บทบาทของท่านอาบูบักรฺในการปกป้องอากีดะฮฺ อะลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะฮฺ 
  จำนวนคนเข้าชม  83

บทบาทของท่านอาบูบักรฺในการปกป้องอากีดะฮฺ อะลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะฮฺ 

 

เรียบเรียง โดย  อิสมาอีล   กอเซ็ม   

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  

 

          หลักความเชื่อ คือหัวใจสำคัญที่สุดในศาสนาอิสลาม และเป็นพื้นฐานของการเป็นมุสลิมอย่างแท้จริง หากความเชื่อถูกต้อง การงานภายนอกก็จะมีค่าและเป็นที่ยอมรับจากอัลลอฮฺ แต่หากหลักความเชื่อบกพร่องหรือหลงผิด การงานต่าง ๆ ก็จะไร้ค่าไปโดยปริยาย แม้จะดูเหมือนดีเพียงใดก็ตาม

 

         ความเชื่อที่ถูกต้องบริสุทธิ์ในอิสลาม ต้องเป็นความเชื่อเดียวกับที่ท่านนบีมุฮัมหมัด ﷺ และบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านได้ยึดมั่นไว้ นั่นคือแนวทางของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ ซึ่งยึดถืออัลกุรอาน ซุนนะฮฺ และความเข้าใจของบรรดาศอหาบะฮฺ (รุ่นแรก) เป็นบรรทัดฐาน

 

         หลังจากการเสียชีวิตของท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ซึ่งบรรดาผู้ที่มีเจตนาไม่จริงใจต่ออิสลาม หรือผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลามในช่วงปลายชีวิตของท่านนบี ﷺ ได้เริ่มเผยพฤติกรรมและแนวคิดที่บิดเบือนศาสนา โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ หลักการสำคัญของอิสลาม เช่น การไม่จ่ายซะกาต ทั้งๆ ที่เป็นรุก่น (เสาหลัก) หนึ่งของศาสนาอิสลาม

 

ความคลุมเครือที่ถูกสร้างขึ้น: "ยอมรับทุกอย่าง ยกเว้นซะกาต"

 

          ภายหลังการเสียชีวิตของท่านนบี มุฮัมหมัด ﷺ กลุ่มหนึ่งได้อ้างตนว่ายังคงเป็นมุสลิม และยอมรับรุกุนอิสลามทั้ง 5 ประการ ยกเว้นเพียงการจ่ายซะกาต 

 

          พวกเขาให้เหตุผลว่า "เราจะไม่จ่ายซะกาตให้แก่ตัวแทนของเคาะลีฟะฮฺ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรามอบให้กับท่านนบีเท่านั้น"

 

          คำกล่าวเช่นนี้ถือเป็น การแยกศาสนาออกจากระบบของอุมมะฮฺ (ประชาคมมุสลิม) และเป็นการบิดเบือนบทบัญญัติศาสนาในรูปแบบใหม่ กล่าวคือ ยอมรับศาสนาเพียงบางส่วน และปฏิเสธบางส่วน 

 

ความลังเลของบรรดาศอหาบะฮฺบางท่าน

 

         บางท่านในหมู่ศอหาบะฮฺ (เช่น อุมัร อิบนุลค็อฏฏอบ) มีความเห็นว่า คนเหล่านี้ยังคงเป็นมุสลิม เนื่องจากพวกเขายังคงละหมาดและถือศีลอด และไม่ปฏิเสธหลักศรัทธาทั้งหมด

 

          แต่ท่านอบูบักร อัซซิดดี๊ก (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) กลับมีความเข้าใจในบทบัญญัติอย่างลึกซึ้ง จนถึงขั้นกล่าวว่า: การตัดสินของอบูบักร: "พวกเขาได้ออกจากอิสลามแล้ว"

 

