คำสั่งเสียนบี แด่สตรี(อย่าบ่น)
อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ قَالَ:خَرَجَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - فِي أَضْحَى أَوْ فِطْرٍ إِلَى الْمُصَلَّى فَمَرَّ عَلَى النِّسَاءِ فَقَالَ: "يَا مَعْشَرَ النِّسَاءِ تَصَدَّقْنَ فَإِنِّي أُرِيتُكُنَّ أَكْثَرَ أَهْلِ النَّارِ" فَقُلْنَ: وَبِمَ يَا رَسُولَ اللَّهِ؟ قَالَ: "تُكْثِرْنَ اللَّعْنَ وَتَكْفُرْنَ الْعَشِير مَا رَأَيْتُ مِنْ نَاقِصَاتِ عَقْلٍ وَدِينٍ أَذْهَبَ لِلُبِّ الرَّجُلِ الْحَازِمِ مِنْ إِحْدَاكُنَّ" قُلْنَ: وَمَا نُقْصَانُ دِينِنَا وَعَقْلِنَا يَا رَسُولَ اللَّهِ؟ قَالَ: "أَلَيْسَ شَهَادَةُ الْمَرْأَةِ مِثْلَ نِصْفِ شَهَادَةِ الرَّجُلِ" قُلْنَ: بَلَى، قَالَ: "فَذَلِكِ مِنْ نُقْصَانِ عَقْلِهَا أَلَيْسَ إِذَا حَاضَتْ لَمْ تُصَلِّ وَلَمْ تَصُمْ" قُلْن َ: بَلَى، قَالَ: "فَذَلِكِ مِنْ نُقْصَانِ دِينِهَا
มีรายงานจาก อบีสะอี๊ด อัลคุดํรี้ยฺ กล่าวว่า ในวันหนึ่งของ อีดิ้ล อัฏฮา หรือ อีดิ้ล ฟิฏริ (ผู้รายงานไม่แน่ใจ) ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ออกไปยังสถานที่สำหรับการละหมาด ท่านเดินผ่านบรรดาสตรีกลุ่มหนึ่ง
ท่านนบีจึงกล่าวว่า “โอ้สตรีทั้งหลาย โปรดทำศ่อดะเกาะฮฺเถิด แท้จริงฉันถูกนำไปดูสถานที่ในนรกและในที่นั่นมีผู้หญิงส่วนมากเป็นชาวนรก”
แล้วพวกนางถามว่า ” เพราะเหตุอันใดหรือ โอ้ท่านร่อซูล ?”
ท่านร่อซูล ตอบว่า ”เพราะพวกนาง พูดจาสาปแช่ง ด่าทอ กันมาก และ ทรยศ ขัดขืนต่อสามี ฉันไม่เคยเห็น ผู้หญิงที่บกพร่องในเรื่องศาสนา และสติปัญญาซึ่งนางได้ทำให้ชายที่มีความสุขุมรอบคอบขาดสติ เนื่องจากคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกนาง”
พวกนางถามว่า ” โอ้ท่านร่อซูลอะไรเล่าที่ว่าพวกเราบกพร่องในเรื่องศาสนาของเรา และบกพร่องสติปัญญาของเรา?”
ท่านร่อซูลตอบว่า ”การเป็นพยานของสตรีนั้น เท่ากับครึ่งหนึ่งของ การเป็นพยานของ บุรุษ มิใช่หรือ?”
(การเป็นพยานของหญิง2เท่ากับการเป็นพยานของชาย1) พวกนางตอบว่า “ ใช่แล้ว”
ท่านร่อซูลกล่าวว่า “นั่นแหละคือความบกพร่องของสตรีทางด้านสติปัญญา”
ท่านร่อซูลกล่าวอีกว่า “ และเมื่อนางมีรอบเดือน นางก็ไม่ได้ละหมาด ไม่ได้ถือศิลอด มิใช่หรือ?”
