อัลวะลาอ์ วัลบะร็ออ์ ในอิสลาม 1
เรียบเรียงโดย... อิสมาอีล กอเซ็ม
อัลวาลาฮฺ และ อัลบารอฮ์ นั้นต้องเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น คนเราจะต้องปลีกตัวออกห่าง จากสิ่งที่อัลลอฮฺ ต้องการให้ปลีกตัวออกห่าง เหมือนคำดำรัสของอัลลอฮฺ ตาอาลา
{قد كانت لكم أسوة حسنة في إبراهيم والذين معه إذ قالوا لقومهم إنا برءاء منكم ومما تعبدون من دون الله كفرنا بكم وبدا بيننا وبينكم العداوة والبغضاء أبداً}،
“แท้จริง อิบรอฮีม และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา คือแบบอย่างอันดีสำหรับพวกท่าน
เมื่อพวกเขากล่าวว่า : พวกเราไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน และจากสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชานอกจากอัลลอฮ์
เราขอปฏิเสธพวกท่าน และแท้จริงระหว่างเรากับพวกท่านนั้นได้ปรากฏชัดถึงความเป็นศัตรูและความเกลียดชังตลอดไป”
นี่คือจุดยืนของท่านนบี ฮิบรอฮีมอะลัยอิสสลาม ที่ท่านได้แสดงออกอย่างชัดเจนในการต่อต้านการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ และการกระทำที่เป็นการปฏิเสธพระเจ้าในหมู่ชนของท่าน พร้อมทั้งประกาศความเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย
ผู้ศรัทธามิใช่เพียงแค่ละทิ้งการตั้งภาคีหรือการบูชาสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น แต่ยังต้องละทิ้งพฤติกรรมชั่วร้าย และการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺด้วย เราแสดงความรักต่อพี่น้องมุสลิมตามระดับของอีมานที่พวกเขามี รักในสิ่งที่พวกเขาเชื่อฟังต่ออัลลอฮฺ และเกลียดในสิ่งที่พวกเขาฝ่าฝืน แต่กระนั้น เรายังไม่ปลีกตัวหรือแยกห่างจากพี่น้องผู้ศรัทธา
ความขัดแย้งในหมู่มุสลิม : ปรากฏการณ์แห่งการตัดขาดที่เกินขอบเขตแห่งหลักการ
ในบริบทปัจจุบันของสังคมมุสลิม ปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง คือการเกิดความเกลียดชังและการตัดสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้องมุสลิม อันเนื่องมาจากความผิดพลาดหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางประการ ทั้งที่บุคคลนั้นยังคงมีคุณธรรม ความดีงาม และความเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในด้านอื่น ๆ ประกอบอยู่ด้วย
ลักษณะของความขัดแย้งเช่นนี้ มักเกิดขึ้นจากการที่บุคคลไม่สามารถแยกแยะระหว่างความรักในอัลลอฮ์ (الولاء لله) และความเกลียดชังต่อบาป (البراء من المعصية) ได้อย่างถูกต้อง กล่าวคือ มุสลิมมีหน้าที่ที่จะต้องรักพี่น้องของตน ในสิ่งที่เขามีความศรัทธาและการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์ และในขณะเดียวกันก็เกลียดพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระองค์ แต่ไม่ถึงขั้นที่ต้องตัดขาดจากเขาโดยสิ้นเชิง เว้นแต่ในกรณีที่มีหลักฐานและเงื่อนไขอันชัดเจนทางศาสนาเท่านั้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ พฤติกรรมเหล่านี้ได้แผ่ขยายเข้าสู่หมู่ของนักวิชาการ นักเผยแผ่ศาสนา และกลุ่มผู้ทำงานในภาคดะวะฮ์ ซึ่งควรเป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการอิสลาม และควรเป็นต้นแบบแห่งการมีเมตตา ความเข้าอกเข้าใจ และการร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายสูงสุดในการเรียกร้องสู่ศาสนาของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่ในทางกลับกัน เรากลับพบเห็นการกล่าวหา การโจมตีทางวาจา และการแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ความแตกแยก การสร้างองค์กรคู่ขนาน และความไร้เอกภาพระหว่างกลุ่มคนที่ควรเป็นผู้นำในด้านความสามัคคี
สิ่งเหล่านี้มิใช่เพียงทำลายศักยภาพของการดะวะฮ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของอิสลามในสายตาของสาธารณชน และขัดต่อหลักการที่อัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาไว้ว่า :
"แท้จริงผู้ศรัทธาทั้งหลายคือพี่น้องกัน ดังนั้นจงทำการประนีประนอมระหว่างพี่น้องของพวกเจ้า"
(ซูเราะฮ์ อัลหุญุรอต: 10)
ดังนั้น การรักษาความสมดุลระหว่างหลักการ อัลวะลาฆ์ วัลบะราฆ์ กับความเมตตาและสติปัญญาในการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมศรัทธา จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดในยุคที่ความแตกแยกกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการฟื้นฟูศาสนาและการรวมพลังของประชาชาติอิสลาม
บางครั้งปรากฏว่าผู้ศรัทธาบางคนกลับมีความรู้สึกเกลียดชังต่อพี่น้องมุสลิมของตนอย่างสุดหัวใจ อันเนื่องมาจากความผิดพลาดหรือความบกพร่องบางประการที่อีกฝ่ายได้กระทำ แต่กลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นต่อผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา หรือผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
ปรากฏการณ์เช่นนี้ถือเป็นสัญญาณหนึ่งของความบกพร่องในด้านอีมาน (نقص الإيمان) และความไม่สมดุลในการยึดมั่นต่อหลัก "อัลวะลาอ์ วัลบะร็ออ์" ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของอิสลามในการแสดงความรักและความเป็นมิตรต่อผู้ศรัทธา และการปฏิเสธและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อผู้ปฏิเสธศรัทธา
ผู้ศรัทธาที่แท้จริงจะต้องมีความรักและเกลียดชัง ตามหลักศาสนา มิใช่ตามอารมณ์หรือความชอบส่วนบุคคล และจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างความเกลียดต่อความผิดบาป กับความรักที่มีต่อพี่น้องในฐานะผู้ร่วมศรัทธาในอัลลอฮ์