สุญูดขอบคุณ (สุญูดซูโกร)
  จำนวนคนเข้าชม  104

สุญูดขอบคุณ (สุญูดซูโกร)

 

อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

          สุญูดขอบคุณ คือ การสุญูด 1 ครั้ง เมื่อได้รับผลสำเร็จในการงาน หรือได้รับสิ่งที่พอใจ หรือได้รับข่าวดีที่ทำให้ปลื้มใจ หรือได้ผ่านพ้นภัยต่างๆ 

 

          ท่านเชค อับดุลอะซีร บินบาซ กล่าวว่า "การสุญูดชุกร์ (سجود الشكر) คือ การสุญูดเพื่อขอบคุณต่อความโปรดปรานทั่วไปที่อัลลอฮ์ทรงประทานแก่ชาวมุสลิม หรือความโปรดปรานเฉพาะตัวที่อัลลอฮ์ประทานแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง เช่น การได้ลูก หรือการรอดพ้นจากอุบัติเหตุต่างๆ

 

 

หลักการการสุญูดขอบคุณ (สุญูดซูโกร)

 

     มีรายงานจากท่านอบู บักเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า

أنَّ النبيَّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم كان إذا أتاه أمرٌ يسُرُّه ، أو يسرُّ به يخرُّ ساجدًا شُكرًا للهِ تعالى

 

“ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อมีเรื่องที่ทำให้ท่านพอใจ หรือถูกทำให้ท่านพอใจ

ท่านจะก้มลงสุญูดเป็นการขอบคุณต่ออัลลอฮฺ” 

(เป็นหะดีษหะสัน บันทึกโดยอบู ดาวูด และอิบนุ มาญะฮฺสำนวนนี้เป็นของอิบนุ มาญะฮฺ)

 

 

อธิบาย

 

          ความโปรดปรานของอัลลอฮ์  พระองค์ทรงบริสุทธิ์  นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน และมนุษย์ไม่สามารถตอบแทนความโปรดปรานเหล่านั้นด้วยการขอบคุณหรือสรรเสริญได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สอนเราถึงวิธีการขอบคุณและสรรเสริญพระองค์อัลลอฮ์ ทั้งๆ ที่เราก็รู้ดีว่าเราไม่มีทางขอบคุณพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์

 

          ในหะดีษบทนี้ อบูบักเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้รายงานว่า แท้จริงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม 'เมื่อมีเรื่องใดที่ทำให้ท่านดีใจ หรือมีใครแจ้งข่าวดีแก่ท่าน'  ซึ่งสิ่งนี้ครอบคลุมถึงความดีทุกรูปแบบที่ทำให้มนุษย์รู้สึกยินดี  'ท่านจะสุญูดทันที เพื่อขอบคุณต่ออัลลอฮ์ ' หมายถึง ท่านจะรีบเข้าสู่การสุญูด ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการขอบคุณต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง สำหรับความโปรดปรานและความเมตตานั้น

 

          (สุญูดขอบคุณ) เมื่อมีความโปรดปรานใหม่เกิดขึ้น หรือเมื่อความทุกข์ยากหมดไปนั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการส่งเสริม ตามทัศนะของมัซฮับชาฟิอีย์ หะนาบิละฮ์ และนักวิชาการบางท่านจากมัซฮับหะนะฟีย์ อีกทั้งยังเป็นทัศนะของกลุ่มหนึ่งจากบรรดานักวิชาการรุ่นแรก (สะลัฟ) โดยอิบนุ อัล-มุนซิร ได้เลือกถือทัศนะนี้ และเป็นความเห็นของอิบนุ ฮะบีบ จากมัซฮับมาลิกีย์, อัล-กุรฏุบีย์, อิบนุ ตัยมียะฮ์, อิบนุ อัล-ก็อยยิม, อัศ-ศ็อนอานีย์, อัช-เชากานีย์, เชค อิบนุ บาซ และเชค อิบนุ อุษัยมีน"

 

          จากอัล-บะร็ออฺ อิบนุ อาซิบ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า:

 

بعَثَ النبيُّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم خالدَ بنَ الوليدِ إلى اليمنِ يَدعوهم إلى الإسلامِ، فذَكَر الحديثَ في بعثِه عليًّا، وإقفاله خالدًا، ثم في إسلامِ هَمْدان، قال: فكتَب عليٌّ رَضِيَ اللهُ عَنْه إلى رسولِ اللهِ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم بإسلامِهم، فلمَّا قرأَ رسولُ اللهِ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم الكتابَ خرَّ ساجدًا، ثم رفَع رأسَه، فقال: السَّلامُ على هَمْدان، السَّلامُ على هَمْدان

 

      “ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ส่งคอลิด อิบนุ อัล-วะลีด ไปยังเยเมนเพื่อเรียกร้องเชิญชวนผู้คนเข้าสู่ศาสนาอิสลาม” 

     แล้วเขา (ผู้รายงานหะดีษ) ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ท่านนบีส่งอาลี และให้คอลิดกลับมา  จากนั้นกล่าวถึงการเข้ารับอิสลามของเผ่าฮัมดาน เขากล่าวว่า: 

     “อาลี เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้เขียนจดหมายถึงท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพื่อแจ้งข่าวการเข้ารับอิสลามของพวกเขา เมื่อท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม อ่านจดหมายนั้น ท่านก็สุญูดทันที 

     จากนั้นก็เงยศีรษะขึ้นและกล่าวว่า: 'ความสันติจงมีแด่เผ่าฮัมดาน ความสันติจงมีแด่เผ่าฮัมดาน 

 

     (บันทึกโดย บัยฮะกีม อัน-นะวะวีย์ได้ตัดสินว่าหะดีษนี้เศาะฮีหฺ (ถูกต้อง) ในหนังสือ อัล-คุลาศ่อะฮฺ และอัซ-ซะฮะบี ก็ได้ตัดสินว่าเศาะฮีหฺในหนังสือ อัล-มุฮัซซับ ส่วนอิบนุ อัล-ก็อยยิม ได้กล่าวว่า สายรายงานของหะดีษนี้อยู่ในเงื่อนไขของอัล-บุคอรี ในหนังสือ ซาด อัล-มะอาด )

 

อิมามอัช-เชากานี กล่าวว่า:

     “หากท่านกล่าวว่า: ความโปรดปรานของอัลลอฮ์ที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์นั้นยังคงหลั่งไหลมาอยู่ตลอดเวลาในทุกขณะ ? 

     ข้าพเจ้าขอตอบว่า: สิ่งที่ตั้งใจหมายถึง (ในการสุญูดขอบคุณ) คือ ความโปรดปรานที่ ‘เกิดขึ้นใหม่’ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงมิได้สุญูดชุกร์ เว้นแต่เมื่อมีความโปรดปรานที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ แม้ว่าความโปรดปรานของอัลลอฮ์ต่อท่านจะยังคงมีอยู่และเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลาก็ตาม 

( จากหนังสือ อัซ-ไซลุลญัรร๊าร)

 

          สำหรับการสุญูดเพื่อขอบคุณอัลลอฮ์ นั้น ไม่จำเป็นต้องมี (น้ำละหมาด) ก่อนสุญูด  และนี่คือความเห็นของนักวิชาการบางท่านจากมัซฮับมาลิกีย์, อิบนุ ตัยมียะฮ์, อิบนุ อัล-ก็อยยิม, อัช-เชากานีย์, อัศ-ศ็อนอานีย์, เชค อิบนุ บาซ และเชค อิบนุ อุษัยมีน

 

โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้:

 

     1. การกำหนดให้ต้องมีน้ำละหมาดก่อนสุญูดชุกร์นั้น ไม่มีหลักฐานใดรองรับ

 

     2. การสุญูดเพียงอย่างเดียวไม่ถือว่าเป็นการละหมาด และไม่อยู่ในขอบเขตของการละหมาด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีน้ำละหมาด เช่นเดียวกับการกล่าวซิกรุลลอฮ์ (การรำลึกถึงอัลลอฮ์) ที่ไม่ใช่การอ่านอัลกุรอาน

