ริสกีมาจากอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  173

 

คุตบะห์วันอีด อีดิลฟิฏร์ 1446/2 

ริสกีมาจากอัลลอฮ์

 

โดย...อับดุลวาเฮด สุคนธา

ถอดความโดย โซฟียา อิสมาแอล

 

            รายงานจากมะกิล บิน ยะสาร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า: ท่านรอซูล ﷺ  ได้กล่าวว่า:

 

«يَقُولُ رَبُّكُمْ تَبَارَكَ وَتَعَالَى: يَا ابْنَ آدَمَ تَفَرَّغْ لِعِبَادَتِي أَمْلأْ صَدْرَكَ غِنًى، وَأَمْلأْ يَدَيْكَ رِزْقًا، يَا ابْنَ آدَمَ لاَ تَبَاعَدْ مِنِّي فَأَمْلأْ قَلْبَكَ فَقْرًا وَأَمْلأْ يَدَيْكَ شُغْلاً

 

     “พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้า ได้ตรัสว่า:

     โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน

     แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ

     โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน

     มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน”

(หะดีษ เศาะฮีหฺ รายงานโดย  อัลหากิม ดู อัล-สิลสิละฮฺ อัล-เศาะหีหะฮฺ )

 

          เกิดเป็นผู้ศรัทธา ไม่ต้องกลัวยากจน จะมีเงินมากหรือน้อยขอเพียงเป็นเงินที่มีความบารอกัต และ ไม่มีใครจะยากจน ทุกข์ยากมากไปกว่าท่านนบี ﷺ อีกแล้ว

 

          ครั้งหนึ่ง ญิบรีลได้มายัง ท่านนบี ﷺ แล้วบอกว่า “เอาไหม หากฉันจะเปลี่ยนทะเลทรายตรงนี้ให้กลายเป็นทองคำทั้งหมด” 

          นบี ﷺ ตอบว่า “ฉันอยากจะเป็นบ่าวคนหนึ่งที่รู้สึกอิ่ม และขอบคุณต่ออัลลอฮ เป็นบ่าวที่หิว และอดทนต่ออัลลอฮ”

 

            อีมามชาฟีอี ได้บอกว่า 

“ฉันขอมอบหมายต่ออัลลอฮ ผู้ทรงสร้างฉัน และฉันไม่มีความสงสัยใดเกี่ยวกับริสกีของฉัน ณ ที่อัลลอฮ 

 เมื่อใดก็ตามที่มันเป็นริสกีของฉัน มันจะไม่ไปจากฉัน แม้สิ่งนั้นจะอยู่ในก้นบึงมหาสมุทร 

แม้ฉันจะไม่ได้ใช้ลิ้นของฉันในการเอ่ยขอ พระองค์ก็จะนำมันมาให้กับฉันด้วยกับความเมตตาของพระองค์ 

และถ้าหากว่าสิ่งนั้นมันไม่ใช่ริสกีของฉัน หวังว่าพระองค์จะนำมันไปแบ่งให้กับมนุษย์คนอื่น”

 

            อัลลอฮ์  จะทดสอบเรา จากความทุกข์และความสุขสบาย ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ ส่วนท้ายของอายะฮฺที่ 168 อัลลอฮฺ. ตรัสว่า

 

وَبَلَوْنَاهُم بِالْحَسَنَاتِ وَالسَّيِّئَاتِ لَعَلَّهُمْ يَرْجِعُونَ

“และเราได้ทดสอบพวกเขาด้วยบรรดาสิ่งที่ดี และบรรดาสิ่งที่ชั่ว เพื่อว่าพวกเขาจะกลับมา(หาพระองค์)”

 

     และไม่ต้องรู้สึกประหลาดใจไป หากว่าจะมีใครที่เขามีทรัพย์สมบัติต่างๆมากมาย เพราะแท้ที่จริงแล้ว เหล่านั้นคือ บททดสอบสำหรับเขาจากอัลลอฮ 

     ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัตเตาบะห อายะฮฺที่ 55 ว่า

 

فَلَا تُعْجِبْكَ أَمْوَٰلُهُمْ وَلَآ أَوْلَـٰدُهُمْ ۚ إِنَّمَا يُرِيدُ ٱللَّهُ لِيُعَذِّبَهُم بِهَا فِى ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا وَتَزْهَقَ أَنفُسُهُمْ وَهُمْ كَـٰفِرُونَ

 “ดังนั้นจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติพวกเขา และอย่าให้ลูก ๆ ของพวกเขาเป็นที่พึงใจแก่เจ้า 

แท้จริงอัลลอฮฺทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในชีวิตแห่งโลกนี้ 

และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผุ้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น”

 

