ความประเสริฐของนครมะดีนะฮฺ
อับดุลวาเฮด สุคนธา .....เรียบเรียง
นครมะดีนะฮฺของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม เป็นเมืองที่ดีที่มีความจำเริญ เป็นสถานที่แห่งการประทานวะฮียฺ และบทบัญญัติต่างๆของอิสลามเกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ และเป็นจุดรวมกันระหว่างชาวมุฮาญิรีน(ผู้อพยพ)และชาวอันศอร(ผู้ช่วยเหลือ) เป็นรัฐแห่งแรกของมุสลิม และอัลลอฮฺทรงยกเกียรติเมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ดีที่สุดรองจากนครมักกะฮฺ เป็นเมืองที่อัลลอฮฺทรงเลือกให้ท่านนบีและเหล่าบรรดาสาวกของท่านอพยพมาอาศัยที่นี้
ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้จนถึงบั้นปลาย แห่งชีวิต ท่านได้เสียชีวิตในเมืองนี้ ถูกฝังอยู่ในเมืองนี้
นครมะดีนะฮ์เป็นเมืองที่มีความจำเริญ ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้เกียรติและประทานความประเสริฐมาให้อย่างมากมาย สิ่งที่บ่งชี้ว่านครมักกะฮ์มีความประเสริฐมากกว่านครมะดีนะฮ์ ได้แก่คำพูดของท่านนบี ขณะที่พวกผู้ปฎิเสธมักกะฮ์ขับไล่ท่านออกมาจากเมืองมักกะฮฺ แล้วท่านก็เดินทางมุ่งสู่นครมะดีนะฮ์ ท่านได้กล่าวถึงเมืองนี้ว่า
وَاللَّهِ إِنَّكِ لَخَيْرُ أَرْضِ اللهِ، وَأَحَبُّ أَرْضِ اللهِ إِلَى اللهِ، وَلَوْلَا أَنِّي أُخْرِجْتُ مِنْكِ مَا خَرَجْتُ
“ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ แท้จริง เจ้า(มักกะฮ์) เป็นแผ่นดินของอัลลอฮ์ที่ดีที่สุด เป็นแผ่นดินของอัลลอฮ์ ทรงรักที่สุดของพระองค์
ถ้าหากว่าฉันไม่ถูกขับออกจากเจ้าแล้ว ฉันก็จะไม่ออกมาอย่างเด็ดขาด”
(บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ และอิบนุมาญะฮ์ โดยเป็นฮะดีษศ่อเฮี๊ยะฮ์)
♥- นครมาดีนะฮฺเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ (มีเขตหะรอม) เขตหวงห้าม
ความประเสริฐของนครมาดีนะฮฺอันจำเริญ คือ อัลลอฮ์ ทรงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่ได้รับการพิทักษ์คุ้มครองได้รับความปลอดภัย ดังที่พระองค์ทรงทำให้เมืองมักกะฮ์ได้รับการพิทักษ์คุ้มครอง และมีความปลอดภัย ดังฮะดีษรายกงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ บิน เซด จากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
إنَّ إبْراهِيمَ حَرَّمَ مَكَّةَ ودَعا لأَهْلِها، وإنِّي حَرَّمْتُ المَدِينَةَ كما حَرَّمَ إبْراهِيمُ مَكَّةَ
“แท้จริงอิบรอฮีมได้ประกาศพิทักษ์นครมักกะฮ์และขอพรให้กับชาวเมือง ฉัน(มุฮัมหมัด)ประกาศพิทักษ์นครมะดีนะฮ์เหมือนดังที่อิบรอฮีมได้ประกาศพิทักษ์นครมักกะฮฺ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
หมายถึงเมืองนี้จะได้รับการพิทักษ์คุ้มครองจากอัลลอฮ์
ดังฮะดีษรายกงานจากท่าน อาลี บิน อะบี ตอลิบ จากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
الْمَدِينَةُ حَرَامٌ مَا بَيْنَ عَيْرٍ إِلَى ثَوْرٍ".
