคเนื้อที่ถูกเชือด เช่นแมว

 

     มัซฮับมาลิกีย์บอกว่า  สัตว์ที่ถูกเชือดตามหลักการทั้งหมดที่ไม่ใช่สัตว์ที่ห้ามกินเนื้อถือว่าสะอาด ส่วนสัตว์ที่ฮะรอมกินเนื้อเช่น ลา ฬ่อ หรือม้า การเชือดไม่ส่งผลต่อมัน(ไม่ทำให้สะอาด)เช่นเดียวกับหมูหรือหมาที่การเชือดไม่ได้ทำให้มันสะอาด


 

       3. อวัยวะส่วนที่แข็งที่ไม่มีเลือดของสัตว์ตายเอง

 

    เช่น เขา กระดูก ฟัน  งาช้าง  กีบเท้า  ผม หรือขน ถือว่าสะอาด ตามความเห็นของฮะนะฟีย์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นซากสัตว์ตายเอง เพราะสัตว์ตายเองตามความหมายของศาสนาก็คือ ร่างที่ไม่มีชีวิต ไม่ใช่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์  หรือด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา และนะยิสของสัตว์ที่ตายเองนั้นจะต้องมีเลือดไหลหรือมีของเหลว หรือเปียกชื้น แต่ในสิ่งเหล่านี้กลับไม่พบลักษณะเช่นนี้จึงไม่นับว่าเป็นนะยิส

   และโดยเหตุนี้เองฮะนะฟีย์เลยบอกว่าส่วนเหล่านี้ของสัตว์ที่ถูกตัดออกมาในขณะที่ยังมีชีวิตก็ถือว่าสะอาด

   ส่วนอุละมาอฺอื่นๆนอกจากฮะนะฟีย์ บอกว่าส่วนต่างๆของสัตว์ที่ตายเองเป็นนะยิส

 

หมายเหตุ นักวิชาการอื่นๆนอกจากชาฟิอีย์บอกว่าผมหรือขนของสัตว์ตายเองนั้นสะอาด

 

 

 


 

[1] บันทึกโดย บุคคอรีย์ มุสลิม อะหมัด และอบูดาวูด จากหนังสือในลุลเอาฏอร เล่มหนึ่ง หน้า51

[2] บันทึกโดยอัลฮากิม และบอกว่าฮาดีษนี้ซอเฮี้ยตามเงื่อนไขของบุคคอรีและมุสลิม อบูดาวูดและติรมีซีย์ก็บันทึกด้วยเช่นกันและบอกว่าเป็นฮะดีษฮะซัน

[3] บันทึกตรงกันระหว่างอะหมัดกับบุคคอรีย์และมุสลิม รายงานจากอบีฮุรัยเราะห์(ดูนัยลุลเอาฏอร เล่ม 1 หน้า 36 และ ซุบุลุซซะลาม เล่มหน้า 22

[4] บันทึกโดยเจ้าของสุนันทั้งสี่และอิบนิอะบีย์ชัยบะฮฺ อิบนุคุซัยมะฮฺและอัตติรมีซีย์บอกว่าเป็นฮะดีษศอเฮี๊ย จากรายงานของอะบีย์ฮุรัยเราะห์

[5] บันทึกโดยบุคคอรีย์ จากรายงานของอะบีย์ฮุรัยเราะห์ อิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า ประเด็นที่เราต้องพิจารณาก็คือท่านรอซูล-ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-จะไม่สั่งให้กดสิ่งที่จะทำให้ขิงที่มันตกลงไปนั้นเป็นนะยิส เพราะการทำเช่นนั้นเป็นการจงใจทำให้(ของนั้น)เสีย

 


higmah.net