เวลาควบคุมเรา เราไม่ได้ควบคุมเวลา
  จำนวนคนเข้าชม  102

เวลาควบคุมเรา เราไม่ได้ควบคุมเวลา

 

เรียบเรียง .... อ.จรวด นิมา

 

          แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงใช้คำนำหน้า กิยามะฮฺ ด้วยคำว่า วัน บางคนก็ว่า วันเริ่มจากดวงอาทิตย์ขึ้น จนถึงดวงอาทิตย์ตก บ้างก็ว่า วันเริ่มจากดวงอาทิตย์ขึ้น จนถึงดวงอาทิตย์ขึ้นในวันถัดมา แต่ อัลลอฮฺ ทรงอยู่เหนือกาลเวลา และวันกิยามะฮฺ มีกี่ชั่วโมง ? จะใช้เวลานานเท่าไร ? หรือจะจบลงตรงดวงอาทิตย์ตก ? 

 

          เราต้องทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า วันก็คือเวลา ที่ถูกสร้างมาจากอัลลอฮฺ และทุกสรรพสิ่งที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ต้องเทียบกับเวลา 

 

          เช่น เราต้องมีวันเกิด เราก็เกิดในวันนั้น เราต้องมีวันตายเราก็ต้องตายในวันนั้น เราจะทำสิ่งนี้ในวันนึ้ เราจะทำสิ่งนั้นในวันพรุ่งนี้ เราจะสร้างอาคารนี้ในช่วงเวลาสามปี และปีหน้าเราจะเดินทางไปยุโรป อเมริกา เป็นต้น

 

      เวลาคือ ตารางชีวิต ตารางเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเรา 

 

      เวลาคือ สิ่งปิดกั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ที่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ หรือมีผู้รายงานให้เรารู้

 

      เวลาคือ สิ่งปิดกั้นอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้ หรือหลังวันพรุ่งนี้ หรืออีกหลายปีข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้น ?

 

      สิ่งที่เรารู้ได้จากปัจจุบัน และอดีตที่ผ่านมา ส่วนอนาคต เราไม่อาจรู้ว่าอะไรคือ การกำหนดของอัลลอฮฺ ตะอาลา 

 

      สิ่งที่เรารู้ได้จากปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมา ส่วนอนาคตเราไม่อาจรู้ว่าอะไร ? คือการกำหนดของอัลลอฮฺ ตะอาลา

 

      เวลาควบคุมเรา เราไม่ได้ควบคุมเวลา เพราะมนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่เหนือกาลเวลา เช่น ไม่สามารถให้ตัวเขาคงสภาพเป็นเด็กอยู่อย่างนั้น โดยไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่  ไม่สามารถให้ตัวเขาคงสภาพเป็นหนุ่มอยู่อย่างนั้น โดยไม่แก่ชรา ไม่สามารถหวนกลับไปสู่อดีตเพื่อแก้ไขความผิดพลาดของเขา  เช่น เคยก่ออาชญากรรมฆ่าคนตาย เขาไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการฆ่าได้ เพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถย้อนเวลาไม่ให้เกิดขึ้นได้

 

     เวลา คือ ส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา แต่อัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้างกาลเวลา ไม่มีคำว่าเวลา ณ พระองค์ เพราะพระองค์อยู่เหนือกาลเวลา ไม่มีคำว่าอดีตจะมาซ้อนเร้นปิดบัง ความรู้ของพระองค์ ไม่มีคำว่าปัจจุบันที่อยู่นอกกรอบการกำหนดของพระองค์  และไม่มีเหตุการณ์ต่างๆที่พระองค์จะต้องพบเจอ เพราะทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลอยู่ในความรอบรู้ของพระองค์ กระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ และสิ่งที่มาหลังวันกิยามะฮฺ ก็อยู่ในความรอบรู้ของพระองค์ทั้งสิ้น

 

     เมื่อเราอ่านโองอัลกรุอ่าน ที่ว่า 

إِنَّمَا أَمْرُهُ إِذَا أَرَادَ شَيْئًا أَن يَقُولَ لَهُ كُن فَيَكُونُ( يس: ٨٢)

 

"แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใดพระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า"จงเป็น" แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา”

(ยาซีน : 82)

 

     จำเป็นที่เราต้องพิจารณาคำตรัสที่ว่า "พระองค์ก็จะตรัสแก่มัน" ซึ่งหมายถึง สิ่งนั้นอยู่ในความรอบรู้ของ

