จงถือศีลอด อย่างผู้อำลา
  จำนวนคนเข้าชม  1354

จงถือศีลอด อย่างผู้อำลา

 

อุมมุอัฟว์.....แปลเรียบเรียง

 

เมื่ออยู่ในยามเช้า อย่ารีรอจนถึงยามเย็น

เมื่ออยู่ในยามเย็น อย่าประวิงเวลาจนถึงยามเช้า

     เพราะไม่มีใครรู้ว่า "พรุ่งนี้" จะยังมีชื่อเราปรากฏอยู่ในเหล่าคนที่ยังมีลมหายใจ หรือถูกจารึกไว้ในหมู่คนผู้ลาลับไป

 

     ดังนั้น ช่วงเวลาปัจจุบัน จึงเป็นเวลาที่วิเศษและมีค่าที่สุด หากละหมาดแต่ละครั้ง คิดเสมอว่าอาจเป็นละหมาดสุดท้าย

     เราคงบรรจงละหมาดให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นกันกับ "รอมฎอน" ที่หากเราระลึกไว้เสมอว่า "อาจเป็นรอมฎอนสุดท้าย" หลายอย่างจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดและพฤติกรรมของเรา ! !

 

     ทุกชีวิตที่มีโอกาสอยู่ทันรอมฎอน จึงควรสำนึกอยู่เสมอว่า ทุกเวลานาทีที่เขากำลังมีชีวิตอยู่ คือ ของขวัญ คือ ขุมทรัพย์อันล้ำค่าที่สุด ที่คนๆ หนึ่ง พึงเสาะแสวงหา กอบโกยและกักตุนให้ได้มากที่สุด

     อย่าชะล่าใจว่าผ่านรอมฎอนมานับครั้งไม่ถ้วน และยังมีรอมฎอนรออยู่ข้างหน้าอีกนับครั้งไม่ถ้วน จงใช้ชีวิตในรอมฎอนของทุกปี ราวกับจะไม่มีรอมฏอนเช่นนี้อีกต่อไป...

     จงรู้คุณค่าแห่งช่วงเวลา แสวงหาเพื่ออาคิเราะฮฺของตัวเอง ตักตวงเพื่อเพิ่มน้ำหนักในตาชั่งของเราเอง อันเป็นผลบุญที่ไม่มีใครจะมีสิทธิ์ลิดรอนไปจากเรา ใช้เวลาในรอมฎอนอย่างรู้คุณค่าใช้ชีวิตในรอมฏอน ประหนึ่งบุคคลที่พร้อมอำลา พร้อมต้อนรับความตายที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

 

     จงถือศีลอดอย่างผู้อำลา หมายความว่า เขาจะเป็นผู้พยายามรักษาวันเวลาในรอมฏอนให้ดีที่สุด ปรับปรุงอิบาดะฮฺของวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน  ประคับประคองให้ทุกก้าวเดินในรอมฎอนเป็นไปอย่างคุ้มค่า เป็นก้าวเดินที่ถูกต้อง  ไม่ละเลยเผลอไผล และระวังตนจากทุกความบกพร่อง ผิดพลาด เพื่อให้เป็นชีวิตที่ได้รับการอภัยและถูกปลดปล่อยออกจากเปลวไฟ จนนาทีสุดท้ายของรอมฎอน

 

     เพราะเราไม่รู้เลยว่า เราจะมีโอกาสได้ต้อนรับการกลับมาครั้งใหม่ ของเดือนอันประเสริฐนี้อีกหรือไม่ หลายคนตั้งใจปรับปรุงแก้ไขในรอมฎอนครั้งต่อไป แต่เขาไม่ได้รับสิทธิ์นั้น ขณะที่หลายคนได้รับสิทธิ์แห่งรอมฎอน โดยที่หัวใจกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร 

 

     จงถือศีลอดประหนึ่ง การถือศีลอดของผู้อำลา เพราะอาจเป็นไปได้ว่า... รอมฎอนนี้ อาจเป็นรอมฎอนสุดท้ายของชีวิตเรา !!!!!

#คัดมาแปล

 

 

จงยินดีกับชีวิตที่ยังมีผู้ตักเตือน

 

การที่ชีวิตยังมีคนเตือน ถือเป็นสิ่งวิเศษสำหรับชีวิตนั้น

เพราะมันคือเครื่องหมายบ่งชี้ว่า "ยังมีคนใส่ใจและห่วงใย"

ไม่ว่าการตักเตือนจะมาในรูปแบบใด ตรงบ้างอ้อมบ้าง โผงผางหรือละมุนละม่อม

หรือแม้แต่จะถูกต้องหรือผิดพลาด ก็จงภูมิใจและยินดีที่ยังมีผู้คอยตักเตือนท้วงติง

ไม่มีใครชอบการถูกตำหนิ แม้แต่ตัวเราเอง

แต่การมีอคติกับทุกข้อติติงที่ผ่านเข้ามา จะทำให้เราอยู่ยากในโลกแห่งความเป็นจริง

เพราะเราได้กรองคนที่หวังดีออกจากชีวิตเราจนหมดสิ้น !

ใจสงบยามถูกตำหนิ เป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน

แม้เราจะเป็นคนที่เอ่ยเองว่า "โปรดเตือนฉันที"

แต่เมื่อถึงนาทีนั้น ก็ใช่ว่าจะรักษาท่าทีได้ทุกครั้งไป

ดังนั้น การเป็นผู้รับคำเตือนที่ดีจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้

อาจยากที่จะปรับใจยอมรับ  แต่ยากกว่าหากปล่อยใจให้เตลิดไกลเกินกว่าจะกู่กลับ

เพราะเมื่อหันมาอีกที อาจมองไม่เห็นใครที่กล้าตักเตือนท้วงติงเราอีกต่อไป

ชีวิตจะไม่เหลืออะไรที่ดี หากอยู่ในหมู่คนที่ไม่คอยตักเตือนซึ่งกันและกัน

และจะไม่เหลืออะไรดีดี หากรังเกียจรังงอนบรรดาผู้ตักเตือน .... !

 

 

 

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