     และอัลลอฮ์  ได้ตรัสถามปวงบ่าวเกี่ยวกับความปรารถนาชีวิตในดุนยานี้ในหลายอายะห์ด้วยกัน

 

أَرَضِيتُم بِٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا مِنَ ٱلْـَٔاخِرَةِ فَمَا مَتَـٰعُ ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا فِى ٱلْـَٔاخِرَةِ إِلَّا قَلِيلٌ

“พวกเจ้าพึงพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ แทนปรโลกกระนั้นหรือ

สิ่งอำนวยความสุขแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้นั้น ในปรโลกแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น”

[อัตเตาบะฮฺ:38]

 

     ฉะนั้น เราอย่าได้หลงสาระวนอยู่กับเรื่องของดุนยาจนลืมอาคีเราะห์ เหมือนที่อัลลอฮ์  ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอ่าน

سَيَقُولُ لَكَ ٱلْمُخَلَّفُونَ مِنَ ٱلْأَعْرَابِ شَغَلَتْنَآ أَمْوَٰلُنَا وَأَهْلُونَا فَٱسْتَغْفِرْ لَنَا

“ชาวอาหรับชนบทที่เหลืออยู่ในเมือง จะกล่าวแก่เจ้าว่า

ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเราทำให้เรามีธุระยุ่งอยู่ ดังนั้นได้โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย”

[อัลฟัตห์:11]

 

أَفَحَسِبْتُمْ أَنَّمَا خَلَقْنَـٰكُمْ عَبَثًۭا وَأَنَّكُمْ إِلَيْنَا لَا تُرْجَعُونَ

“พวกเจ้าคิดว่า แท้จริงเราได้ให้พวกเจ้าบังเกิดมาโดยไร้ประโยชน์ และแท้จริงพวกเจ้าจะไม่กลับไปหาเรากระนั้นหรือ”

[อัลมุมินนูน: 115]

 

أَيَحْسَبُ ٱلْإِنسَـٰنُ أَن يُتْرَكَ سُدًى

“มนุษย์คิดหรือว่า เขาจะถูกปล่อยไว้โดยไร้จุดหมายกระนั้นหรือ”

[กิยามะฮฺ :36]

 

          อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮอัลอะอฺรอฟ อายะห์ที่ 53 ถึง บุคคลที่เขาได้เคยปฏิเสธคัมภีร์อัลกุรอ่านมาก่อนนี้ ว่าในวันกิยามะฮ พวกเขาจะร้องขอโอกาสและความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์  ขอกลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้งเพื่อจะได้ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้สั่งใช้และสิ่งที่นบีได้บอกเอาไว้ 

 

فَهَل لَّنَا مِن شُفَعَآءَ فَيَشْفَعُوا۟ لَنَآ أَوْ نُرَدُّ فَنَعْمَلَ غَيْرَ ٱلَّذِى كُنَّا نَعْمَلُ

“มีบรรดาผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่พวกเราบ้างไหม ซึ่งพวกเขาจะได้ขอความช่วยเหลือให้แก่พวกเรา

หรือไม่ก็ให้พวกเราถูกนำกลับไปใหม่ แล้วพวกเราก็จะได้ปฏิบัติอื่นจาก ที่พวกเราเคยปฏิบัติมา”

 

     เราอย่าได้เป็นหนึ่งในบุคคลที่สำนึกผิด และขอโอกาสเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเองในวันที่สายเกินไป 

 

رَبَّنَآ أَبْصَرْنَا وَسَمِعْنَا فَٱرْجِعْنَا نَعْمَلْ صَـٰلِحًا إِنَّا مُوقِنُونَ 

“ข้าแต่พระเจ้าของเรา เราได้เห็นแล้ว เราได้ยินแล้ว ขอได้ทรงโปรดส่งเรากลับไป (ยังโลกดุนยา) เพื่อเราจะได้กระทำความดี

แท้จริง เราเป็นผู้มีความเชื่อมั่นแล้ว (ณ บัดนี้)

[อัซซะสาดะฮฺ:12] 

     เพราะเมื่อวันแห่งการตัดสินมาถึงแล้ว เราคงจะไม่มีโอกาสได้วิงวอนขอโอกาสเหล่านี้อีกแล้ว

 

     ท่านอีมามอับดุลลอฮ บิน มุบาร็อก ได้บอกถึงนิยามของคนที่ดี มีอยู่ 4 ข้อ

 

     1. เขาจะไม่ปล่อยปะละเลยบาปในอดีตของเขาให้ค้างคาอยู่ โดยไม่ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ. เพราะถ้าหากเราไม่จัดการกับบาปของเรา อัลลอฮ  ก็จะจัดการกับเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง

 

     2. ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอยู่อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงฉันเมื่อไหร่

 

     3. บางความโปรดปรานที่ได้รับนั้น อาจจะเป็นบททดสอบหรือบทลงโทษที่ทำให้เราลืมอัลลอฮ.

 

     4. แนวทางที่หลงผิด อาจถูกทำให้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง

 

     ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเราจะถูกเรียกกลับคืนสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ เมื่อใด

      ท่านร่อซูล ﷺ  กล่าวว่า

 

إنَّ اللَّهَ خَلَقَ الرَّحْمَةَ يَومَ خَلَقَها مِائَةَ رَحْمَةٍ، فأمْسَكَ عِنْدَهُ تِسْعًا وتِسْعِينَ رَحْمَةً، وأَرْسَلَ في خَلْقِهِ كُلِّهِمْ رَحْمَةً واحِدَةً، فلوْ يَعْلَمُ الكافِرُ بكُلِّ الذي عِنْدَ اللَّهِ مِنَ الرَّحْمَةِ، لَمْ يَيْئَسْ مِنَ الجَنَّةِ، ولو يَعْلَمُ المُؤْمِنُ بكُلِّ الذي عِنْدَ اللَّهِ مِنَ العَذابِ، لَمْ يَأْمَن مِنَ النَّارِ

 

"แท้จริง อัลลอฮ์ทรงสร้าง 'ความเมตตา' ในวันที่พระองค์ทรงสร้างมันไว้ 100 ส่วน พระองค์ทรงเก็บรักษาไว้กับพระองค์ 99 ส่วน

และทรงส่งความเมตตาเพียง 1 ส่วนลงมายังสิ่งถูกสร้างทั้งหมดของพระองค์

หากผู้ปฏิเสธศรัทธารู้ถึงความเมตตาทั้งหมดที่อัลลอฮ์ทรงมี เขาย่อมจะไม่สิ้นหวังจากการได้เข้าสวรรค์ และ

หากผู้ศรัทธารู้ถึงการลงโทษทั้งหมดที่อัลลอฮ์ทรงมี เขาย่อมจะไม่รู้สึกปลอดภัยจากการถูกลงโทษในไฟนรก"

 (บันทึกโดย เศาะฮีฮฺอัลบุคอรีย์)

 

          ขอให้พวกเราทั้งหลาย พยายามขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ ให้มาก ทบทวนตัวเอง ตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดีของพระองค์ และพึงระลึกไว้เสมอว่าวันหนึ่งเราจะต้องกลับไปยังพระองค์ ไปรับสมุดบันทึกบัญชีความดีความชั่วของเรา

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺ อันอินชิกอก อายะฮฺที่ 7 - 9 อัลลอฮฺ. ตรัสว่า

 

فَأَمَّا مَنْ أُوتِىَ كِتَـٰبَهُۥ بِيَمِينِهِۦ

“ส่วนผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของเขาให้ทางเบื้องขวาของเขา”

 

فَسَوْفَ يُحَاسَبُ حِسَابًۭا يَسِيرًۭا

“เขาก็จะถูกชำระสอบสวนอย่างง่ายดาย”

 

وَيَنقَلِبُ إِلَىٰٓ أَهْلِهِۦ مَسْرُورًۭا

“และเขาจะกลับไปยังครอบครัวของเขาด้วยความดีใจ”

 

وَأَمَّا مَنْ أُوتِىَ كِتَـٰبَهُۥ وَرَآءَ ظَهْرِهِۦ

“และส่วนผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของเขาให้ทางเบื้องหลังของเขา”

 

فَسَوْفَ يَدْعُوا۟ ثُبُورًۭا

“แล้วเขาก็จะร้องเรียกหาความหายนะ”

 

وَيَصْلَىٰ سَعِيرًا

“และเขาจะเข้าไปในเปลวเพลิง”

 

     ในวันนี้ เราพยายามเป็นคนดีต่อเพื่อนมนุษย์มากมาย แต่อย่าได้ลืมที่จะพยายามเป็นคนดีของอัลลอฮ์

 

     ท่านร่อซูล ﷺ  กล่าวถึงความเมตตาหนึ่งของอัลลอฮ  ในวันกิยามะฮฺว่า

 

يُدْنَى الْمُؤْمِنُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنْ رَبِّهِ عَزَّ وَجَلَّ ، حَتَّى يَضَعَ عَلَيْهِ كَنَفَهُ ، فَيُقَرِّرُهُ بِذُنُوبِهِ ، فَيَقُولُ : هَلْ تَعْرِفُ ؟ فَيَقُولُ : أَيْ رَبِّ أَعْرِفُ ، قَالَ : فَإِنِّي قَدْ سَتَرْتُهَا عَلَيْكَ فِي الدُّنْيَا ، وَإِنِّي أَغْفِرُهَا لَكَ الْيَوْمَ ، فَيُعْطَىٰ صَحِيفَةَ حَسَنَاتِهِ ، وَأَمَّا الْكُفَّارُ وَالْمُنَافِقُونَ ، فَيُنَادٰى بِهِمْ عَلَى رُءُوسِ الْخَلاَئِقِ هٰؤُلَاءِ الَّذِينَ كَذَبُوا عَلَى اللهِ» (متفق عليه)