“นครมาดีนะฮฺเป็นเมืองต้องห้าม ซึ่งอยู่ระหว่างภูเขา อัยร์ ไปถึง ภูเขาเซารฺ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
♥- ชื่อนครมะดีนะฮฺที่มีความจำเริญ (ฏอยบะฮฺ)
ท่านนบีตั้งชื่อ ว่า “ฏอยบะฮ์” หรือ “ฏอบะฮ์” โดยมีหลักฐานยืนยันอยู่ในหนังสือศ่อเฮี้ยะฮ์มุสลิม ว่า นบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
"هَذِهِ طَيْبَةُ، هَذِهِ طَيْبَةُ، هَذِهِ طَيْبَةُ يَعْنِي الْمَدِينَةَ"
“นี้คือเมือง ฏอยบะฮฺ(นครมะดีนะฮฺ) กล่าวถึงสามครั้งด้วยกัน”
(บันทึกโดยมุสลิม)
คำทั้งสองนี้คือ “ฏอยบะฮ์” และ “ฏอบะฮ์” แปลว่า “ดี” ซึ่งบ่งชี้ว่า ชื่อทั้งสองนี้เป็นสิ่งที่ดี จึงถูกนำมาเรียกสถานที่ดี
ท่านอิมามอิบนุหะญัรกล่าวว่า คำว่า ดี ของเมืองมาดีนะฮฺนั้นหมายถึง ดินแดนที่ดี สะอาดบริสุทธิ์ และการพักอาศัยในเมืองแห่งนี้
♥- ความศรัทธาที่พรั่งพรูมายังเมืองนี้
ความศรัทธาได้พรั่งพรูมายังเมืองนี้ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
إِنَّ الْإِيمَانَ لَيَأْرِزُ إِلَى الْمَدِينَةِ، كَمَا تَأْرِزُ الْحَيَّةُ إِلَى جُحْرِهَا
“แน่แท้ ความศรัทธาจะพรั่งพรูไปยังนครมะดีนะฮ์ ดังเช่นงูที่พรั่งพรูไปยังรูของมัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ และมุสลิม)
หมายความว่า ความศรัทธาจะพรั่งพรูไปยังนครมะดีนะฮ์และปกคลุมเมืองนี้ บรรดามุสลิมต่างมุ่งไปยังนครมะดีนะฮฺ เนื่องจากความศรัทธาและมีความรักในเมืองที่มีความจำเริญ ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงพิทักษ์ไว้
♥- นครมาดีนะฮฺเป็นเมืองที่ผู้คนปรารถนามาอาศัยอยู่
ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
"يَأْتِي عَلَى النَّاسِ زَمَانٌ يَدْعُو الرَّجُلُ ابْنَ عَمِّهِ وَقَرِيبَهُ: هَلُمَّ إِلَى الرَّخَاءِ! هَلُمَّ إِلَى الرَّخَاءِ! وَالْمَدِينَةُ خَيْرٌ لَهُمْ لَوْ كَانُوا يَعْلَمُونَ"
“จะมีมนุษย์ในยุคหนึ่งที่ผู้ชายจะเรียกร้องให้ลูกหลานของเขาว่า มาสู่ความสุขกันเถิด มาสู่ความสุขกันเถิด นครมะดีนะฮ์นั้นดีสำหรับพวกเขา ถ้าหากว่าพวกเขารู้”
( บันทึกโดยมุสลิม)
♥- ห้ามทำอุตริในเรื่องของศาสนา(โดยเฉพาะที่นครมาดีนะฮฺ)
จากความประเสริฐของนครมะดีนะฮฺ ท่านนบี ห้ามการอุตริในเรื่องของศาสนาถือเป็นอันตรายอย่างมาก เมื่อท่านได้บอกถึงเขตฮะรอม ของเมืองโดยท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
الْمَدِينَةُ حَرَمٌ مَا بَيْنَ عَيْرٍ إِلَى ثَوْرٍ، فَمَنْ أَحْدَثَ فِيهَا حَدَثًا، أَوْ آوَى مُحْدِثًا، فَعَلَيْهِ لَعْنَةُ اللهِ وَالْمَلَائِكَةِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ، لَا يَقْبَلُ اللهُ مِنْهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ صَرْفًا، وَلَا عَدْلًا
