อธิบายซูเราะฮ์อัลอาดิยาต 
  จำนวนคนเข้าชม  148

อธิบายซูเราะฮ์อัลอาดิยาต 

 

สรุปโดย... อ.ยะห์ยา หัสการบัญชา

 

อัลอาดิยาต ความหมายในทางภาษา แปลว่า ผู้หรือสิ่งที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ซูเราะฮ์อัลอาดิยาต เป็นหนึ่งในซูเราะฮ์ประเภท มักกียะฮ์

ซูเราะฮ์อัลอาดิยาต เป็นซูเราะฮ์ลำดับที่ 100 ในอัลกุรอาน

ซูเราะฮ์อัลอาดิยาต มีทั้งหมด 11 

 

 สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 1

 

"สาบานด้วยม้าที่ส่งเสียงหอบขณะวิ่ง"

      อัลอาดิยาต เป็นคำพหูพจน์ของคำว่า อัลอาดีย์ แปลว่า ผู้ที่วิ่ง หรือ เดิน ออกไปอย่างรวดเร็ว หรือสิ่งที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว 

     ส่วนในที่นี้ นักอธิบายความหมายของอัลกุรอานได้เห็นต่างเป็น 2 ทัศนะดังนี้..

ทัศนะที่หนึ่ง หมายถึง ฝูงอูฐที่เดินอย่างรวดเร็วในช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ 

ทัศนะที่สอง หมายถึง ฝูงม้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าห้ำหั่นกับศัตรูในสงคราม 

     โดยทัศนะที่สองนี้มีน้ำหนักและถูกต้องมากที่สุด และการที่อัลลอฮ์ทรงสาบานกับฝูงม้าศึกนั้นบ่งบอกถึงเกียรติและคุณค่าความสำคัญของม้า

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 2

 

"แล้วสาบานด้วยม้าที่กีบเท้าของมันตีกับหินจนเกิดประกายไฟ"

      อัลมูริยาต ในที่นี้คือ ฝูงม้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งเกือกของพวกมันที่กระทบกับพื้นหินเกิดประกายไฟขึ้นมา

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 3

 

"แล้วสาบานด้วยม้าที่จู่โจมศัตรูในยามเช้า"

    สาเหตุที่เคลื่อนทัพจู่โจมศัตรูในยามรุ่งอรุณนั้นก็เพราะ ในช่วงเลาดังกล่าวศัตรูจะไม่มีความพร้อมในการรบ และบกพร่องในการเตรียมทัพ

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 4

 

"แล้วมันได้ทำให้ฝุ่นตลบฟุ้งในยามนั้น"

      ฝูงม้าเหล่านี้วิ่งไวมากจนกระทั่งฝุ่นตลบไปทั่ว

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 5

 

"แล้วมันได้บุกเข้าไปท่ามกลางหมู่ศัตรูในยามนั้น"

      คำว่า جمعا (ญัมอา) ในอายะฮ์นี้หมายถึงข้าศึกศัตรู หมายความว่า ฝูงม้าเหล่านี้ได้วิ่งเข้าไปท่ามกลางข้าศึกศัตรู

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 6

 

"แท้จริงมนุษย์เป็นผู้เนรคุณต่อพระเจ้าของเขา"

      เป็นคำตอบและคำอธิบายสำหรับอายะฮ์ที่ 1-5 ในซูเราะฮ์นี้ ที่อัลลอฮ์ทรงสาบานกับฝูงม้าศึกพร้อมบอกคุณลักษณะต่างๆในการออกรบของมัน เพื่อยืนยันให้รู้ว่ามนุษย์โดยพื้นฐานนั้นเป็นผู้ที่เนรคุณอย่างมากต่ออัลลอฮ์ 

     คือเมื่อได้รับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตอย่างมากมาย พวกเขาก็จะหลงระเริงคิดไปว่าทุกสิ่งอย่างนั้นได้มาด้วยตนเองไม่ใช่ความเมตตาที่ได้รับมาจากพระเจ้า หรือหลงตัวเอง ลำพองตนเวลาที่ประสบความสำเร็จได้ดีในชีวิต จนลืมไปว่าตัวเขาต้องพึ่งพาอัลลอฮ์ในการดำเนินชีวิต แต่พอประสบกับความทุกข์ยากลำบาก เขาจะตัดพ้อต่อว่าอัลลอฮ์หรือท้อแท้สิ้นหวัง

