ความเชื่อเรื่อง “วันดี” กับหลักศรัทธา
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
ในสังคมมุสลิมบางกลุ่มยังคงมีความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมพื้นบ้านหรือความเชื่อก่อนอิสลาม (ญาฮิลียะฮฺ) ว่าการแต่งงานควรยึดวันฤกษ์ยามที่ถือว่าเป็น “วันดี” หรือหลีกเลี่ยง “วันร้าย” เพื่อให้ชีวิตสมรสประสบความสำเร็จ ปราศจากอุปสรรค ความเชื่อนี้ในทัศนะของอิสลามถือเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักเตาฮีด และเข้าข่ายพฤติกรรมของชิริก หากนำมาเป็นเหตุปัจจัยในการตัดสินใจ เนื่องจากเป็นการให้ความเชื่อแก่สิ่งที่ไม่มีหลักฐานจากอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์
อิสลามส่งเสริมให้มนุษย์วางใจในพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และไม่พึงให้ความสำคัญกับเรื่องโชคลางหรือฤกษ์ยาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแต่งงานซึ่งเป็นซุนนะห์ของท่านเราะสูล ﷺ และเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติอิสลาม
1. หลักฐานจากอัลกุรอาน
อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า:
قُل لَّا يَعْلَمُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ الْغَيْبَ إِلَّا اللَّهُ
"จงกล่าวเถิด (โอ้มุฮัมมัด) ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าและแผ่นดินที่รู้ในสิ่งเร้นลับ นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น"
ซูเราะฮฺ อัน-นัมล์ (27:65)
โองการข้างต้นแสดงชัดเจนว่าการรู้อนาคต หรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เช่น ผลดีหรือผลร้ายจากการกระทำบางอย่าง เป็นสิทธิแห่งพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้น การยึดถือว่าวันหนึ่งวันใดจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลร้ายด้วยตัวของมันเองนั้น ถือเป็นการอ้างรู้สิ่งเร้นลับ และเป็นการละเมิดสิทธิของพระองค์
2. หลักฐานจากสุนนะฮฺ
2.1 การปฏิเสธโชคลาง (ฏิยะเราะฮฺ)
ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ กล่าวว่า:
لَا عَدْوَى، وَلَا طِيَرَةَ، وَلَا هَامَةَ، وَلَا صَفَرَ
"ไม่มีการแพร่โรคโดยตัวของมันเอง (หากอัลลอฮฺไม่อนุมัติ), ไม่มีโชคร้าย (ฏิยะเราะฮฺ),
ไม่มีฮามะฮฺ, และไม่มีศ็อฟัร (ที่เป็นเดือนร้าย)"
(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ (5776) และมุสลิม (2220)
ท่านนบี ﷺ ได้ปฏิเสธความเชื่อดั้งเดิมของชาวอาหรับที่เชื่อว่าเดือนศ็อฟัรเป็นเดือนแห่งเคราะห์ร้าย ตลอดจนการเชื่อถือสัญญาณต่าง ๆ ที่ใช้ในการตัดสินใจในชีวิต เช่น การออกเดินทาง การแต่งงาน ฯลฯ
2.2 การเชื่อโชคลางเป็นการตั้งภาคี (ชิริก)
الطِّيَرَةُ شِرْكٌ، الطِّيَرَةُ شِرْكٌ، الطِّيَرَةُ شِرْكٌ
“ฏิยะเราะฮฺ (การเชื่อโชคลาง) คือการตั้งภาคี การเชื่อโชคลางคือชิริก...”
(รายงานโดย อะบูดาวูด (3910), อิบนุมาญะฮฺ (3538) และติรมิซีย์)
หะดีษนี้ย้ำซ้ำถึง 3 ครั้งเพื่อแสดงความรุนแรงของพฤติกรรมดังกล่าวว่าถึงขั้น “ชิริก” แม้จะเป็นชิริกในระดับเล็ก (ชิริกอัศฆ็อร) ก็ตาม ซึ่งหมายถึงการกระทำใด ๆ ที่แสดงถึงการยึดถือหรือให้พลังกับสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ
3. ทัศนะของนักวิชาการ
อิบนุ ก็อยยิม อัล-เญาซียะฮฺ (رحمه الله) กล่าวว่า:
“การพิจารณาโชคลางนั้นเป็นต้นเหตุให้บุคคลต้องประสบเคราะห์ และถือเป็นการเปิดประตูต่อ ชัยฏอนในการควบคุมหัวใจของมนุษย์”
ส่วนเชค อิบนุบาซ (رحمه الله) กล่าวว่า:
“การยึดถือฤกษ์ยามในการแต่งงาน หรือการเลือกวันแต่งโดยหวังว่าจะมีโชคดี หรือหลีกเลี่ยงวันร้าย ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีมูลในศาสนา เป็นสิ่งที่อิสลามห้าม เพราะเข้าข่ายฏิยะเราะฮฺ และเป็นการตั้งภาคีในรูปแบบหนึ่ง”
4. สรุปทางวิชาการ
จากหลักฐานข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า : การกำหนด “วันดี” หรือ “ฤกษ์ยาม” เพื่อใช้ประกอบการแต่งงานโดยเชื่อว่ามีผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของชีวิตสมรส ถือเป็นแนวคิดที่ ขัดกับหลักเตาฮีด
พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่าย ฏิยะเราะฮฺ (โชคลาง)
ซึ่งท่านนบี ﷺ ถือว่าเป็น ชิริก
การแต่งงานในอิสลามเป็นเรื่องที่ควรตัดสินใจโดยใช้เหตุผล ความพร้อม และการปรึกษาหารือ ไม่ใช่บนพื้นฐานของความเชื่อเรื่องวันดีวันร้าย
มุสลิมพึงวางใจต่ออัลลอฮฺ ตะวักกุลต่อพระองค์ และขอความดีผ่านการขอดุอาอ์ ไม่ใช่ผ่านฤกษ์ยามที่ไม่มีหลักฐานทางศาสนา