“นครมะดีนะฮ์มีขอบเขตฮะรอมระหว่างภูเขาอัยร์ถึงภูเขาซูร ผู้ใดที่ก่อการอุตริหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้อุตริ เขาจะถูกสาปแช่งจากอัลลอฮ์ และมะลาอิกะฮ์ และมวลมนุษย์ พระองค์อัลลอฮ์จะไม่ทรงรับการขออภัยโทษและการไถ่โทษใด ๆ จากเขา”
(บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)
♥- ดัจญาลและโรคระบาด(กาฬโรค) ไม่เข้าสู่เมืองมาดีนะฮฺ
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
عَلَى أَنْقَابِ الْمَدِينَةِ مَلَائِكَةٌ، لَا يَدْخُلُهَا الطَّاعُونُ وَلَا الدَّجَّالُ
”ตามประตูเมืองมาดีนะฮฺจะมีมะลาอิกะฮฺคอยเฝ้าอยู่ โรคระบาด(กาฬโรค) และดัจญาล ไม่เข้าสู่เมืองมาดีนะฮฺเด็ดขาด”
( บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)
♥- นครมาดีนะฮฺเป็นเมืองที่ท่านนบี ขอดุอาอ์ให้มี(จำเริญ)บะรอกะฮ์
ท่านอบู สะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
اللَّهُمَّ بَارِكْ لَنَا فِي مَدِينَتِنَا، اللَّهُمَّ بَارِكْ لَنَا فِي صَاعِنَا اللَّهُمَّ بَارِكْ لَنَا فِي مُدِّنَا
“ได้โปรดประทานความ(จำเริญ)บะรอกะฮ์แก่เราในเมืองของเรา
ได้โปรดประทานบะรอกะฮ์แก่เราในเครื่องตวงที่เป็นศ็ออ์(อาหารที่ตวง)ของเรา
และได้โปรดประทานบะรอกะฮ์แก่เราในเครื่องตวงมุด(อาหารที่ตวง)ของเรา”
(บันทึกโดยมุสลิม)
♥- เมืองแห่งชัยชนะ
ปรากฏอยู่ในรายงานท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
أُمِرْتُ بِقَرْيَةٍ تَأْكُلُ الْقُرَى يَقُولُونَ: يَثْرِبُ، وَهِيَ الْمَدِينَةُ
“ฉันถูกใช้ให้อพยพไปยังตำบลหนึ่งซึ่งกินตำบลทั้งหลาย พวกเขาเรียกมันว่า ยัษริบ คือ อัลมะดีนะฮ์”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺและมุสลิม)
คำพูดของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ที่ว่า “กินตำบลทั้งหลาย” มีการอธิบายว่า เมืองนี้มีชัยเหนือเมืองทั้งหลายและเอาชนะตำบลต่าง ๆ และอธิบายว่า จะมีการนำทรัพย์เชลยและทรัพย์สงครามที่ได้มาโดยการทำญิฮาดสู้รบในหนทางของอัลลอฮ์ ส่งมายังนครมะดีนะฮ์ ทั้งชัยชนะและทรัพย์สงครามนี้ เกิดขึ้นจริง โดยที่เมืองนี้มีชัยเหนือเมืองอื่น ๆ
ดังที่นักเผยแพร่ผู้พัฒนาและผู้พิชิตผู้บุกเบิก ได้นำหมู่ชนออกจากความมืดสู่ความสว่างด้วยการอนุมัติจากพระเจ้าของพวกเขา จึงทำให้ประชาชนทั้งหลายเข้านับถือศาสนาของอัลลอฮฺ และนำความดีทั้งหลายสู่ชาวโลก ซึ่งออกมาจากนครมะดีนะฮ์ที่จำเริญนี้ อันเป็นยุคของชนรุ่นแรกจากบรรดาศ่อฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ และบรรดาคอลีฟะฮ์ผู้ปราดเปรื่อง
บรรดาทรัพย์สงครามที่ยึดได้ถูกส่งมายังนครมะดีนะฮ์ สภาพเช่นนี้ก็เกิดขึ้นจริงเพราะท่านนบีได้บอกถึงการที่ได้นำเอาคลังสมบัติของกิสรอแห่งอาณาจักรเปอร์เซียและไกเชอร์แห่งอาณาจักรโรมัน มาใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮ์ โดยได้มีการลำเลียงคลังสมบัติทั้งหลายมายังนครมะดีนะฮ์อันจำเริญ และได้จัดการแบ่งสรรโดยมือของคอลีฟะฮ์ อุมัร อิบนุ ศ็อฏฏ็อบ