พวกนางตอบว่า “ใช่แล้ว”
ท่านร่อซูลกล่าวว่า “ นั่นแหละคือความบกพร่องของสตรีในเรื่องศาสนา”
(บันทึกโดย บุคอรีย์)
มีรายงานจาก ท่าน ญาบิร อิบนิ อับดิลลาฮฺกล่าวว่า
شَهِدْتُ مع رَسولِ اللهِ صَلَّى اللَّهُ عليه وسلَّمَ الصَّلَاةَ يَومَ العِيدِ، فَبَدَأَ بالصَّلَاةِ قَبْلَ الخُطْبَةِ، بغيرِ أَذَانٍ وَلَا إقَامَةٍ، ثُمَّ قَامَ مُتَوَكِّئًا علَى بلَالٍ، فأمَرَ بتَقْوَى اللهِ، وَحَثَّ علَى طَاعَتِهِ، وَوَعَظَ النَّاسَ وَذَكَّرَهُمْ، ثُمَّ مَضَى حتَّى أَتَى النِّسَاءَ، فَوَعَظَهُنَّ وَذَكَّرَهُنَّ، فَقالَ: تَصَدَّقْنَ؛ فإنَّ أَكْثَرَكُنَّ حَطَبُ جَهَنَّمَ، فَقَامَتِ امْرَأَةٌ مِن سِطَةِ النِّسَاءِ سَفْعَاءُ الخَدَّيْنِ، فَقالَتْ: لِمَ يا رَسولَ اللهِ؟ قالَ: لأنَّكُنَّ تُكْثِرْنَ الشَّكَاةَ، وَتَكْفُرْنَ العَشِيرَ، قالَ: فَجَعَلْنَ يَتَصَدَّقْنَ مِن حُلِيِّهِنَّ؛ يُلْقِينَ في ثَوْبِ بلَالٍ مِن أَقْرِطَتِهِنَّ وَخَوَاتِمِهِنَّ
ฉันไปร่วมละหมาดอีดกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านร่อซูล เริ่มละหมาดก่อนจากนั้นท่านก็กล่าว คุฏบะฮฺ โดยการละหมาดอีดนี้จะไม่มีการอะซานและอิกอมะฮฺ ท่านลุกขึ้นยืนพิงท่านบิล้าล ท่านสั่งให้เกรงกลัวอัลลอฮฺ และกล่าวส่งเสริมให้เชื่อฟัง ปฏิบัติตาม อัลลอฮฺ กล่าวตักเตือนและสั่งสอนผู้คนแล้วท่านก็ผ่านไป จนกระทั่งถึงกลุ่มสตรี ท่านได้สั่งสอนและตักเตือนพวกนาง
ท่านกล่าวว่า "พวกเธอทั้งหลาย จงทำศ่อดะเกาะฮฺให้มากๆเถิด แท้จริงพวกเธอส่วนมากเป็นเชื้อเพลิงของไฟนรก"
มีสตรีคนหนึ่งมีผิวหน้าคล้ำเล็กน้อย นางถามว่า “เพราะอะไรเล่า โอ้ท่านร่อซูล ?”
