ละหมาด(มีรางวัล)ทุกขั้นตอน...
แปลเรียบเรียง...เพจบันทึกฮัก
การอาบน้ำละหมาดช่วยชำระล้างบาปเล็กน้อยให้แก่ผู้ศรัทธา
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า:
"เมื่อบ่าวของอัลลอฮฺ ทั้งผู้ที่เป็นมุสลิมและมุอฺมิน อาบน้ำละหมาด
แล้วเขาล้างใบหน้า ความผิดบาปทั้งหมดที่เขามองด้วยดวงตาของเขา ก็จะหลุดออกมาพร้อมกับน้ำ หรือหยดน้ำสุดท้าย
เมื่อเขาล้างมือ ความผิดบาปทั้งหมดที่เขาได้กระทำด้วยมือ ก็จะหลุดออกมาพร้อมกับน้ำ หรือหยดน้ำสุดท้าย
และเมื่อเขาล้างเท้า ความผิดบาปทั้งหมดที่เขาได้เดินไปหาด้วยเท้าของเขา ก็จะหลุดออกมาพร้อมกับน้ำ หรือหยดน้ำสุดท้าย จนกระทั่งเขาออกมาสะอาดบริสุทธิ์จากบาป"
(บันทึกโดยมุสลิม/ 244)
ชัยคฺ บิน บาซ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
การนั่งหลังละหมาดฟัรฎูเป็นการนั่งที่มีคุณค่า
นักวิชาการกล่าวว่า : การนั่งหลังจากให้สลามในละหมาดฟัรฎูนั้น เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งความเมตตาจากอัลลอฮฺจะถูกประทานลงมาแก่บ่าวของพระองค์
อย่ารีบลุกขึ้นยืนในทันที...!!!
ควรขออภัยโทษ (อิสติฆฟาร)กล่าว ซุบฮานัลลอฮฺ (มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺ) อัลฮัมดุลิลลาฮฺ (สรรเสริญอัลลอฮฺ) ลาอิลาฮะ อิ้ลลัลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) อัลลอฮุอักบัร (อัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด) อ่านอายะฮฺอัลกุรซีย์ อย่าลืมว่าท่านกำลังอยู่ในสภาพที่เป็นแขกของพระผู้ทรงเมตตา
อัลลอฮฺตรัสว่า:
"ดังนั้นเมื่อเจ้าสร็จสิ้นภารกิจแล้ว จงทุ่มเทอย่างเต็มที่ และจงมุ่งสู่พระเจ้าของเจ้าด้วยความหวัง"
(อัชชัรฮฺ7-8)
อิบนุ บัฏฏอล -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ- กล่าวว่า:
"ผู้ใดที่มีบาปมากมาย และปรารถนาให้อัลลอฮฺลบล้างบาปเหล่านั้นโดยไม่ต้องเหนื่อยยาก จงรีบฉวยโอกาสอยู่ในที่ละหมาดของเขาหลังจากการละหมาด เพื่อให้ได้รับการขอดุอาและการขออภัยโทษจากบรรดามลาอิกะฮฺแก่เขา"
(ชัรฮฺ อัลบุคอรีย์ 3/114)
"ช่างเป็นการนั่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้เลย และยังเป็นก้าวหนึ่งสู่สวรรค์"
อิบนุล ก็อยยิม -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
ผลของการกล่าวศอละวาตต่อท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
"และผลของการกล่าวศ่อละวาตต่อท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ อีกประการหนึ่งก็คือ เป็นสาเหตุให้เท้ายืนหยัดมั่นคงบนสะพาน (ศิรอต) และผ่านพ้นมันไปได้"
[ جلاء الأفهام (ص 453)]
อิบนุล ก็อยยิม -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
ซูเราะฮฺอัลฟาติฮะห์ใช้เยียวยารักษาโรคภัย
ฉันได้ยินชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ- กล่าวบ่อยครั้งว่า:
"อี้ยากะ นะอฺบุดุ" (เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เหล่าข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ) จะช่วยขจัด -ริยาอฺ- ความโอ้อวด
"อี้ยากะ นัสตะอีน" (เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เหล่าข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ) จะช่วยขจัด -กิบริยาอฺ- ความหยิ่งยโส
ดังนั้น หากผู้ใดรอดพ้นจากโรค -ริยาอฺ- (ความโอ้อวด) ด้วย "อี้ยากะ นะอฺบุดุ"
และรอดพ้นจากโรค -กิบริยาอฺ- (ความหยิ่งโส หลงตนเอง) ด้วย "อี้ยากะ นัสตะอีน"
และรอดพ้นจากโรค -ฎ่อล้าล- (ความหลงผิด) และ -ญะฮฺล- (ความไม่รู้) ด้วย "อิฮฺดินัศศิรอฏ้อลมุสตะกีม" (ขอพระองค์ทรงชี้นำเราสู่ทางที่เที่ยงตรง)
ผู้นั้นจะได้รับการเยียวยาจากทุกโรคภัยและสวมใส่อาภรณ์แห่งความสุขสบาย พร้อมทั้งได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ และเขาจะเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ของ "ผู้ที่พระองค์ทรงประทานความโปรดปราน"
"ฆ็อยริลมัฆฎูบิอะลัยฮิม" (มิใช่แนวทางของพวกที่ถูกกริ้ว) ซึ่งหมายถึงบรรดาผู้ที่ได้รับสัจธรรมความจริงแต่ทว่ากลับดื้อรั้นไม่ยอมรับไม่ปฏิบัติ (ยิว)
"วะลัฎฎอลลีน" (และมิใช่แนวทางของพวกที่หลงผิด) อันเนื่องจากพวกเขาคือกลุ่มชนที่ไม่รู้ความจริง และไม่รู้ว่าอะไรถูกต้อง (คริสต์)
ดังนั้น ซูเราะฮฺ อัลฟาติฮะห์ จึงมีองค์ประกอบของการเยียวยา 2 ประการนี้ (คือการขจัดโรคร้ายทางใจและการชี้นำสู่ทางที่ถูกต้อง) จึงเป็นซูเราะฮฺที่เหมาะแก่การเยียวยาทุกโรค นี่คือความเข้าใจอันลึกซึ้งของบรรดานักวิชาการอิสลามในการตีความอัลกุรอ่าน
ﻣﺪﺍﺭﺝ ﺍﻟﺴﺎﻟﻜﻴﻦ (ﺝ1-ﺹ 127)
ท่านร่อซู้ล صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า:
" หัวขโมยที่ชั่วช้าที่สุด คือ คนที่ลักเล็กขโมยน้อยจากการละหมาดของเขา "
บรรดาศ่อฮาบะฮฺต่างถามว่า:"ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺครับ จะขโมยจากการละหมาดได้อย่างไรกันครับ?"
ท่านตอบว่า :"เขาไม่ได้รุกั๊วะอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้สุญูดอย่างสมบูรณ์ และไม่มีความนอบน้อม (คุชั้วะ) อย่างสมบูรณ์"
(บันทึกโดย อิมามอะฮฺมัด)
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
"ชายคนหนึ่งจากประชาชาติของฉัน เขาตื่นขึ้นในเวลากลางคืน พยายามฝืนตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำละหมาด
อัลลอฮฺ -ตะอาลา- จึงตรัส (แก่บรรดามะลาอิกะฮฺ) ว่า:
"พวกเจ้าทั้งหลายจงดูบ่าวของข้าผู้นี้เถิด เขาพยายามฝืนตัวเองเพื่อที่จะวิงวอนขอต่อข้า
หากเขาขอสิ่งใดจากข้า ข้าจะมอบสิ่งนั้นแก่เขา
และหากเขาขอสิ่งใดจากข้า ข้าจะมอบสิ่งนั้นแก่เขา"
(บันทึกโดย อะฮฺหมัด และ อิบนุ ฮิบบาน)
•┈┈┈••✦✿✦••┈┈┈••┈┈┈••✦✿✦••┈┈┈••┈┈┈••✦✿✦••┈┈┈•