♥- อัลลอฮฺทรงคุ้มครองชาวเมืองมาดีนะฮฺ
รายงานจากท่านซะอฺด บินอะบีวักกอส รอฎอยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
مَنْ أَرَادَ أَهْلَ الْمَدِينَةَ بِسُوءٍ، أَذَابَهُ اللهُ كَمَا يَذُوبُ الْمِلْحُ فِي الْمَاءِ
“ใครก็ตามที่ประสงค์ร้าย (คิดร้ายคิดไม่ดี) ต่อชาวเมืองมาดีนะฮฺ อัลลอฮฺจะทรงทำลายแผนการของเขา เหมืองดังเกลือที่ถูกละลายด้วยกับน้ำ”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)
♥- ส่งเสริมให้มีความอดทนอาศัยในนครมาดีนะฮฺ
นบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ส่งเสริมให้มีความอดทนจากความหิวและความทุกข์ยาก ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ โดยที่ท่านนบี กล่าวว่า
“นครมะดีนะฮ์สำหรับพวกเขา ถ้าหากว่าพวกเขารู้”
การที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวเช่นนี้ บอกแก่ บรรดาผู้คนที่ต้องการเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ เพื่อไปอาศัยอยู่ในสถานที่อื่น ๆ โดยปรารถนาในความสุขความสบาย การมีริซกีที่กว้างขวางและมีทรัยพ์สินเงินทองมากมาย ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
الْمَدِينَةُ خَيْرٌ لَهُمْ لَوْ كَانُوا يَعْلَمُونَ ، لَا يَدَعُهَا أَحَدٌ رَغْبَةً عَنْهَا إِلَّا أَبْدَلَ اللَّهُ فِيهَا مَنْ هُوَ خَيْرٌ مِنْهُ ، وَلَا يَثْبُتُ أَحَدٌ عَلَى لَأْوَائِهَا وَجَهْدِهَا إِلَّا كُنْتُ لَهُ شَفِيعًا أَوْ شَهِيدًا يَوْمَ الْقِيَامَةِ
“นครมะดีนะฮ์สำหรับพวกเขา ถ้าหากว่าพวกเขารู้ ไม่มีคนใดปรารถนาอื่นจากมัน (นครมะดีนะฮ์) นอกจากอัลลอฮ์จะทรงทดแทนผู้ที่ดีกว่าเขาให้มาอาศัยอยู่ในเมืองนี้
และไม่มีคนใดยืนหยัดต่อความหิวโหยและความยากลำบากของเมืองนี้ นอกจากฉันจะเป็นผู้ขอซะฟาอะฮ์หรือจะเป็นพยานให้แก่เขาในวันกิยามะฮ์”
(บันทึกโดย มุสลิม)
ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لَا يَصْبِرُ أَحَدٌ عَلَى لَأْوَائِهَا فَيَمُوتَ إِلَّا كُنْتُ لَهُ شَفِيعًا أَوْ شَهِيدًا يَوْمَ الْقِيَامَةِ إِذَا كَانَ مُسْلِمًا
“ไม่มีคนหนึ่งคนใดที่เขาอดทดต่อความหิวโหย แล้วได้เสียชีวติ นอกจากฉัน(ท่านนบี)จะเป็นผู้ขอซะฟาอะฮ์(การช่วยเหลือ)หรือจะเป็นพยานให้แก่เขาในวันกิยามะฮ์ หากว่าเขาเป็นมุสลิม”
(บันทึกโดย มุสลิม)
ตัวบทนี้บ่งชี้ถึงความประเสริฐของนครมะดีนะฮ์ ส่งเสริมให้มีความอดทนต่อความยากลำบาก และความหิวโหยทุกข์ภัยและความลำเค็ญที่ประสบกับคนหนึ่ง ภาวะเช่นนั้นมิได้เป็นปัจจัยผลักดันให้เขาต้องอพยพออกจากนครมะดีนะฮ์ไปอาศัยอยู่ในเมืองอื่น เพื่อแสวงหาความสุขสบาย การมีริซกีที่อันมากมาย แต่ทว่าเขามีความอดทนต่อสิ่งที่มาประสบกับเขาโดยที่เขาได้รับการสัญญาว่าจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่และผลบุญจากอัลลอฮ์
♥- ผู้ที่เสียชีวิตนครมาดีนะฮฺการ(ท่านนบี)จะเป็นผู้ขอซะฟาอะฮ์(การช่วยเหลือ)ให้แก่เขา
รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร รอฎอยัลลอฮุอันฮุมา ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ اسْتَطَاعَ أَنْ يَمُوتَ بِالْمَدِينَةِ فَلْيَمُتْ بِهَا ؛ فَإِنِّي أَشْفَعُ لِمَنْ يَمُوتُ بِهَا
“ใครที่มีความสามารถที่จะเสียชีวิตที่ครมาดีนะฮฺ ก็จงเสียชีวิตเถิด เพราะแท้จริงแล้วฉัน(ท่านนบี)จะเป็นผู้ขอซะฟาอะฮ์(การช่วยเหลือ)แก่คนที่เสียชีวิตที่นี้”
(บันทึกโดย ติรมีซีย์)
หะดีษบทนี้ใครก็ตามที่เสียชีวิตแน่นอนเขาจะได้การช่วยเหลือจากท่านนบี แต่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย หรือกระโดดตึก ลักษณะแบบนี้จะไม่ได้รับภาคผลใดๆเลย
รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร รอฎอยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า
اللَّهُمَّ ارْزُقْنِي شَهَادَةً فِي سَبِيلِكَ ، وَاجْعَلْ مَوْتِي فِي بَلَدِ رَسُولِكَ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
“โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ประทานให้แก่ฉันการเสียชีวิตในหนทางของพระองค์ และได้โปรดทำให้การตายของฉันนั้นอยู่ในเมืองของท่านนร่อซูลลอฮ์ด้วยเถิด”
( บันทึกโดยบุคครีย์)
ท่านอิมาม นะวะวีย์ กล่าวว่า ส่งเสริมให้มีความปรารถนาและขอดุอาอ์ที่จะเสียชีวิตในดินแดนแห่งนี้
♥- ละหมาดที่มัสยิดกุบาอ์
มัสยิดกุบาอ์เป็นหนึ่งในสองมัสยิดที่มีความประเสริฐ และฐานะสำคัญแห่งนครมะดีนะฮ์ เพราะทั้งสองมัสยิดถูกสร้างบนความตักวา(ยำเกรง) ในวันแรกที่ท่านนบี เดินทางไปถึง มีรายงานจากท่านนบี เกี่ยวกับการกระทำและคำพูดของท่านที่บ่งชี้ถึงความประเสริฐของการละหมาดในมัสยิดกุบาอ์ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ تَطَهَّرَ فِي بَيْتِهِ ثمَّ أَتَى مَسْجِدَ قُبَاءَ فَصَلَّى فِيهِ صَلاَةً كَانَ لَهُ كَأَجْرِ عُمْرَةٍ
“ผู้ใดทำความสะอาดร่างกายที่บ้านของตน แล้วไปมัสยิดกุบาอ์ และได้ละหมาดในมัสยิด เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับทำพิธีอุมเราะห์หนึ่งครั้ง”
(บันทึกโดยอะห์มัดและน่าซาอี)
ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
صلاةٌ في مسجِدِ قُباءَ كعُمرةٍ
“การละหมาดในมัสยิดกุบาอ์เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับทำพิธีอุมเราะห์หนึ่งครั้ง”
(บันทึกหนังสือศ่อเฮี้ยะอัตตัรฆีบอฺวัตตัรฮีบ เชคอัลบานีย์)
รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร รอฎอยัลลอฮุอันฮุมา ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:
أنَّ رَسُولَ الله صلى الله عليه وسلم كَانَ يَزُورُ قُبَاءً، رَاكِباً وَمَاشِياً.
