มารู้จักชีอะฮ์ 1
  จำนวนคนเข้าชม  77

มารู้จักชีอะฮ์ 1

 

เรียบเรียงโดย   อิสมาอีล  กอเซ็ม  

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  

 

          ชีอะฮ์: หนึ่งในกลุ่มที่เบี่ยงเบนจากแนวทางอิสลาม กลุ่มชีอะฮ์ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เบี่ยงเบนจากแนวทางของอิสลามที่บริสุทธิ์ และเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเขามีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายหลังการเสียชีวิตของท่านนบี มุฮัมมัด ﷺ โดยเฉพาะเหตุการณ์ความแตกแยกในยุคของเคาะลีฟะฮ์หลังจากท่านนบี 

 

          การเกิดขึ้นของกลุ่มชีอะฮ์มีลักษณะบางอย่างที่คล้ายคลึงกับกลุ่มคอวาริจญ์ (الخوارج) คือ การอ้างหลักการทางศาสนาเพื่อหลอกลวงผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เข้าใจหลักศรัทธาอิสลามอย่างถูกต้อง พวกเขาใช้ข้ออ้างเรื่องความรักต่ออะฮฺลุลบัยต์ และความอยุติธรรมทางการเมืองเพื่อชักจูงผู้คนเข้าสู่แนวคิดของตน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ขัดกับแนวทางของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮ์¹ 

 

          ทั้งสองกลุ่ม—ชีอะฮ์และคอวาริจญ์—ต่างก็สร้างความแตกแยกและความเสียหายต่อเอกภาพของประชาคมมุสลิม (อุมมะฮ์) โดยชีอะฮ์เลือกแนวทาง "การยกย่องอะฮฺลุลบัยต์จนเกินขอบเขต" ส่วนคอวาริจญ์กลับเลือกแนวทาง "ตักฟีร" ผู้กระทำบาปใหญ่และตั้งตนต่อต้านผู้นำมุสลิม

 

         ความเชื่อของชีอะฮ์มิได้เริ่มต้นที่ประเทศอิหร่านอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่อิรักต่างหากที่เป็นแหล่งกำเนิดแนวความเชื่อนี้ โดยเฉพาะเมืองกูฟะฮ์และเมืองกัรบะลาอ์ ซึ่งเป็นสถานที่ฝังร่างของเครือญาติของท่านนบีจำนวนมาก อิรักยังเป็นแหล่งรวมของชาวเปอร์เซีย และเป็นดินแดนที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในยุคต้นอิสลาม

 

          ดังนั้น การศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด ความเชื่อ และประวัติความเป็นมาของกลุ่มชีอะฮ์จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มุสลิมสามารถแยกแยะระหว่างแนวทางที่ถูกต้องกับแนวทางที่เบี่ยงเบนออกจากหลักการของอิสลามอันบริสุทธิ์ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนโดยเฉพาะผู้ที่ขาดความรู้ทางศาสนา ตกเป็นเหยื่อของแนวคิดเหล่านี้ที่แฝงตัวมาในรูปแบบของความรักต่ออะฮฺลุลบัยต์หรือ การเรียกร้องความยุติธรรมทางการเมือง

 

          แนวคิดพื้นฐานของกลุ่มชีอะฮ์มีจุดเริ่มต้นจากชายคนหนึ่งชื่อว่า "อับดุลลอฮฺ อิบนุ ซะบะอฺ" (عبد الله بن سبأ) ซึ่งเป็นยิวจากแคว้นซะนะอาอฺ ประเทศเยเมน เขาแสร้งเข้ารับอิสลามในยุคของเคาะลีฟะฮฺอุษมาน อิบนุ อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ โดยมีเป้าหมายในการบ่อนทำลายอิสลามจากภายใน¹

 

          อับดุลลอฮฺ อิบนุ ซะบะอฺ เป็นบุคคลแรกที่เริ่มเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งเกี่ยวกับสถานะของท่านอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ และวางรากฐานแนวคิดที่เบี่ยงเบนซึ่งในภายหลังกลายเป็นหลักความเชื่อของกลุ่มชีอะฮ์บางสาย

 

          ฝ่ายชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองส่วนใหญ่ ปฏิเสธการมีอยู่จริง ของอับดุลลอฮฺ อิบนุ ซะบะอฺ โดยมองว่าเขาเป็นเพียง "บุคคลในตำนาน" ที่ฝ่ายอะฮฺลุซซุนนะฮฺสร้างขึ้นมาเพื่อกล่าวหาและลดความชอบธรรมของแนวทางชีอะฮ์