ท่านร่อซูล ตอบว่า “เพราะพวกเธอชอบบ่นว่ากล่าวสามี ตำหนิติเตียนสามีกันมาก และพวกเธอดื้อดึงฝ่าฝืนสามี”
ท่าน ญาบิรก็กล่าวว่า..เมื่อได้ยิน ดังนั้นพวกนางจึงเอาเครื่องประดับที่ใส่ติดตัวมาโยนใส่ผ้าที่ท่านบิล้าลปูไว้เพื่อรับศอดะเกาะฮฺ
(บันทึกโดย มุสลิม)
ในวันอีดแห่งการถือศีลอดหรือการเสียสละอันศักดิ์สิทธิ์ (อีดฟิฏรีหรืออีดอัฏฮา) ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ความสำคัญกับการเทศน์ในวันนั้น เนื่องจากเป็นโอกาสที่ผู้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก ทำให้การเผยแผ่ความรู้และประโยชน์ต่างๆ สามารถกระจายไปยังหลายๆ คนได้
ในบทนี้ ท่านญาบีร บิน อับดุลลอฮ์ เล่าว่า เขาได้ร่วมละหมาดอีดกับท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในวันอีดฟิฏรีหรืออีดอัฏฮา โดยท่านนบีได้ละหมาดอีดก่อน จากนั้นจึงได้เทศน์ในวันอีด ซึ่งการละหมาดอีดไม่มีการเรียกอาซาน หรือประกาศการละหมาดเหมือนกับการละหมาดปกติ หลังจากเสร็จจากการละหมาด ท่านนบีได้ยืนเทศน์โดยพิงกับบิลาล บิน ราบาห์ ท่านได้เตือนให้ผู้ที่มาร่วมฟังเทศน์นั้นตระหนักถึงการกลัวพระเจ้าในทุกๆ สถานการณ์ โดยการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์และหลีกเลี่ยงสิ่งที่พระองค์ห้าม
ท่านได้กระตุ้นให้ผู้คนปฏิบัติตามคำสอนที่ดีและการทำความดี โดยเตือนให้พวกเขาระลึกถึงพระเจ้า และเมื่อเสร็จจากการเทศน์แก่ผู้ชายแล้ว ท่านศาสดาก็เดินไปที่มณฑลของผู้หญิงและเทศน์แก่พวกเธอ
โดยเตือนพวกเธอให้บริจาคทานจากทรัพย์สินของตนเองและเตือนว่า "พวกเธอส่วนมากจะเป็นฟืนของนรก"
อัลลอฮ์ ได้ตรัสในคัมภีร์กุรอานว่า
: {فَاتَّقُوا النَّارَ الَّتِي وَقُودُهَا النَّاسُ وَالْحِجَارَةُ}
"จงกลัวไฟนรกที่เชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และหิน"
ส่วนคำว่า "หะตอบ" หมายถึงไม้แห้งที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟ ในที่นี้ หมายถึงผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงของนรก
มีผู้หญิงคนหนึ่งจากกลุ่มผู้หญิงที่ยืนขึ้นถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับการที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีดำ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อธิบายว่า สาเหตุที่ใบหน้าของเธอดำเพราะผู้หญิงมักจะบ่นบ่อยและไม่พอใจในสิ่งที่น้อยนิด และยังมีการปฏิเสธความดีของสามี
โดยเฉพาะการที่ผู้หญิงบางคนอาจจะบอกว่า "ถ้าคุณทำดีกับเธอทั้งชีวิต แต่เมื่อเกิดอะไรขึ้นเล็กน้อย เธอกลับพูดว่า 'ฉันไม่เคยเห็นความดีจากคุณเลย' "
ซึ่งการปฏิเสธความดีแบบนี้ทำให้ความผิดเล็กน้อยกลายเป็นใหญ่ขึ้น เนื่องจากสิทธิของสามีมีความสำคัญ ผู้หญิงควรขอบคุณและยอมรับในความดีที่สามีทำเพื่อดูแลเธอ
หลังจากนั้น ญาบีร เล่าว่า เมื่อผู้หญิงได้ยินคำเทศนาของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกเธอก็เริ่มออก (การบริจาค) จากเครื่องประดับที่สวมใส่ เช่น ต่างหูและแหวน ซึ่งพวกเธอใส่ลงในผ้าของบิลาล ที่กำลังเก็บรวบรวม จากเครื่องประดับต่างๆ
ในฮะดีษนี้มีข้อสังเกตว่า การละหมาดอีดต้องทำก่อนการเทศนา และไม่มีการประกาศอาซานหรือการทำการอิคามะ (การประกาศการละหมาด) สำหรับการละหมาดอีด และยังมีการส่งเสริมให้บริจาค และการเตือนผู้หญิงไม่ให้บ่นบ่อยเกินไป และไม่ควรปฏิเสธความดีของสามี และมีการให้คำเทศนาโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงในวันอีด