คุณค่าการทำอิบาดะฮ์ในภาวะวิกฤต
  จำนวนคนเข้าชม  2013

คุณค่าการทำอิบาดะฮ์ในภาวะวิกฤต

 

เรียบเรียง อบูอัรวา

 

          อัลลอฮฺ ทรงบังเกิดพวกเราเพื่ออิบาดะฮฺ และเพื่อการเชื่อฟังพระองค์เพียงองค์เดียว โดยปราศจากการตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระองค์  การอิบาดะฮฺที่เราดำรงชีวิตอยู่กับมันด้วยหัวใจและร่างกายของเรา ทั้งในห้วงเวลาปรกติและในขณะเดินทาง , ในทางบก ทางทะเล และทางอากาศ , ทั้งในขณะที่สุขสงบ , ในภาวะสงครามและความหวาดกลัว , 

 

          แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงให้อิบาดะฮฺในช่วงเวลาที่เกิดฟิตนะฮฺ (ความสับสนวุ่นวาย) ในห้วงสงคราม ความระส่ำระสาย ถือเป็นอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ , มีความสำคัญและรางวัลการตอบแทนอันมากมาย , อันเนื่องจากผู้คนที่อยู่ท่ามกลางฟิตนะฮฺ ในยุคแห่งการเข่นฆ่า และในภาวะสงครามนั้น - พวกเขาต่างหันห่างจากอิบาดะฮฺ อันเนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว , พวกเขาหลงลืมที่จะรำลึกถึงอัลลอฮฺ , ละทิ้งการอ่านอัลกุรอ่าน , และบางครั้งก็ละทิ้งการละหมาดเป็นญะมาอะฮฺ , ชัยฏอนกระซิบกระซาบในขณะละหมาด , ครุ่นคิดถึงข่าวคราวที่มีมาในทุกชั่วโมง ทั้งจากภายในและภายนอก 

          ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ จึงทรงให้บรรดาผู้ที่ยังคงรักษาการอิบาดะฮฺและศาสนาของเขา ให้ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ และเพิ่มพูนสิ่งที่ดีตลอดจนความใกล้ชิดพระองค์ 

 

          ขอท่านทั้งหลายพิจารณา ฮาดีษที่ยิ่งใหญ่นี้ ที่ซอฮาบะฮฺผู้สูงส่ง ท่านมะอฺก็อล บิน ยะซาร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  แท้จริงท่านร่อซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า 

 

((الْعِبادَةُ في الهَرْجِ كَهِجْرَةٍ إلَيَّ))؛ [صحيح مسلم]،

 

การทำอิบาดะฮฺท่ามกลาง อัล-ฮัรญ์ เสมือนเป็นการอพยบ มาหาฉัน

 

         และคำว่า الهرج  ดังที่อิหม่าม นะวาวียฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวไว้ในการอธิบายฮาดีษว่า คือช่วงเวลาฟิตนะฮฺและความสับสนวุ่นวาย  , 

         (เช่นเดียวกัน ในสภาวะสงคราม การเข่นฆ่า , ในภาวะความหวั่นกลัว , ในภาวะเศรฐกิจที่ยุ่งเหยิง , หรือสังคมที่ยุ่งเหยิง ,หรือการวินิจฉัยปัญหาศาสนาที่ไร้กฏเกณฑ์ , ผู้คนต่างตกอยู่ในเรื่องราวอันสับสนวุ่นวาย)

         ดังนั้น ผู้ที่รวมหัวใจของเขาอยู่กับพระเจ้าของเขาในสภาพการณ์เหล่านี้  ให้ความเอาใจใส่และระวังรักษาการละหมาด รักษาการรำลึกถึงอัลลอฮฺและการอ่านอัลกุรอ่าน , รักษาการมีมารยาทที่ดีและการเชื่อมสัมพันธ์ , ประหนึ่งว่าเขาได้อพยพไปสู่ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม

         เป็นที่ทราบกันดีถึงภาคผลของการอพยพสู่ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม , และภาคผลการตอบแทนของบรรดามุฮาญิรีน ที่พวกเขาได้เดินทางออกจากถิ่นฐาน ละทิ้งทรัพย์สินและครอบครัว , บรรดาผู้ที่ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ครอบครัว และทรัพย์สิน เพื่ออัลลอฮฺ เพื่อศาสนา , เพื่อไปพบกับท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม , ชนเหล่านี้ จะไม่มีผู้ใดในบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขา จะได้รับระดับขั้นเช่นพวกเขา  

     อัลลอฮฺ ตรัสว่า 

 

﴿لَا يَسْتَوِي مِنْكُمْ مَنْ أَنْفَقَ مِنْ قَبْلِ الْفَتْحِ وَقَاتَلَ أُولَئِكَ أَعْظَمُ دَرَجَةً مِنَ الَّذِينَ أَنْفَقُوا مِنْ بَعْدُ وَقَاتَلُوا وَكُلًّا وَعَدَ اللَّهُ الْحُسْنَى وَاللَّهُ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرٌ﴾ [الحديد: 10]

 

     “ในหมู่พวกเจ้านั้น มีผู้บริจาคและได้ต่อสู้ (ในหนทางของอัลลอฮฺ) ก่อนการพิชิต (นครมักกะฮฺ) ชนเหล่านั้นย่อมมีฐานะสูงส่งกว่าบรรดาผู้บริจาคและต่อสู้ (ในหนทางของอัลลอฮฺ) หลังจากพิชิต (นครมักกะฮฺ) 

     และอัลลอฮฺทรงสัญญาความดีงาม (สวนสวรรค์) แก่ทั้งสองฝ่าย และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

          ผู้คนในห้วงเวลาฟิตนะฮฺ พวกเขาต่างหันห่างจากศาสนาหรือเผลอไผล , และสาเหตุก็คือการที่พวกเขาวุ่นวายอยู่กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น  ความคิดและคำพูดที่อยู่กับเรื่องราวเหล่านั้น ทั้งในที่ชุมนุม ในตลาด ในการประชุม และในโอกาสต่างๆ นอกจากผู้ที่อัลลอฮฺทรงเมตตา , ผู้คนทั้งหมด  -ยกเว้นเพียงส่วนน้อย -  ต่างออกห่างจากอัลลอฮฺและอิบาดะฮฺต่อพระองค์ , ส่วนผู้ภักดีที่ยึดมั่นต่อศาสนาในสภาพการณ์ความสับสนวุ่นวายเช่นนี้ เขาจะได้รับรางวัลการตอบแทนของบรรดาผู้ที่อพยพไปสู่ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม

 

เพราะฉะนั้น ...

     ขอให้ท่านทั้งหลายยึดมั่นต่อศาสนาของพวกท่านในห้วงเวลาแห่งฟิตนะฮฺเถิด , 

     ขอให้พวกท่านหันสู่อัลลอฮฺ , ทำความเข้าใจ , และเป็นผู้มีเหตุมีผลในสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง และในสิ่งที่ตัดสินใจ , หมั่นวิงวอนขอในดุอาให้พระองค์อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากกลุ่มชนที่ก่อความเสื่อมเสีย , 

     ขอพระองค์ทรงสนับสนุนผู้นำของเรา ในการให้การชี้แนะแก่บรรดาเยาวชน และทรงปกปักษ์รักษาพวกเขาจากกลุ่มชนที่หันห่างออกจากบทบัญญัติแห่งอัลลอฮฺ ,

     ขอทรงทำให้นัศรอนียฺ ยาฮูดี มะญูซี และมุนาฟิกีน ต่ำต้อย , และทรงปัดป้องเลห์เหลี่ยมของพวกเขาให้พ้นไปจากศาสนาและบ้านเมืองของพวกเรา , 