          ท่านอบูบักรเห็นว่า การปฏิเสธซะกาตเป็นการปฏิเสธหนึ่งในเสาหลักของศาสนา และจึงถือว่าเป็น อัรริดดะฮฺ หรือการออกจากศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปฏิเสธนั้นเป็นการจงใจ

 

          การตัดสินนี้ได้รับการยืนยันจากบรรดาศอหาบะฮฺภายหลัง เมื่อพวกเขาเห็นด้วยว่า หากปล่อยให้มีการเลือกเชื่อบางข้อและปฏิเสธบางข้อ ก็จะนำไปสู่การแตกแยกและความเสื่อมของอิสลาม นี่คือหลักความเชื่อที่ท่านนบี ﷺ ได้ปลูกฝังไว้แก่บรรดาศอหาบะฮฺ หลักความเชื่อที่บริสุทธิ์ ถูกต้อง และไม่มีสิ่งแปลกปลอมปะปน 

 

          ท่านนบี ﷺ ได้ปลูกฝังสิ่งนี้ไว้ในหัวใจของพวกเขาด้วยการอบรม การอธิบาย และแบบอย่างที่ชัดเจน จนทำให้ศอหาบะฮฺทุกคนมีความหนักแน่นในอะกีดะฮฺ ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ใด ๆ แม้หลังจากการเสียชีวิตของท่านนบี ﷺ ไม่ว่าจะเกิดความปั่นป่วนหรือฟิตนะฮฺใด ๆ ขึ้น พวกเขาก็ยืนหยัดบนหลักความเชื่อที่ถูกต้องนี้ และสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของคำสอนอิสลามไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยกับการยึดมั่นในกุรอาน ซุนนะฮฺ

 

          หากท่านอบูบักร อัศศิดีก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ไม่ยืนหยัดและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้กับกลุ่มที่พยายามสร้างความไขว้เขวและเบี่ยงเบนจากหลักการอิสลามที่บริสุทธิ์ อาจเกิดการแตกแยกในอุมมะฮฺมุสลิม และอิสลามที่แท้จริงคงถูกบิดเบือนจนเกือบจะสูญหายไป

 

          ท่านอบูบักรมีบทบาทที่สำคัญมากในการรักษา เอกภาพของอุมมะฮฺ และการปกป้อง อากีดะฮฺที่บริสุทธิ์ ตามที่ท่านนบี ﷺ ได้สอนไว้ ซึ่งสามารถเห็นได้จาก:

 

     ♥ การรักษาหลักความเชื่อ: ท่านอบูบักรไม่ยอมให้มีการบิดเบือนหรือการเปลี่ยนแปลงหลักการที่ท่านนบี ﷺ ได้สอน ท่านยึดมั่นในการปกป้องอากีดะฮฺที่บริสุทธิ์จากการเข้ามาของแนวคิดที่ผิดและไม่เหมาะสม

 

     ♥ การสนับสนุนการรวบรวมอัลกุรอาน: ท่านอบูบักรตัดสินใจรวบรวมอัลกุรอานเป็นหนังสือเล่มเดียวหลังจากเหตุการณ์สงครามยะมามะฮฺ ซึ่งทำให้มีผู้ท่องจำอัลกุรอานเสียชีวิตจำนวนมาก ท่านต้องการให้คำสอนของอิสลามยังคงอยู่ในรูปแบบที่แท้จริงและไม่สูญหายไป

 

     ♥ การยืนหยัดในหลักการของศาสนา: แม้ว่าจะมีบางคนในอุมมะฮฺที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามกับกลุ่มที่ปฏิเสธการจ่ายซากาต ท่านอบูบักรก็ยังคงยืนหยัดต่อไป เพราะท่านเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการรักษาความบริสุทธิ์ของอิสลามและการปกป้องหลักการที่แท้จริง

 

ท่านอบูบักรเป็นแบบอย่างของการยืนหยัดในสัจธรรมและการรักษาความบริสุทธิ์ของอิสลามให้คงอยู่ตลอดไป