 

     3. ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่เคยสั่งให้บรรดาศอฮาบะฮ์ต้องอาบน้ำละหมาดก่อนสุญูดชุกร์ และไม่มีรายงานใดแม้แต่ตัวอักษรเดียวที่บ่งชี้ว่าท่านทำเช่นนั้น

 

 

          อิมามอัช-เชากานี กล่าวว่า: ความคิดเห็นที่ถูกต้องคือ: ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขเหมือนกับการละหมาดสำหรับการสุญูดชุกร์ เช่น ความสะอาด (น้ำละหมาด), การปกปิดเอาเราะฮฺ (รวมถึงการสวมฮิญาบสำหรับผู้หญิง), การหันหน้าไปทางกิบลัต และเงื่อนไขอื่น ๆ"

 

 

อิบนุกุดามะฮฺ กล่าวว่า:

     “ลักษณะของการสุญูดชุกร์ ทั้งในแง่การกระทำ, บทบัญญัติ และเงื่อนไขต่าง ๆ นั้น เหมือนกับลักษณะของการสุญูดตะลาวะฮฺ (การสุญูดขณะอ่านอัลกุรอาน)”

( จากหนังสือ อัล-มุฆนี เล่ม 2 หน้า 372)

      และท่านยังกล่าวเกี่ยวกับการสุญูดตะลาวะฮฺว่า: ในขณะสุญูด (ตะลาวะฮฺ) ควรกล่าวเหมือนกับสิ่งที่กล่าวในขณะสุญูดของละหมาดทั้วไป”

(อัล-มุฆนี เล่ม 2 หน้า 362)

 

 

เชคอิบนุอุษัยมีน กล่าวว่า:

          การสุญูดชุกร์นั้นจะกระทำเมื่อมีเคราะห์กรรมที่ถูกปัดเป่าออกไป หรือเมื่อมีความโปรดปรานใหม่ที่ได้รับแก่บุคคล และการสุญูดนี้เปรียบเสมือนการสุญูดตะลาวะฮฺนอกละหมาด

 

 

          นักวิชาการบางท่านเห็นว่า ควรมีน้ำละหมาดและกล่าวตักบีร (อัลลอฮุอักบัร) ทั้งก่อนและหลัง

          บางท่านเห็นว่ากล่าวตักบีรเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็สุญูด และกล่าวดุอาหลังจากคำว่า ‘ซุบฮานะร็อบบิยะลอะอฺลา’

(จาก ฟะตาวา มะนาร อัลอิสลาม เล่ม 1 หน้า 205)

 

          “ไม่มีกำหนดบทซิกรฺ (คำกล่าวเฉพาะ) ที่ต้องกล่าวในการสุญูดชุกร์โดยเฉพาะ แต่สิ่งที่ถูกบัญญัติไว้คือ ผู้ที่สุญูดควรกล่าวสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การสรรเสริญอัลลอฮ์ การขอบคุณพระองค์ การขอดุอาอ์ และการขออภัยโทษ ฯลฯ”

 

 

     อัช-เชากานีย์ กล่าวว่า : “หากท่านถามว่า: ไม่มีรายงานในหะดีษว่า ท่านนบี ﷺ เคยกล่าวอะไรในสุญูดชุกร์ แล้วผู้ที่สุญูดเพื่อขอบคุณควรกล่าวว่าอะไร?

     ข้าพเจ้าขอตอบว่า : ควรกล่าวขอบคุณต่ออัลลอฮ์ให้มาก ๆ เพราะการสุญูดนั้นคือ ‘สุญูดแห่งการขอบคุณ’ นั่นเอง

 

 

          ท่านเชค อับดุลอะซีร บินบาซ กล่าวว่า และในการสุญูดนั้น สามารถกล่าวได้เหมือนกับที่กล่าวในสุญูดของการละหมาด เช่น

سبحان ربي الأعلى   "ซุบฮานะ รอบบิยัลอะอ์ลา"

(มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของฉันผู้ทรงสุงส่ง)

 