     จุดนี้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของศาสนาอิสลามที่มีต่อชีวิตของมนุษย์ เพราะหากพวกเขาไม่มีอิสลามเป็นทางนำชีวิต พวกเขากจะตกอยู่ในความพินาศและคุณลักษณะต่างๆที่เสื่อมเสียอย่างแน่นอน

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 7

 

"และแท้จริงเขาได้เป็นพยานยืนยันต่อการ(เนรคุณ)นั้นอย่างแน่นอน"

      ใครคือผู้ที่เป็นพยานยืนยันในอายะฮ์นี้ นักอธิบายอัลกุรอานมีความเห็นสองทัศนะ คือ

     ทัศนะที่หนึ่ง อัลลอฮ์ คือผู้ที่ยืนยัน ว่ามนุษย์โดยพื้นฐานนั้นเป็นผู้ทำเนรคุณต่ออัลลอฮ์

     ทัศนะที่สอง มนุษย์คือผู้ที่ยืนยันตัวของเขาเองว่าเป็นผู้เนรคุณต่ออัลลอฮ์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า โดยในโลกนี้เขาได้ยืนยันด้วยพฤติกรรมที่แสดงออกมา และในโลกหน้าเขาได้ยืนยันด้วยคำพูดต่อหน้าอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์

     ซึ่งทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดก็คือการรวมทั้งสองทัศนะเข้าด้วยกัน

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 8

 

"และแท้จริงเขามีความหวงแหน เพราะรักในสิ่งที่ดี(ทรัพย์สมบัติ)"

      สิ่งที่ดีในอายะฮ์นี้ หมายถึง ทรัพย์สินเงินทอง

     มนุษย์ทั่วไปโดยพื้นฐานล้วนแต่ชอบทรัพย์สิน แต่ต่างกันที่ระดับความชอบ บางคนชอบทรัพย์สินเพียงแค่มีไว้ใช้จ่ายขั้นพื้นฐานอย่างพอเพียงในการดำรงชีวิตและทำความเคารพบูชาอัลลอฮ์ ส่วนบางคนก็ชอบมีไว้สะสมครอบครองอย่างมากมาย บางคนมีมากเท่าไหร่ก็ไม่พอ

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 9

 

"เขาไม่รู้หรอกหรือว่า เมื่อสิ่ง(คนตาย)ที่อยู่ในหลุมฝังศพถูกให้ฟื้นขึ้นมา"

      อัลลอฮฺทรงตั้งคำถามเพื่อเตือนสติมนุษย์ที่ดีว่าการที่เขาเนรคุณและหลงระเริงกับการแสวงหาทรัพย์สินนั้น สุดท้าย ทุกสิ่งในโลกนี้ ทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือน เครื่องประดับ ที่ดินไร่นา และผลประโยชน์อื่นๆทางโลก ล้วนแต่จต้องสูญสลายหายไปทั้งสิ้น และพวกเขาจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อรับการสอบสวนพิพากษาจากอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์ 

     โดยที่ทรัพย์สินและผลประโยชน์เหล่านั้นที่เขาเก็บไว้โดยไม่ใช้ในทางที่ดี หรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาเลย ฉะนั้นจะมัวแต่หมกมุ่นกับพวกมันไปเพื่ออะไร ทำไมไม่ใช้ชีวิตในทางที่ดี? ทำไมไม่ฉวยโอกาสใการทำความดีสะสมที่จะให้ประโยชน์แก่ตัวเขาในโลกหน้า?

     และเป็นการตั้งคำถามเพื่อขู่เตือนมนุษย์ที่ไม่ดีว่า การที่พวเขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการแสวงหาทรัพย์สินและเนรคุณต่ออัลลอฮ์นั้น อีกไม่นานเมื่อพวกเขาตายจากไป และฟื้นคืชีพในวันกิยามะฮ์พวกเขาจะได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่ตัวเขา และสิ่งที่เขาจะต้องได้รับก็คือการลงโทษอันเจ็บแสบจากอัลลอฮ์

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 10

 

"และสิ่งที่อยู่ในหัวอกถูกเผยออก"

      ยืนยันให้รู้ว่าสิ่งที่ถูกปกปิดอยู่ภายในใจของมนุษย์นั้นจะถูกเปิดเผยออกมาทั้งความดีความชั่ว ความศรัทธาและการปฏิเสธ ความสัจจริงและความกลับกลอก

