แนวทางในการสร้างความเข้าใจเรื่องของอิสลามต่อมวลมนุษยชาติ
  จำนวนคนเข้าชม  2006


แนวทางในการสร้างความเข้าใจเรื่องของอิสลามต่อมวลมนุษยชาติ

 

.อรุณ บุญชม

 

     ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้มอบภารกิจให้ท่านอาลี 2 เรื่อง คือ 

1. นอนบนเตียงนอนแทนท่าน 

2. ให้นำของฝากที่มีผู้มาฝากไว้ไปคืนให้เจ้าของให้ครบ 

 

          ท่านนบีมีฉายานามว่า อัล-อามีน แปลว่า ผู้ซื่อสัตย์ หลายคนที่ไม่เชื่อว่าท่านเป็นศาสนทูต แต่เชื่อในความซื่อสัตย์สุจริตของท่าน ก็ยังคงเอาของมาฝากไว้กับท่าน เพราะเมื่อมาทวงถาม ก็ได้รับคืนไปจนครบทุกคน เพราะฉะนั้นเพื่อรักษาของฝากของผู้ที่มาฝาก ท่านจึงได้มอบหมายภารกิจนี้ให้กับท่านอาลี บิน อะบีตอเล็บว่า เมื่อท่านเดินทางออกจากมักกะฮฺไปแล้ว คนที่จะทำหน้าที่เอาของไปคืนเจ้าของก็คือ ท่านอาลี บิน อบีตอเล็บ 

 

          พอได้เวลาท่านก็ออกไปจากบ้าน โดยอัลลอฮฺ ตะอาลา ให้พวกที่คอยลอบสังหารท่านหลับไป ท่านจึงได้ออกไปพร้อมกับท่านอบูบักรฺ อัซซิดดิก แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่ภูเขาเซาร์เป็นเวลา 3 คืน เมื่อถึงกำหนดอับดุลลอฮฺ บิน อุรอยกิต ก็นำพาหนะมาแล้วทั้งหมดก็ได้ออกเดินทาง ในเหตุการณ์ฮิจเราะฮฺ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญนี้ มีหลายคนที่มีส่วนร่วมคือ

 

     คนที่หนึ่งอามิร บินฟุฮัยเราะฮฺ ซึ่งเป็นทาสและเมื่อเขาเข้ารับอิสลาม ก็ถูกผู้เป็นนายทำทรมาน ท่านอบูบักรฺ จึงได้ไปซื้อตัวมาและปล่อยให้เป็นเสรีชน และได้มอบหน้าที่ให้เขาเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะ 

 

     คนที่สองซึ่งยังเป็นเด็กเล็กคือ อับดุลลอฮฺ บิน อบูบักรฺ เขาจะทำหน้าที่คอยไปสืบข่าวที่นครมักกะฮฺ ว่าพวกกุเรซวางแผนการติดตามท่านนบีอย่างไรบ้าง และตกกลางคืนก็จะนำข่าวมาบอกท่านนบีและท่านอบูบักรฺให้ได้รับทราบ 

     ในขณะเดียวท่าน อามิร บิน ฟุฮัยเราะฮฺ ก็จะไล่ต้อนฝูงแพะมาเดินกลบรอยเท้าของอับดุลลอฮฺ ซึ่งจะต้องไป มา ระหว่างมักกะฮฺกับถ้ำที่ซ่อนตัว ซึ่งจะทำให้เกิดรอยเท้าขึ้น และพวกกุเรซจะมีนักแกะรอยเท้าที่ชำนาญ สามารถติดตามถึงตัวท่านนบีได้ จะเห็นได้ว่าเป็นการวางแผนการที่ทำให้การฮิจเราะฮฺนั้นประสบผลสำเร็จ 

 

     คนที่สามเป็นสตรีชื่อ อัสมาอฺ บินติ อบูบักรฺ เป็นพี่สาวของท่านหญิงอาอีซะฮฺ ร่อฎิยันรอฮุอันฮา แต่คนละมารดา ทำหน้าที่ในการเตรียมเสบียง เตรียมถุงเสบียงของท่านนบีและท่านอบูบักรฺ เมื่อเตรียมเสบียงเสร็จไม่มีเชือกที่จะผูกปากถุง จึงได้นำผ้าคาดเอวของนาง ฉีกออกเป็นสองชิ้น และนำไปผูกปากถุงของแต่ละคน และนำไปมอบให้ท่านนบี และอบูบักรฺ เพื่อใช้เป็นเสบียงในการเดินทาง 

 

          เราจะเห็นได้ว่าในการฮิจเราะฮฺของท่านนบี มีคนหลายส่วนด้วยกันที่เข้ามามีบทบาทร่วม มีผู้ใหญ่ อบูบักรฺเพื่อนผู้ติดตาม ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) มีเยาวชนคือท่านอาลี บิน อบูตอเล็บ มีสตรีก็คือ อัสมาอฺ บินติ อบูบักรฺ มีเด็กก็คือ อับดุลลอฮฺ บิน อบูบักรฺ และก็มีทาสคือ อามิร บิน ฟุฮัยเราะฮฺ และคนต่างศาสนิกคือ อับดุลลอฮฺ บิน อุรอยกิต ทั้งหมดนี้ก็ได้ออกเดินทางจากมักกะฮฺสู่นครมะดีนะฮฺ จนเป็นผลสำเร็จ 

 

          เราจะเห็นได้ว่าการทำงานร่วมกันระหว่างคนที่เป็นมุสลิม กับไม่ใช่มุสลิม ในเหตุการณ์สำคัญอย่างนี้ก็เคยเกิดขึ้น ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ให้ความไว้วางใจกับอับดุลลอฮฺ บิน อุรอยกิต ทั้งที่เขาไม่ใช่เป็นมุสลิม แต่เป็นนักนำทางที่มีความชำนาญ ถ้าหากคนนี้คิดทรยศ เพียงไปกระซิบกับพวกกุเรซว่าท่านนบีจะออกเดินทางวันไหน การฮิจเราะฮฺก็จะต้องล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ 

 

          ที่กล่าวมานี้เป็นสิ่งที่เราจะเห็นได้ว่าแนวทางในการเผยแผ่ของท่านนบีนั้น คือ ท่านนบี มาเพื่อขจัดความไม่รู้หนังสือ มาขจัดความไร้ระเบียบ ความไร้ศีลธรรม จริยธรรมอันดีงาม นำศาสนาที่เป็นหลักชะรีอะฮฺสุดท้ายจนถึงวันกิยามะฮฺ มายังมนุษย์ทั้งหลาย  ที่ในอัลกุรอ่านกล่าวถึงท่านนบีว่า

 

     “โอ้มุฮัมหมัด เรามิได้ส่งเจ้ามานอกจากนำความเมตตา หรือเพื่อเป็นเมตตาธรรมแก่ชาวโลกทั้งหลาย

 

          ท่านนบีไม่ได้มีเมตตาธรรมแต่เฉพาะมนุษย์ แม้กระทั่งสัตว์ ท่านก็ให้ความเมตตาเผื่อแผ่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งต้นไม้ กระทั่งสัตว์ต่าง มีตัวอย่างจากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ที่ท่านได้กล่าวว่า

 

     “ผู้หญิงคนหนึ่งถูกลงโทษอยู่ในขุมนรก สาเหตุเพราะนางได้กักขังแมวเอาไว้จนตาย โดยไม่ปล่อยให้มันไปหาอาหารกินเอง

 

          อีกบทหนึ่งท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้เล่าถึงชายคนหนึ่งว่า

 

     “เขาเดินทางไกลมีความกระหายน้ำ ได้ไปพบบ่อน้ำแห่งหนึ่ง เขาลงไปดื่มน้ำจนอิ่ม เมื่อขึ้นมาที่ปากบ่อ พบสุนัขตัวหนึ่งกำลังนอนเลียดินที่เปียกอยู่ ด้วยความกระหายน้ำ ชายคนนั้นเกิดสำนึก ด้วยมีจิตใจเมตตาของเขาว่า สุนัขตัวนี้ก็คงจะกระหายน้ำเหมือนเรา ก่อนที่ได้ลงไปได้ดื่มน้ำ เขาจึงกลับลงไปในบ่ออีกครั้งหนึ่งแต่ไม่มีภาชนะใดที่จะใส่น้ำเอามาให้สุนัขได้ เขาจึงถอดรองเท้า เอาน้ำใส่ในรองเท้า และใช้ปากคาบรองเท้า ในขณะที่มือของเขาจะต้องเกาะเกี่ยวขึ้นมาที่ปากบ่อ เมื่อขึ้นมาที่ปากบ่อได้นำน้ำมาให้สุนัขดื่ม

     ท่านศาสดาบอกว่าชายผู้นี้ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงอภัยโทษให้แก่เขาและอัลลอฮฺขอบคุณเขา อัลลอฮฺให้เขาได้เข้าสวรรค์

 

     เขาได้รับสามอย่างจากการกระทำถ้าเราดูเหมือนกับเป็นเรื่องเล็กน้อย คือการเอาน้ำให้สุนัขได้ดื่ม เขาได้รับการขอบคุณจากพระเจ้า ได้รับอภัยโทษแก่พระเจ้า พระเจ้าให้เขาได้เข้าสวรรค์ 

 

     บรรดาซอฮาบะฮฺ (สาวก) เมื่อได้ฟังอย่างนั้น จึงได้ถามขึ้นว่าการที่เราทำความดีกับสัตว์จะได้ผลบุญด้วยหรือ?”

     ท่านจึงได้ตอบว่าการทำความดีกับสิ่งมีชีวิตนั้น ได้รับผลบุญตอบแทนทั้งสิ้น

 

          ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่แสดงออกถึงความเมตตา เพราะท่านนบี ไม่ได้มีความเมตตาแต่เฉพาะเพื่อนมนุษย์ แต่ความเมตตาของท่านได้แผ่ออกไปถึงสัตว์อีกด้วย ที่กล่าวมาแล้วนี้คือหลักการของศาสนาอิสลาม ที่ท่านร่อซูลได้วางไว้เป็นแนวทางให้ทำความเข้าใจต่อมวลมนุษย์ว่า อิสลามนั้น มีมาเพื่อเป็นเมตตาธรรมให้แก่มนุษยชาติทั้งหลาย

 

 

ที่มา : วารสารมุสลิม กทม