     ขออย่าให้วิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเราเผลอไผลจากอัลลอฮฺ , อัลลอฮฺคือผู้ทรงช่วยเหลือเรา , ผู้ทรงเพียงพอแล้วสำหรับพวกเรา ,พระองค์ทรงให้ทางนำ , พระองค์ผู้ทรงให้การปกป้องคุ้มครองพวกเราในขณะที่พวกเขาไร้ซึ่งผู้ให้การช่วยเหลือ , 

     ขอให้พวกท่านรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มากเถิด , รักษาการละหมาดที่มัสยิด , หันเข้าสู่การอ่านอัลกุรอ่าน , ทำสิ่งที่เป็นสุนัตให้มากๆ , เข้าหาอัลลอฮฺในยามทุกข์ยาก 

الخطبة الثانية

 

          อย่าให้วิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น มาครอบงำสติปัญญาและการแสดงออกของพวกเรา แล้วเราก็บกพร่องในความสัมพันธ์ของเราที่มีต่ออัลลอฮฺ , เราบกพร่องเรื่องการละหมาด เรื่องดุอาอฺ กลายเป็นผู้เผลอไผล พึงระวังจากสภาพการณ์เช่นนี้ ,  จงอดทน ต่างอดทนซึ่งกันและกันเถิด และพึงระแวดระวัง และพึงกลัวเกรงอัลลอฮฺเถิด เพื่อว่าพวกท่านจะได้รับความสำเร็จ 

     ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

((إنَّ من ورائكم زمان صبرٍ، لِلْمُتَمَسِّكِ فيه أجرُ خمسينَ شهيدًا منكم))؛ [صحيح الجامع للألباني، صحيح].

 

     แท้จริงยุคที่อยู่หลังจากพวกท่าน เป็นยุคการอดทน สำหรับผู้ยึดมั่น (ต่อหลักการศาสนา) ในช่วงเวลานั้น ภาคผลของมันเทียบเท่ากับ ผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบ ถึง ห้าสิบคนในหมู่พวกท่าน

 

         แท้จริงบรรดาผู้ที่รักษาการภักดีในวิกฤติเช่นนี้ อัลลอฮฺ อาจป้องกันจากเคราะห์กรรมและผู้ที่ประสงค์ร้าย ชาวสลัฟบางท่าน กล่าวว่า 

     ผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺที่อยู่ท่ามกลางบรรดาผู้เผลอไผล ดั่งผู้ที่ปกป้องหมู่คณะให้พ้นจากความพ่ายแพ้ , หากแม้นว่าไม่มีผู้ใดเลยที่ระลึกถึงอัลลอฮฺ ท่ามกลางผู้คนที่เผลอไผลแล้วละก็ แน่แท้ผู้คนทั้งหลายจะวิบัติ แท้จริงอัลลอฮฺทรงให้การปกป้องคุ้มครองครอบครัว ลูกๆ และบรรดาทายาท และผู้ที่อยู่รายล้อมเขา อันเนื่องจากที่เขาเป็นคนดี (ซอลิหฺ)”

 

         ผู้คนทั้งหลาย เราจะต้องระวังความท้อแท้สิ้นหวัง , เมื่อเราได้พบเห็นวิกฤติต่างๆ และการเข้าครอบงำของบรรดาผู้ก่อความเดือดร้อน , อย่างได้ท้อแท้ อย่าได้สิ้นหวัง

 

﴿ إِنَّهُ لَا يَيْأَسُ مِنْ رَوْحِ اللَّهِ إِلَّا الْقَوْمُ الْكَافِرُونَ ﴾ [يوسف: 87]

 

แท้จริงไม่มีผู้ใดเบื่อหน่ายต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ นอกจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธ

 