 

     "ในวันกิยามะฮฺ ผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)จะเข้าใกล้อัลลอฮฺ พระองค์จะทรงปิดม่านกั้นของพระองค์ให้เขาและชี้แจงบาปที่เขาได้ทำมา 

แล้วพระองค์จะตรัสว่า เจ้าทราบหรือเปล่า(ถึงบาปนี้บาปนั้น)? 

บ่าวผู้นั้นจะตอบว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์รับทราบ 

พระองค์จะตรัสว่า ข้าได้ปกปิดบาปนั้นในโลกดุนยาและในวันนี้ข้าจะอภัยบาปนั้นแก่เจ้า แล้วบันทึกความดีก็จะถูกยื่นให้แก่เขา

     ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) พวกเขาจะถูกประจานต่อสรรพสิ่งทั้งมวลว่า พวกนี้คือพวกกล่าวเท็จ (ปฏิเสธศรัทธา) ต่ออัลลอฮฺ" 

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

      ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮ  ให้เราทั้งหลายถูกตอบรับในสิ่งที่เป็นความดีงาม 

 

         สำหรับบรรดาสตรีผู้ศรัทธาทั้งหลาย ท่านนบี ﷺ  ได้สั่งเสียกับพวกเธอในวันอีดให้ทำการบริจาคทานให้มากๆ 

          มีรายงานจาก ท่าน ญาบิร อิบนิ อับดิลลาฮฺ กล่าวว่า ฉันไปร่วมละหมาดอีดกับท่านนบี ﷺ  ท่านร่อซูล เริ่มละหมาดก่อน จากนั้นท่านก็กล่าว คุฏบะฮฺ โดยการละหมาดอีดนี้จะไม่มีการอะซานและอิกอมะฮฺ ท่านลุกขึ้นยืนพิงท่านบิล้าล ท่านสั่งให้เกรงกลัวอัลลอฮฺ และกล่าวส่งเสริมให้เชื่อฟัง ปฏิบัติตาม อัลลอฮ์ กล่าวตักเตือนและสั่งสอนผู้คน แล้วท่านก็ผ่านไป จนกระทั่งถึงกลุ่มสตรี ท่านได้สั่งสอนและตักเตือนพวกนาง

     ท่านกล่าวว่า  "พวกเธอทั้งหลาย จงทำศ่อดะเกาะฮฺให้มากๆเถิด แท้จริงพวกเธอส่วนมากเป็นเชื้อเพลิงของไฟนรก"

     มีสตรีคนหนึ่งมีผิวหน้าคล้ำเล็กน้อย นางถามว่า “เพราะอะไรเล่า โอ้ท่านร่อซูล ?”

     ท่านร่อซูล ตอบว่า  “เพราะพวกเธอชอบบ่นว่ากล่าวสามี ตำหนิติเตียนสามีกันมาก และพวกเธอดื้อดึงฝ่าฝืนสามี” 

     เมื่อได้ยินดังนั้น พวกนางจึงเอาเครื่องประดับที่ใส่ติดตัวมาโยนใส่ผ้าที่ท่านบิล้าลปูไว้เพื่อรับศอดะเกาะฮฺ

 (บันทึกโดย มุสลิม)

         ดังนั้น หากสตรีผู้ศรัทธาได้ทราบฮะดีษนี้แล้ว สมควรอย่างยื่งที่จะรีบเร่งกระทำความดีดังเช่นที่บรรดาศ่อฮาบีย๊าต (ศ่อฮาบะฮฺหญิง) เหล่านั้นได้รีบเร่งกระทำ เพราะการกระทำความดีนั้น จะเป็นเหตุให้พวกนางไม่เข้าอยู่ในกลุ่มสตรีจำนวนมากที่ท่านร่อซูล ﷺ  กล่าวไว้

 

          หนึ่งในซุนนะห์ในวันอีดที่ท่านนบี ﷺ  ทำเป็นแบบอย่างเอาไว้ คือการขอโทษและการให้อภัยซึ่งกันและกัน ให้เราได้ผ่านเดือนรอมฎอนไปด้วยกับหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความดีงาม ปราศจากซึ่งความบาดหมางในหัวใจต่อกัน 

 

          จงขออภัยโทษต่อัลลอฮ์ ให้มาก ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮ์  ให้พระองค์ทรงตอบรับในทุกคุณงามความดีของเรา และปลดปล่อยเราจากไฟนรก