การยึดมั่นตามแนวทางบรรพชน
  จำนวนคนเข้าชม  93

การยึดมั่นตามแนวทางบรรพชน

 

โดย... .อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก

 

          คำสอนของอิสลามถูกประทานลงมาแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ ในยุคที่สังคมอาหรับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความแตกแยก และความไร้อารยธรรม ชีวิตผู้คนดำเนินไปตามวิถีของชนเผ่าที่ยึดถืออำนาจของผู้เข้มแข็งข่มเหงผู้อ่อนแอ ท่านนบี ﷺ ได้พิสูจน์ให้ประจักษ์ว่า อิสลามเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมอันเสื่อมโทรมเหล่านั้น และรวมพวกเขาไว้ภายใต้หลักความเชื่อและแนวทางเดียวกัน

 

          จากการเผยแผ่ของท่านนบี ﷺ ได้เปลี่ยนสังคมอาหรับที่จมปลักอยู่กับการตั้งภาคี การสู้รบเข่นฆ่า และอบายมุขทั้งหลาย ให้กลายเป็นสังคมที่มีระเบียบ มีศรัทธาในเอกองค์อัลลอฮ์ ดังนั้น การเอาใจใส่ในเรื่องหลักความเชื่อที่บริสุทธิ์ คือปัจจัยสำคัญที่จะนำพาความผาสุกมาสู่สังคมมนุษย์

 

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า:

     “นี่คือความโปรดปรานที่อัลลอฮ์ทรงประทานแก่ชนกลุ่มหนึ่งที่เคยมีแต่ความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท และความอธรรมต่อกัน

     ด้วยพระบัญชาแห่งอิสลาม หัวใจของพวกเขาจึงได้รวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นพี่น้องกันภายใต้ธงศรัทธา”

 

          การศึกษายึดถือแนวทางของบรรพชนสลัฟในเรื่องหลักความเชื่อ การปฏิบัติศาสนกิจ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน มารยาท และความประพฤติ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินตามรอยพวกเขาเป็นบ่อเกิดแห่งความดีทุกรูปแบบ ทั้งความเข้มแข็ง ความเจริญก้าวหน้า และการพัฒนาที่เหมาะสมตามยุคสมัย

     ท่านอิหม่าม มาลิก (รอฮิมะฮุลลอฮ์) กล่าวว่า:

"ประชาชาติสุดท้ายนี้จะไม่สามารถรุ่งเรืองได้ นอกจากด้วยแนวทางเดียวกับที่ประชารุ่นแรกได้รุ่งเรืองมาแล้ว"

 

          ดังนั้น หากมุสลิมหันกลับไปปฏิบัติตามวิถีชีวิตของชนรุ่นก่อนจริงจัง ไม่ใช่เพียงเข้าใจในเชิงทฤษฎีหรือนำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ เท่านั้น แต่ต้องนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตจริง จึงจะสามารถฟื้นฟูซุนนะห์และทำให้แนวทางอะฮฺลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ ปรากฏเด่นชัดในสังคม

          จุดเด่นของอะฮฺลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ คือ ถึงแม้จะมีความขัดแย้งในบางประเด็น แต่ก็ยังคงรักษาความรัก ความเมตตา และความร่วมมือในสิ่งดีงาม มีการตักเตือนกันด้วยความอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงความแตกแยกอย่างถึงที่สุด

 

          แม้ในกรณีที่ถูกผู้ปกครองอธรรม ชาวอะฮฺลุซซุนนะห์ก็อดทน ไม่อนุญาตให้จับอาวุธต่อสู้หรือต่อต้านผู้นำ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้นำหลุดพ้นจากอิสลามอย่างชัดแจ้ง การลุกฮือก่อกบฏมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตประชาชน ดังเช่นที่เราเห็นในยุคปัจจุบัน 

 

          เมื่อเกิดความขัดแย้ง ชาวอะฮฺลุซซุนนะห์จะไม่นำอารมณ์เป็นที่ตั้ง แต่จะนำปัญหากลับไปตัดสินตามอัลกุรอานและอัซซุนนะห์ ดังพระดำรัสของอัลลอฮ์ว่า:

 

     "โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังร่อซูล และบรรดาผู้มีอำนาจปกครองในหมู่พวกเจ้า

     และหากพวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องใด ก็จงนำมันกลับไปหาอัลลอฮ์และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก

     นั่นแหละคือสิ่งที่ดียิ่งและดีที่สุดในการตัดสิน"

(อันนิซาอ์ 4:59)

 

          นี่คือทางออกจากทุกความขัดแย้ง คือการกลับไปสู่คำตัดสินของอัลลอฮ์และร่อซูล โดยไม่มีอารมณ์เป็นที่ตั้ง และต้องพึ่งพาการอธิบายจากบรรดาผู้รู้ ซึ่งไม่มีใครเข้าใจอัลกุรอานและอัซซุนนะห์ได้ดีไปกว่าชนสลัฟแห่งยุคศอหาบะห์และผู้เจริญรอยตามพวกเขา