     อัลลอฮฺด้วยคำประกาศิตว่า "จงเป็น" สิ่งนี้จะเปิดเผย เด่นชัด ชัดเจน แจ่มแจ้ง ให้เรารู้ 

 

          อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงมีพระประสงค์ให้เราเข้าใจ และรู้ว่าเวลาคือ สิ่งที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ โดยที่พระองค์จะทรงให้เวลาดำเนินไปพร้อมกับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หรือไม่ให้เวลาดำเนินไปพร้อมกับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ก็ย่อมได้ 

          ขณะที่ เรานอนหลับแล้วตื่นขึ้น เราไม่รู้ว่า เราใช้เวลาในการนอนเท่าไร ? เพราะความรู้สึกของเราที่เคยสัมผัสกับเวลาขาดหายไปในขณะหลับ

 

          ดังนั้น ความหมายจริง ๆ ของเวลา คือ ใช้เทียบเหตุการณ์ เมื่อเหตุการณ์หยุด ความรู้สึกสัมผัสกับเวลาก็หยุดตาม

          ดังเรื่องชาวถ้ำ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เกี่ยวกับกลุ่มชายหนุ่มที่มีความศรัทธามั่นต่อพระเจ้าองค์เดียว หนีหลบเข้าไปอยู่ในถ้ำเพื่อให้พ้นจากการกดขี่ของพวกปฏิเสธศรัทธา

     ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า

وَلَبِثُوا فِي كَهْفِهِمْ ثَلَاثَ مِائَةٍ سِنِينَ وَازْدَادُوا تِسْعًا(الكهف: 25)

 

"พวกเขาอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสามร้อยปี(ตามปีสุริยคติ)และต้องเพิ่มอีกเก้าปี(ตามปีจันทรคติ)"

 (อัลกะฮฺฟิ 25)

 

          พระองค์ทรงบันดาลให้พวกเขาหลับอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 309 ปี และหากพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เวลามีผลกับพวกเขา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา ?

          และ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงให้พวกเขา"อยู่นอกเหนือการควบคุมของเวลา" หลับไหลในสภาพที่มีชีวิต 309 ปีโดยไม่ให้พวกเขาตาย 

     ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า 

 

﴿ وَتَحْسَبُهُمْ أَيْقَاظًا وَهُمْ رُقُودٌ ۚ وَنُقَلِّبُهُمْ ذَاتَ الْيَمِينِ وَذَاتَ الشِّمَالِ ۖ (الكهف: ١٨)

 

"และพวกเจ้าคิดว่า พวกเขาตื่น ทั้งๆที่พวกเขาหลับ และเราพลิกพวกเขาไปทางขวา และทางซ้าย" 

(อัลกะฮฺฟิ : 18)

 

          อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า "ทั้งๆที่พวกเขาหลับ" โดยไม่ได้ทรงกล่าวว่า"ทั้งๆที่พวกเขาตาย" เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงเดชานุภาพของพระองค์ว่า ให้พวกเขาหลับไหลในสภาพที่มีชีวิตอยู่

 

          และหากเราพิจารณาจากคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า "และเราพลิกพวกเขาไปทางขวา และทางซ้าย" ก็เพราะ พระองค์ประสงค์ให้ร่างกายของพวกเขาปลอดภัยไม่ให้ได้รับอันตราย ในขณะนอนหลับเป็นเวลานาน 

 

         อย่างที่เรารู้ในปัจจุบันว่า ผู้ป่วยที่มีการนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน หรือ ผู้ป่วยนอนติดเตียง มีการเคลื่อนไหวได้น้อย หรือ ไม่ค่อยพลิกตัว จนเกิดเป็นแผลกดทับที่ผิวหนังตามตำแหน่งต่างๆ จำเป็นต้องมีการพลิกตะแคงผู้ป่วยบ่อยๆ เพื่อช่วยลดการกดทับ และช่วยให้มีการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้นลดการลุกลามของแผลกดทับ

 

          อัลลอฮฺ ทรงกล่าวโองการนี้ เมื่อ 1400 กว่าปี ซึ่งมนุษย์เอง ยังไม่เข้าใจเหตุผลการพลิกตัวนี้ กระทั่งความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้เรารู้ว่า ผลของการนอนบนเตียงเป็นเวลานาน หรือนอนติดเตียง จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย และนี้คือความมหัศจรรย์ของอัลกรุอ่านมิใช่หรือ ?