จงรีบเร่งไปสู่การทำฮัจญ์
อับดุลวาเฮด สุคนธา
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด ด้วยความยำเกรงที่แท้จริง เพราะแท้จริงมันคือเสบียงของบรรดาคนดีทั้งหลาย และเป็นหนทางรอดพ้นจากความทุกข์ยากในวันกิยามะฮ์
ดังที่พระองค์ ตรัสว่า:
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ وَلْتَنْظُرْ نَفْسٌ مَا قَدَّمَتْ لِغَدٍ وَاتَّقُوا اللَّهَ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا تَعْمَلُونَ
“ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และทุกชีวิตจงพินิจว่าได้เตรียมอะไรไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำ”
(อัลฮัชรฺ: 18)
โอ้บ่าวของอัลลอฮ์ทั้งหลาย :
แท้จริงแล้ว หนึ่งในบรรดาการเคารพภักดีที่ประเสริฐที่สุด และหนึ่งในวิธีการใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือ การประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งถือเป็นเสาหลักหนึ่งในห้าเสาของศาสนาอิสลาม อัลกุรอาน สุนนะฮ์ และมติเอกฉันท์ของบรรดานักวิชาการต่างระบุชัดว่า เป็นวาญิบ (ข้อบังคับของอิสลาม) สำหรับมุสลิมที่มีความสามารถ (ทั้งด้านร่างกายและทรัพย์สิน) หนึ่งครั้งในชีวิต
อัลลอฮ์ ตรัสว่า:
وَللهِ عَلَى النَّاسِ حِجُّ البَيْتِ مَنِ اسْتَطَاعَ إِلَيْهِ سَبِيلًا وَمَنْ كَفَرَ فَإِنَّ اللهَ غَنِيٌّ عَنِ العَالَمِينَ
“และเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เหนือมนุษย์ คือการที่พวกเขาต้องไปทำฮัจญ์ ณ บ้านหลังนั้น (กะอฺบะฮ์) สำหรับผู้ที่สามารถเดินทางไปถึง
และผู้ใดปฏิเสธแน่นอนว่าอัลลอฮ์นั้นทรงไม่ต้องการอะไรจากสรรพสิ่งทั้งมวล”
(อาละอิมรอน: 97)
และท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
بنيَ الإسلامُ على خمسٍ شهادةِ أن لا إلَه إلّا اللهُ وأنَّ محمدًا رسولُ اللهِ وإقامِ الصلاةِ وإيتاءِ الزَّكاةِ وصومِ رمضانَ وحجِّ البيتِ
“อิสลามถูกวางเอาไว้บนรากฐานห้าประการ คือ
การปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์,
การดำรงละหมาด, การจ่ายซะกาต, การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน และการประกอบฮัจญ์ที่บัยตุลลอฮ์”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ได้กล่าวในคุตบะฮ์ว่า:
أَيُّهَا النَّاسُ قدْ فَرَضَ اللَّهُ عَلَيْكُمُ الحَجَّ، فَحُجُّوا، فَقالَ رَجُلٌ: أَكُلَّ عَامٍ يا رَسولَ اللهِ؟ فَسَكَتَ حتَّى قالَهَا ثَلَاثًا، فَقالَ رَسولُ اللهِ ﷺ: لو قُلتُ: نَعَمْ لَوَجَبَتْ، وَلَما اسْتَطَعْتُمْ
โอ้ผู้คนทั้งหลาย ! อัลลอฮ์ได้กำหนดให้พวกท่านต้องไปทำฮัจญ์ ดังนั้นจงไปทำเถิด”
ชายคนหนึ่งถามว่า: “ทุกปีเลยหรือท่านรอซูล?”
ท่านนบีเงียบไป จนกระทั่งชายผู้นั้นถามอีกสามครั้ง
ท่านนบีจึงตอบว่า: “ถ้าฉันตอบว่าใช่ มันก็จะกลายเป็นวาญิบ และพวกท่านคงไม่สามารถปฏิบัติตามได้”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ท่านนบีของเรา ﷺ ได้ไปประกอบฮัจญ์ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งเรียกว่า “ฮัจญ์วะดาอ์” (ฮัจญ์อำลา) ในปีที่ 10 หลังฮิจเราะฮ์ ตามคำสั่งของอัลลอฮ์ และในครั้งนั้นท่านได้สั่งสอนประชาชาติของท่านถึงวิธีการประกอบฮัจญ์ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำของท่าน โดยกล่าวว่า:
لِتَأْخُذُوا مَنَاسِكَكُمْ، فَإِنِّي لَا أَدْرِي لَعَلِّي لَا أَحُجُّ بَعْدَ حَجَّتِي هَذِهِ
“พวกท่านจงยึดรูปแบบพิธีการทำฮัจญ์ของพวกท่านไปจากฉันเถิด เพราะฉันไม่แน่ใจว่าหลังจากฮัจญ์นี้แล้ว ฉันจะได้ทำอีกหรือไม่”
(บันทึกโดยมุสลิม)
โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย :
ฮัจญ์เป็นอาหารทางจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ที่หัวใจของมุสลิมเปี่ยมไปด้วยความเกรงกลัวอัลลอฮ์ ความตั้งใจที่จะเชื่อฟังพระองค์ และความเสียใจต่อบาปที่ผ่านพ้นไป พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะละเว้นจากการฝ่าฝืน
ท่านนบี ﷺ ได้ส่งเสริมและกระตุ้นให้พวกเราทำฮัจญ์ และได้กล่าวถึงคุณงามความดีมากมายของฮัจญ์ และรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่ทำเพื่ออัลลอฮ์โดยสุจริตและปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของท่านนบี ซึ่งได้แก่:
1. การเข้าสวรรค์
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
الْحَجُّ الْمَبْرُورُ لَيْسَ لَهُ جَزَاءٌ إِلَّا الْجَنَّةُ
“ฮัจญ์มับรูร (ที่บริสุทธิ์) ไม่มีรางวัลใดนอกจากสวรรค์”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
อิมามอัล-กุรฺฏุบี กล่าวว่า: บรรดาคำกล่าวต่าง ๆ ที่มีการกล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านนั้น มีความหมายที่ใกล้เคียงกัน โดยสรุปคือว่า ฮัจญ์มับรูรคือฮัจญ์ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติต่าง ๆ อย่างครบถ้วน และตรงตามที่ผู้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ (มุกัลลัฟ) ถูกกำหนดให้กระทำในรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด
อิบนุหะญัรได้ถ่ายทอดคำกล่าวนี้ไว้ในหนังสือ ฟัตฮุลบารี และการอภัยโทษต่อบาปต่าง ๆ ด้วยการประกอบฮัจญ์ และการได้เข้าสวรรค์นั้น ขึ้นอยู่กับการที่ฮัจญ์นั้นเป็นฮัจญ์มับรูร (ฮัจญ์ที่ดีงามและเป็นที่ยอมรับ)
อัลฮาฟิซ อิบนุ ร็อบบ์ กล่าวว่า: ฮัจญ์จะเป็นมับรูร (ประเสริฐ) ได้นั้น ต้องมีสองสิ่งรวมกัน:
ประการแรก: การประกอบคุณงามความดี ซึ่งรวมถึงการทำดีต่อผู้คน
และมีรายงานว่า ท่านนบี صلى الله عليه وسلم ถูกถามว่า: "อะไรคือความดีของฮัจญ์ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์?"
ท่านตอบว่า: "การให้อาหาร และการกล่าวสลามอย่างแพร่หลาย"
(รายงานโดยอิหม่ามอะห์มัด)
และยังรวมถึงการกระทำอิบาดะฮฺทั้งหมด เช่น การรำลึกถึงอัลลอฮฺ (การซิกรฺ)...
นักวิชาการได้อธิบายว่า “หัจญ์ที่มับรูร” (الحج المبرور) คือหัจญ์ที่ประกอบด้วยเงื่อนไขสามประการดังนี้:
1. หัจญ์ที่ไม่มีบาปใด ๆ เจือปน
2. หัจญ์ที่ปราศจากความโอ้อวดและการแสดงให้ผู้อื่นเห็น (เพื่อให้คนชม)
3. หัจญ์ที่ใช้ทรัพย์สินที่หามาโดยฮะลาล (ถูกต้องตามหลักศาสนา)
ท่านอัลหะซัน อัลบัศรียฺ ได้กล่าวไว้ว่า: “หัจญ์ที่มับรูร คือ أن ترجع زاهدًا في الدنيا، راغبًا في الآخرة. การที่ท่านกลับมาจากหัจญ์โดยที่ไม่ยึดติดกับดุนยา และปรารถนาในอาคิเราะฮ์”
"زاهدًا في الدنيا" – คือ การละวาง ไม่หลงใหลหรือยึดติดกับความสุข ความหรูหรา หรือทรัพย์สินในโลกนี้
"راغبًا في الآخرة" – คือ การหันใจไปสู่อาคิเราะฮ์ มีความปรารถนาในผลตอบแทนแห่งปรโลก และทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยเป้าหมายเพื่ออาคิเราะฮ์
นี่คือสภาพจิตใจของผู้ที่หัจญ์ของเขา “มับรูร” ซึ่งไม่ได้จบแค่พิธีกรรม แต่ส่งผลเปลี่ยนแปลงจิตใจและพฤติกรรมภายหลังจากหัจญ์
ท่านชัยค์ ดร. ซะอัด อัชชัษรี โดยอธิบายว่า ลักษณะของฮัจญ์มับรูร มีอยู่ด้วยกัน 5 ประการ คือ
1. ฮัจญ์นั้นต้องกระทำเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น ไม่มีการอวดหรือแสวงหาชื่อเสียง
2. การปฏิบัติพิธีกรรมฮัจญ์ต้องเป็นไปตามแบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตามที่อัลลอฮฺตรัสว่า: "แท้จริงแบบอย่างที่ดีสำหรับพวกเจ้าอยู่ในตัวรอซูลของอัลลอฮฺ"
3. หลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้ามในเรื่องการกิน การดื่ม และการใช้จ่ายทรัพย์ รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้าม
4. หลีกเลี่ยงข้อห้ามของสถานภาพอิหรอมที่อัลลอฮฺต้องการให้บ่าวของพระองค์ปฏิบัติในขณะประกอบฮัจญ์ โดยอัลลอฮฺตรัสว่า: "ผู้ใดที่ตั้งเจตนาจะประกอบฮัจญ์ในเดือนเหล่านี้ ก็ห้ามมีการพูดลามก ความชั่ว หรือการโต้เถียงในระหว่างฮัจญ์"
5. การทำดีต่อผู้อื่น ด้วยคำพูดที่ดีงาม อดทนต่อผู้ที่กระทำไม่ดีต่อเรา และหวังผลบุญจากอัลลอฮฺในสิ่งเหล่านั้น
ความบริสุทธิ์ใจในการประกอบฮัจญ์ โดยมุ่งหวังเพียงพระพักตร์ของอัลลอฮฺเท่านั้นจากอะนัส บิน มาลิก กล่าวว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ประกอบฮัจญ์โดยใช้แอกอานที่เก่า และผ้าคลุมผืนเล็ก (กะฏีฟะฮ์) ซึ่งมีมูลค่าเพียงสี่ดีรฮัม หรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ จากนั้นท่านกล่าวว่า:
اللَّهُمَّ حَجَّةٌ لَا رِيَاءَ فِيهَا وَلَا سُمْعَةَ
“คำอ่าน อัลลอฮุมมะ ฮัจญะตุ้ล ลา ริยาอา ฟีฮา วะลา ซุมอะฮฺ”
“โอ้อัลลอฮฺ โปรดทำให้ฮัจญ์นี้เป็นฮัจญ์ที่ไม่มีการอวดโอ้ และไม่มีการแสวงหาชื่อเสียง”
2. เป็นหนึ่งในบรรดาการงานที่ประเสริฐที่สุด
فقد سُئل رسولُ اللهِ ﷺ: أَيُّ العَمَلِ أَفْضَلُ؟ فَقَالَ: (إِيمَانٌ بِاللَّهِ وَرَسُولِهِ) قِيلَ: ثُمَّ مَاذَا؟ قَالَ:(الجِهَادُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ) قِيلَ: ثُمَّ مَاذَا؟ قَالَ:(حَجٌّ مَبْرُورٌ) سَبِيلِ
มีคนถามท่านนบีว่า: “การงานใดดีที่สุด?”
ท่านตอบว่า:“ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์”
เขาถามต่อว่า: “แล้วอะไรต่อ?” “ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์”
แล้วอะไรต่อ? “ฮัจญ์มับรูร”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
3. ฮัจญ์คือการชำระล้างบาป
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
:(مَنْ حَجَّ لِلَّهِ فَلَمْ يَرْفُثْ وَلَمْ يَفْسُقْ رَجَعَ كَيَوْمِ وَلَدَتْهُ أُمُّهُ)
“ผู้ใดทำฮัจญ์เพื่ออัลลอฮ์ และไม่กล่าววาจาลามกหรือฝ่าฝืน เขาจะกลับมาดั่งวันแรกที่แม่ให้กำเนิด”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
4. ฮัจญ์เสมือนกับญิฮาดในทางของอัลลอฮ์
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ถาม:
عن عائشةَ أنَّها قالت: يَا رَسُولَ اللَّهِ، نَرَى الجِهَادَ أَفْضَلَ العَمَلِ، أَفَلاَ نُجَاهِدُ؟ قَالَ:(لاَ، لَكِنَّ أَفْضَلَ الجِهَادِ حَجٌّ مَبْرُورٌ)
“โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ เราเห็นว่าญิฮาดคือการงานที่ดีที่สุด แล้วพวกเราจะได้ร่วมญิฮาดไหม?”
ท่านตอบว่า:“ไม่ใช่หรอก แต่ญิฮาดที่ดีที่สุดของพวกเธอคือ ฮัจญ์มับรูร”
(บันทึกโดยบุคอรี)
5. ฮัจญ์คือการลบล้างสิ่งที่ผ่านมา
ท่านนบี ﷺ กล่าวแก่ท่านอัมรฺ อิบนุ อัล-อาศว่า:
وأنَّ الحَجَّ يَهْدِمُ ما كانَ قَبْلَهُ
“และแท้จริงฮัจญ์นั้น จะลบล้างสิ่งที่เคยทำมาก่อนหน้านี้”
(บันทึกโดยมุสลิม)
6. ฮัจญ์คือการปัดเป่าความยากจนและบาป
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
تَابِعُوا بَيْنَ الْحَجِّ وَالْعُمْرَةِ، فَإِنَّ الْمُتَابَعَةَ بَيْنَهُمَا، تَنْفِي الْفَقْرَ وَالذُّنُوبَ، كَمَا يَنْفِي الْكِيرُ، خَبَثَ الْحَدِيدِ
“จงกระทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์อย่างต่อเนื่อง เพราะทั้งสองอย่างจะขจัดความยากจนและบาปเหมือนกับเตาหลอมขจัดสิ่งสกปรกของเหล็ก”
(บันทึกโดยอิบนุมาเจาะฮ์ และรับรองโดยอัลอัลบานีย์)
7. ดุอาอ์ของคนไปทำฮัจญ์จะถูกตอบรับ
รายงานโดยอัล-บัยฮะกี จากญาบิร บิน อับดิลลาฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา)ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
” وَفْدُ اللهِ ثَلَاثَةٌ: الْحَاجُّ، وَالْمُعْتَمِرُ وَالْغَازِي، أُولَئِكَ الَّذِينَ يَسْأَلُونَ اللهَ فَيُعْطِيهِمْ سُؤَالَهُمْ“.
“ตัวแทนของอัลลอฮฺ มีสามกลุ่ม คือ
ผู้ไปฮัจญ์ ผู้ไปอุมเราะฮ์ และผู้ที่ออกในหนทางของอัลลอฮฺ (ญิฮาด)
พวกเขาคือผู้ที่วิงวอนขอจากอัลลอฮฺ แล้วพระองค์จะประทานให้ตามที่พวกเขาขอ”
8. ฮัจญ์คือการรำลึกถึงอัลลอฮฺ
จากท่านอาอิชะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
"إِنَّمَا جُعِلَ الطَّوَافُ بِالْبَيْتِ، وَبَيْنَ الصَّفَا وَالْمَرْوَةِ، وَرَمْيُ الْجِمَارِ لِإِقَامَةِ ذِكْرِ اللَّهِ".
“แท้จริงการที่มีการฏว๊าฟรอบบัยตุลลอฮฺ การวิ่งระหว่างศอฟา-มัรวะฮฺ และการขว้างเสาหิน (ญะมะรอต) — ทั้งหมดนั้น ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการรำลึกถึงอัลลอฮฺ "
(บันทึกโดยอบูดาวูดและอัตติรมิซีย์)
โอ้บ่าวของอัลลอฮ์ทั้งหลาย: มุสลิมทุกคนควรเร่งรีบไปทำฮัจญ์เมื่อมีความสามารถ และไม่ควรผัดผ่อนเมื่อสามารถทำได้ เพราะจำเป็นต้องรีบไปทำก่อนที่อุปสรรคใดๆ จะเกิดขึ้น ตามที่ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
(تَعَجَّلُوا إِلَى الْحَجِّ ــ يَعْنِي: الْفَرِيضَةَ ــ فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَا يَدْرِي مَا يَعْرِضُ لَهُ)
"จงรีบไปทำฮัจญ์เถิด (หมายถึงฮัจญ์ที่เป็นฟัรฎู) เพราะแท้จริงคนใดในหมู่พวกท่านไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา"
(บันทึกโดยอิมามอะหฺมัด และชัยคฺอัลอัลบานีได้รับรองว่าเศาะเฮี๊ยะฮฺ)
(مَنْ أَرَادَ الْحَجَّ فَلْيَتَعَجَّلْ، فَإِنَّهُ قَدْ يَمْرَضُ الْمَرِيضُ، وَتَضِلُّ الرَّاحِلَةُ وَتَعْرِضُ الْحَاجَةُ)
และในรายงานหนึ่งระบุว่า:
"ผู้ใดตั้งใจจะทำฮัจญ์ ก็จงรีบไปเถิด เพราะบางทีเขาอาจเจ็บป่วย, อูฐอาจหลงทาง(พาหนะเดินทางไม่ได้) หรืออาจมีความจำเป็นที่เร่งด่วนเกิดขึ้นกับเขา"
(บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ และอะหฺมัด และชัยคฺอัลอัลบานีให้สถานะหะดีษว่า หะซัน ในหนังสือ “เศาะเฮี๊ยะฮฺ อัลญามิอฺ”)
หากมุสลิมเลื่อนการทำฮัจญ์ด้วยเหตุจำเป็น แล้วเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ได้ทำฮัจญ์ เขาจะไม่บาป และทายาทของเขาต้องทำฮัจญ์แทนเขา จากทรัพย์มรดกของเขา หากมีทรัพย์เหลือไว้ หรือบางคนจากเครือญาติหรือผู้อื่นสามารถอาสาทำฮัจญ์แทน โดยไม่ใช้ทรัพย์ของเขาก็ได้ และทั้งหมดนี้ใช้ได้ทั้งสิ้น
แต่ผู้ที่ผัดผ่อนฮัจญ์ในขณะที่สามารถทำได้ โดยไม่มีเหตุขัดขวางใดๆ จะถือว่ามีบาปจากการผัดผ่อนนั้น
ดังนั้น โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงรู้ไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เงื่อนไขของการบังคับทำฮัจญ์ครบถ้วนสำหรับมุสลิมชายหรือหญิง กล่าวคือ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ มีสติสัมปชัญญะ เป็นอิสระ และมีความสามารถทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน และในกรณีของผู้หญิงก็ต้องมีมะหฺร็อมด้วย ก็จำเป็นต้องรีบไปทำฮัจญ์ทันที เพื่อให้หลุดพ้นจากความรับผิดในหน้าที่ และไม่อนุญาตให้ผัดผ่อนไป
สิ่งที่บางคนทำ คือ ความเฉื่อยชา ละเลย และประมาท เป็นความบกพร่อง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคต ชีวิตนั้นอยู่ในมือของอัลลอฮ์ ดังนั้นเมื่อมีความสามารถครบถ้วน ก็จำเป็นต้องรีบปฏิบัติทันที
ฮัจญ์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องกระทำโดยเร็วทันที และไม่อนุญาตให้ผัดผ่อนสำหรับผู้ที่สามารถทำได้ มีรายงานจากท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งบันทึกโดยอัล-บัยฮะกี ว่าท่านกล่าวว่า:
"ให้เขาตายไปในสภาพเป็นยิวหรือคริสเตียนเถิด ท่านกล่าวอย่างนี้ถึงสามครั้ง
สำหรับชายคนใดที่ตายไปโดยที่ไม่เคยทำฮัจญ์ ทั้งที่เขามีความสามารถและทางก็เปิดให้ไปได้"
หาฟิซ อิบนุ หะญัร ได้รับรองว่าหะดีษนี้เป็นเศาะเฮี๊ยะฮฺ และคำพูดนี้ครอบคลุมทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถในการทำฮัจญ์ แต่บางคน ขออัลลอฮ์ทรงชี้ทางแก่พวกเขา อ้างข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น "ฉันจะยังไม่ไปฮัจญ์จนกว่าจะแต่งงาน" หรือ "ฉันจะไปฮัจญ์เมื่ออายุถึงเท่านี้" หรือ "ฉันจะไปฮัจญ์เมื่อเลิกทำบาปทั้งหมดแล้ว" เหมือนกับว่าคนผู้นั้นมั่นใจว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนั้น
บางคนตระหนี่ต่อตนเอง ไม่ยอมใช้ทรัพย์ของตนในการไปทำฮัจญ์ ทั้งที่ฐานะทางการเงินก็สะดวกแล้ว และทุกผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีมารดา ภรรยา ลูกชายลูกสาวที่ยังไม่ได้ไปฮัจญ์ ก็ควรช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขาในการไปทำฮัจญ์ เพราะนี่คือหน้าที่ทางศาสนาสำหรับผู้มีภาระทางศาสนา และจะพ้นจากหน้าที่นี้ได้ต่อเมื่อมีข้ออ้างที่ชอบธรรมเท่านั้น
ดังนั้นคำตักเตือนของฉันต่อทุกคนก็คือ : จงรีบไปปฏิบัติฟัรฎูอันยิ่งใหญ่นี้ เมื่อใดก็ตามที่สามารถทำได้ เพราะอายุของเรานั้นสั้น เส้นตายนั้นใกล้ และเรายังคงเป็นผู้มีหนี้ต่อหน้าที่นี้อยู่ จนกว่าจะได้ปฏิบัติมัน
ขออัลลอฮ์ตะอาลา ประทานฮัจญ์ที่ถูกตอบรับแก่เราและพวกท่าน การเดินทางที่ได้รับการขอบคุณ และการอภัยให้แก่บาปของพวกเรา อามีน