          เราจะต้องระวัง พี่น้องที่รักทั้งหลาย การสร้างความหวาดกลัวและการทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ , เราจะไม่ให้ความสำคัญมากไปกว่าที่ควรจะเป็น , และเราจะไม่ทำให้ ผู้ที่ไม่รู้ บรรดาเด็กๆ และผู้หญิง ตื่นตระหนก , เราระมัดระวัง จากการเป็นบุคคลที่อัลลอฮฺกล่าวถึงพวกเขาว่า

 

: ﴿ وَإِذَا جَاءَهُمْ أَمْرٌ مِنَ الْأَمْنِ أَوِ الْخَوْفِ أَذَاعُوا بِهِ ﴾ [النساء: 83]

 

และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขา จะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความกลัวก็ดี พวกเขาก็จะแพร่มันออกไป

 

          ผู้คนที่เป็นดั่งหอกระจายเสียง และสำนักข่าว , ได้ยินข่าว แล้วพวกเขาก็แต่งเสริมเพิ่มเติมให้มากไปอีกเป็นสิบเท่า ,สร้างความตื่นกลัวให้แก่ผู้คน

          เพื่อที่พวกเราจะอดทน มั่นคง และหันเข้าสู่อัลลอฮฺ ยึดมั่นต่อศาสนาและคัมภีร์ ,และแนวทางของท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ,และพึงระลึกเถิดว่าผู้เป็นมุอฺมินจะต้องถูกทดสอบ เพื่อที่พวกเราจักอดทนต่อการทดสอบ

 

﴿ وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنْكُمْ وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَيَسْتَخْلِفَنَّهُمْ فِي الْأَرْضِ كَمَا اسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِنْ قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْتَضَى لَهُمْ وَلَيُبَدِّلَنَّهُمْ مِنْ بَعْدِ خَوْفِهِمْ أَمْنًا يَعْبُدُونَنِي لَا يُشْرِكُونَ بِي شَيْئًا وَمَنْ كَفَرَ بَعْدَ ذَلِكَ فَأُولَئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ ﴾ [النور: 55]

 

     อัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบช่วงในแผ่นดิน เสมือนดังที่พระองค์ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขา เป็นตัวแทนสืบช่วงมาก่อนแล้ว 

     และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขาซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเป็นที่มั่นคงเป็นเกียรติแก่พวกเขา และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัย หลังจากความกลัวของพวกเขา 

     โดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีข้าไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อข้า และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาหลังจากนั้น ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้ฝ่าฝืน

 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

﴿ أَحَسِبَ النَّاسُ أَنْ يُتْرَكُوا أَنْ يَقُولُوا آمَنَّا وَهُمْ لَا يُفْتَنُونَ * وَلَقَدْ فَتَنَّا الَّذِينَ مِنْ قَبْلِهِمْ فَلَيَعْلَمَنَّ اللَّهُ الَّذِينَ صَدَقُوا وَلَيَعْلَمَنَّ الْكَاذِبِينَ ﴾ [العنكبوت: 2، 3]

 

     มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ กระนั้นหรือ 

     และโดยแน่นอน เราได้ทดสอบบรรดาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ดังนั้นอัลลอฮฺจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้สัตย์จริง และจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้กล่าวเท็จ

 

﴿ أَمْ حَسِبْتُمْ أَنْ تَدْخُلُوا الْجَنَّةَ وَلَمَّا يَعْلَمِ اللَّهُ الَّذِينَ جَاهَدُوا مِنْكُمْ وَيَعْلَمَ الصَّابِرِينَ ﴾ [آل عمران: 142]

 

     “หรือพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺยังมิได้ทรงรู้ บรรดาผู้ที่ต่อสู้ (ญิฮาด) ในหมู่พวกเจ้า พร้อมกันนั้น พระองค์ก็จะทรงรู้บรรดาผู้ที่อดทนด้วย

 

 

 

 

رابط الموضوع : https://www.alukah.net/sharia/0/143999/#ixzz7IxIlXtYf