«سُبْـحَانَكَ اللَّهُـمَّ رَبَّنَا وَبِـحَـمْدِكَ اللَّهُـمَّ اغْفِرْ لِي»

สุบหานะกัลลอฮุมมะ ร็อบบะนา วะบิหัมดิกะ อัลลอฮุมมัฆฟิรฺลี

มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์ พระผู้อภิบาลแห่งเรา และด้วยการสรรเสริญพระองค์

โอ้อัลลอฮ์ได้โปรดประทานอภัยโทษแก่ฉันด้วยเถิด

 

اللَّهُمَّ اغْفِرْ لي    "อัลลอฮุมมัคฟิรลี"

(โอ้อัลลอฮฺขอพระองค์อภัยให้ข้า)

     และสามารถขอดุอาอ์ใด ๆ ได้ในขณะสุญูดเหมือนกับการสุญูดในละหมาด

 

 

     คณะนักวิชาการของคณะกรรมการถาวร (อัลลัจนะฮ์ อัดดาอิมะฮฺ ประเทศซาอุ) กล่าวว่า:

     “ความเห็นที่ถูกต้องคือ: การสุญูดชุกร์ และการสุญูดตะลาวะฮฺไม่ว่าจะเป็นของผู้ที่อ่านหรือผู้ที่ฟัง ไม่จำเป็นต้องมีความสะอาด (น้ำละหมาด) เพราะทั้งสองอย่างนี้ไม่อยู่ในสถานะเดียวกับการละหมาด”

เชคอับดุลอะซีซ อิบนุ บาซ, เชคอับดุรร็อซซ๊าก อะฟีฟีย์, เชคอับดุลลอฮฺ อิบนุ ก็อูด

(ฟะตาวา อัลลัจนะฮฺ อัดดาอิมะฮฺ, เล่ม 7 หน้า 263)

 

 

     ความเห็นที่ได้รับการสนับสนุนถูกต้องที่สุด (เศาะหีหฺ) เกี่ยวกับลักษณะของการสุญูดชุกร์ คือ: ไม่จำเป็นต้องกล่าวตักบีร (อัลลอฮุอักบัร) ตอนเริ่มต้นหรือสิ้นสุด, ไม่จำเป็นต้องมีการกล่าวตะชะฮฺฮุด และไม่จำเป็นต้องกล่าวสลาม

 

     – นี่คือสิ่งที่อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ได้ระบุไว้ และเป็นหนึ่งในสองรายงานจากอิหม่ามอะห์มัด

     – เป็นหนึ่งในทัศนะของมัซฮับชาฟิอีย์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด (เศาะหีหฺ) จากท่านนบี صلى الله عليه وسل หรือจากบรรดาเศาะฮาบะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุม ในเรื่องนี้

 

 

     เชคอุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ (เราะหิมะฮุลลอฮ์) กล่าวว่า:

     "สำหรับการสุญูดตะลาวะฮฺและการสุญูดชุกร์ ไม่มีรายงานจากท่านนบี หรือนักปราชญ์รุ่นแรกว่ามีการกล่าวสลามหลังจากนั้น และพวกเขาไม่ได้กล่าวสลามจากการสุญูดเหล่านี้ด้วย"

 

     – ด้วยเหตุนี้ อิหม่ามอะห์มัด อิบนุ หัมบัล และนักวิชาการท่านอื่นๆ จึงไม่ถือว่าการกล่าวสลามเป็นสิ่งที่รู้จักกันในเรื่องนี้

     – ในหนึ่งรายงานจากอิหม่ามอะห์มัด เขาไม่กล่าวสลาม เพราะไม่มีรายงานจากหลักฐาน

     – ในอีกหนึ่งรายงาน เขากล่าวสลามหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง โดยไม่มีข้อความชัดเจนรองรับ เพียงแต่ใช้การเปรียบเทียบ (กิยาส) หรือคำพูดของบางตาบิอีน (นักปราชญ์รุ่นหลังจากเศาะฮาบะฮ์) เท่านั้น  

(มะญ์มูอฺ อัล-ฟะตาวา, เล่ม 21 หน้า 277)