 

 

สรุปคำอธิบายอายะฮ์ที่ 11

 

"แท้จริงพระเจ้าของพวกเขาในวัน(กิยามะฮ์)นั้น ทรงรอบรู้หยั่งถึงพวกเขาอย่างแน่นอน"

      แจ้งให้ทราบถึงหนึ่งในพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮ์ ก็คือ อัลค่อบีร หมายถึง พระผู้ทรงรอบรู้และหยั่งถึงทุกสิ่งในตัวตนของมนุษย์ทั้งหมด รวมถึงสิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งหมด ทั้งที่เปิดเผยและปกปิดซ่อนเร้นในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะในวันกิยามะฮ์ วันแห่งการสอบสวนพิพากษา 

 

 

อธิบายความหมายโดยรวมของซูเราะฮ์อัลอาดิยาต

 

          ในตอนต้นของซูเราะฮ์นี้อัลลอฮ์ทรงสาบานกับบรรดาม้าที่ออกศึกให้ทราบว่ามนุษย์ทั้งหลายโดยพื้นฐานนั้นเป็นผู้ที่เนรคุณต่ออัลลอฮ์และเป็นผู้ที่ชอบและปรารถนาในทรัพย์สินอย่างมาก จนหลงระเริงและลืมไปว่าท้ายสุดพวกเขาจะต้องตายและจากนั้นก็จะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากสุสานเพื่อไปรับการสอบสวนและพิพากษาในวันกิยามะฮ์อัลลอฮ์ พระเจ้าที่แท้จริงผู้ทรงรอบรู้และหยั่งถึงทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับพวกเขาทั้งที่เปิดเผยและปกปิดไว้ในใจ

 

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากซูเราะฮ์อัลอาดิยาต

 

     1. อัลลอฮ์ทรงสามารถสาบานกับสิ่งใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ส่วนมนุษย์จำเป็นจะต้องสาบานกับอัลลอฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น

 

     2. มนุษย์จำเป็นจะต้องกตัญญูรู้คุณต่ออัลลอฮ์ในทุกช่องทาง ทั้งกาย วาจา และจิตใจ

 

     3. มนุษย์โดยพื้นฐานเต็มไปด้วยคุณลักษณะที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่น เนรคุณต่ออัลลอฮ์ ตีโพยตีพายเมื่อประสบความลำบาก หวงแหนทรัพย์สินและสิ่งดีๆ ที่ได้รับมา หลงระเริงและลืมตัว ซึ่งหนทางที่จะทำให้รอดพ้นจากคุณลักษณะไม่ดีเหล่านั้นคือ การยึดมั่นอยู่ในหลักคำสอนของอิสลาม

 

     4. ยืนยันว่าการฟื้นคืนชีพเพื่อมารับการพิพากษาจากอัลลอฮ์ และรับผลตอบแทนจากพระองค์ในวันกิยามะฮ์นั้นมีจริง และต้องเชื่อมั่นศรัทธาในเรื่องนี้

 

     5. ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตในโลกนี้แบบพอเพียงและเรียบง่าย

 

     6. ยืนยันให้รู้ว่าสิ่งที่ถูกปกปิดอยู่ภายในใจของมนุษย์นั้นจะถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นมุสลิมผู้ศรัทธาจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจเพราะสิ่งที่อยู่ภายในใจจะถูกสอบสวน ทั้งเจตนาและความรู้สึกต่างๆที่เป็นอิบาดะฮ์ทางด้านจิตใจ เหมือนกับที่ให้ความสำคัญกับการกระทำ เพราะการงานทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนาที่อยู่ในจิตใจ เท่ากับว่าหัวใจคือตัวกำหนดทิศทางของการกระทำว่าจะเป็นเช่นไร

 

     7. แจ้งให้ทราบถึงหนึ่งในพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮ์ ก็คือ อัลค่อบีร หมายถึง พระผู้ทรงรอบรู้และหยั่งถึงทุกสิ่งในตัวตนของมนุษย์ทั้งหมด รวมถึงสิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งหมด ทั้งที่เปิดเผยและปกปิดซ่อนเร้น โดนมุสลิมทุกคนจะต้องศรัทธาและยึดมั่นในเรื่องนี้

 

 

ที่มา : ห้องเรียนอัลอิสติกอมะฮ์