“แท้จริงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไปเยี่ยมมัสยิดกุอาอ์ด้วยการขี่ภาหนะหรือเดินไป “
(บันทึกโดยมุสลิม)
♥- ความประเสริฐของการละหมาดที่มัสยิดนะบะวีย์
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«صَلَاةٌ فِيْ مَسْجِدِيْ هَذَا أَفْضَل مِنْ أَلْفِ صَلَاةٍ فِيْمَا سِوَاه إِلّا المَسْجِد الحَرام»
“1 ละหมาดในมัสยิดของฉัน(มัสยิดนบี)นี้ประเสริฐกว่า 1000 ละหมาดในที่อื่นๆ นอกจากมัสยิดอัล-หะรอม”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ตัวบทนี้ครอบคลุมถึงการละหมาดทุกประเภท(ดุฮา วิตร สุนนะฮฺของละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ละหมาดญะนาซะฮฺ(คนตาย)) จะได้รับภาคผล
♥- มัสยิดนะบะวีย์เป็นหนึ่งในสามมัสยิดที่ท่านนบีﷺส่งเสริมให้เดินทางไปยังสถานที่นี้
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«لَا تَشُدّ الرِحَال إِلّا إِلَى ثَلاَثَةِ مَسَاجِد: مَسْجِدِي هذا وَمَسْجِد الحرام وَمَسْجِدِ الأقصى»
“อย่าเดินทางอย่างเนืองแน่น นอกจากไปยังมัสยิดทั้งสาม (คือ) มัสยิดของฉันนี้ มัสยิดอัล-หะรอม และมัสยิดอัล-อักศอ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
♥- มีอุทยานของสวรรค์ในมัสยิดนบี
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«مَا بَيْنَ بِيْتِيْ وَمِنْبَرِيْ رَوْضَةٌ مِنْ رِيَاضِ الْجَنَّةِ، وَمِنْبَرِيْ عَلَى حَوْضِيْ»
“ช่วงระหว่างบ้านของฉันกับมิมบัรของฉัน เป็นอุทยานแห่งหนึ่งจากหลายๆอุทยานของสวรรค์ และมิมบัรของฉันอยู่บนบ่อน้ำของฉัน”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)
บรรดานักวิชาการให้ความหมายตรงนี้ว่า
- การงานที่ได้ปฏิบัติในสถานที่แห่งนี้นั้นจะนำไปสู่สวนสวรรค์
- ท่านอิบนุ หะญัรกล่าวว่า อุทยานแห่งหนึ่งจากหลายๆอุทยานของสวรรค์ หมายถึงในสถานที่ตรงจุดนี้ จะได้รับความเมตตาและความสงบสุขเหมือนดังกลุ่มนั่งริกรุลลออฺ(รำลึกต่ออัลลอฮฺ)
- ก็อสฎอลานีย์กล่าวว่า อัรเราเฏาะอฮฺจะถูกยกขึ้นยังสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ
- อัจวะฮฺ (عَجْوَةٌ ) หมายถึง อินทผลัมชนิดหนึ่ง ที่ดีที่สุดของเมืองมะดีนะฮฺ ผลไม้มาจากสวรรค์ มีรสชาติอร่อย ไม่หวานมาก มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นยารักษาโรคได้
รายงานจากท่านซะอฺด บินอะบีวักกอส รอฎอยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริง ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
مَنْ تَصَبَّحَ كُلَّ يَوْمٍ سَبْعَ تَمَرَاتٍ عَجْوَةً، لَمْ يَضُرَّهُ فِي ذَلِكَ الْيَوْمِ سُمٌّ وَلَا سِحْرٌ
“ผู้ใดรับประทานอินทผลัมอัจวะฮฺ 7 เม็ดในยามเช้า พิษต่างๆและไสยศาสตร์ไม่สามารถทำอันตรายแก่เขาได้ในวันนั้น”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)
รายงานจากท่าน อบีสะอีด ว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
وَفِيهَا شِفَاءٌ مِنْ السُّمِّ الْعَجْوَةُ مِنْ الْجَنَّةِ
“อินทผลัมอัจวะฮฺ นั้นมาจากสวนสวรรค์ และมันเป็นยาบำบัดพิษต่างๆ”
(บันทึกโดย อันนะซาอี และอิบนุมาญะฮฺ)
อินทผลัมอัจวะฮฺนั้น สามารถรักษาโรคได้ดังนี้
1. ทำให้ร่างกายแข็งแรง พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ ถ้ารับประทานประจำ
2. ป้องกันไสยศาสตร์ โดยรับประทานวันละ 7 เม็ด
3. รักษาพิษต่างๆ โดยรับประทานวันละ 7 เม็ด