 

          อย่างไรก็ตาม บรรดานักประวัติศาสตร์และนักฮะดีษสายซุนนีย์หลายท่าน เช่น อิบนุ ญะรีร อัฏ-เฏาะบะรีย, อิบนุอัสากิร, อิบนุ หะญัร และอิบนุตัยมียะฮฺ ต่างระบุถึงการมีอยู่ของเขาไว้อย่างชัดเจนในตำราของตน¹

 

          เพราะแม้ฝ่ายชีอะฮ์จำนวนมากจะ "ปฏิเสธการมีอยู่" ของอิบนุซาบาฮ์ แต่กลับมี *ตำราของนักวิชาการชีอะฮ์เองบางท่าน* ที่กล่าวถึงตัวเขาไว้อย่างชัดเจนเช่นกัน ✦ หลักฐานจากตำราของชีอะฮ์ที่กล่าวถึง “อิบนุซาบาฮ์” 

 

          นัศร บิน มุซาห์ฮิม อัลมินกะรี (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 212) – ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ฝ่ายชีอะฮ์ยุคต้น ได้กล่าวถึงอิบนุซาบาฮ์ไว้ในหนังสือชื่อ วะกอะตุ ศิฟฟีน ว่า: “อับดุลลอฮฺ บิน ซะบะอฺ เป็นผู้สนับสนุนอะลีอย่างสุดโต่ง)และอ้างว่าอะลีเป็นนบี...” 

(ดู: وقعة صفين، ص 115، تحقيق: جمال عبد الحميد*)

 

          อัล-กัชชี** – ในหนังสือ *ริญาล อัล-กัชชี ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมประวัติผู้รายงานฮะดีษในสายชีอะฮ์ กล่าวว่า:  “อิบนุ ซะบะอฺ เป็นผู้ที่กล่าวว่า อะลีเป็นพระเจ้า (إله)، และอิมามอะลีได้สั่งประหารเขา...”  

*(ดู: رجال الكشي، ص 101)* 3. **อัล-นูบัคตีย์** –

 

           ในหนังสือ *ฟิร็อก อัชชีอะฮฺ* (فرق الشيعة) ระบุว่า:  “กลุ่มสะบะอียะฮฺ (السبئية) สืบทอดแนวคิดของอิบนุซะบาฮ์... โดยเชื่อในแนวทางกุลาาต (สุดโต่ง) และเชื่อว่าอะลีคือผู้ที่สมควรรับวะฮ์ยู” 

(ดู: فرق الشيعة، ص 32)

 

          แม้ว่าชีอะฮ์บางสายจะปฏิเสธการมีอยู่ของอิบนุ ซะบะอฺ แต่จากการศึกษาตำราของนักวิชาการชีอะฮ์ยุคต้น กลับพบว่ามีการกล่าวถึงเขาอย่างชัดเจน ทั้งในฐานะบุคคลผู้เผยแนวคิดสุดโต่ง และเป็นต้นตอของแนวคิด “กุลาาต” (غلو) ซึ่งต่อมากลายเป็นรากฐานบางประการของแนวทางชีอะฮ์บางกลุ่ม

 

          ดังนั้น การที่มีตำราทั้งของฝ่ายอะฮฺลุซซุนนะฮฺ และ ฝ่ายชีอะฮ์ยุคต้นบางเล่ม กล่าวถึงตัวตนของ อับดุลลอฮฺ บิน ซะบะอฺ อย่างชัดเจน ย่อมถือเป็น หลักฐานที่มีน้ำหนัก ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ และเป็น *ต้นทางความคิดสุดโต่ง* ที่บิดเบือนหลักการอิสลามอันบริสุทธิ์ ด้วยการแอบอ้างศาสนาเพื่อเป้าหมายทางการเมืองและลัทธิสุดโต่ง  เรื่องนี้จึงไม่อาจมองข้ามในเชิงประวัติศาสตร์ศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการทำความเข้าใจ พัฒนาการของกลุ่มรอฟิเฎาะฮ์ (ชีอะฮ์สุดโต่ง)* ที่ปรากฏในยุคหลัง

 

          ดังนั้น บรรดาผู้รู้ในแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกมาชี้แจงให้ผู้คนได้รู้เท่าทันแนวคิดและอันตรายของกลุ่มชีอะฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแนวคิดของพวกเขาแฝงตัวอยู่ในนามของอิสลาม และสร้างความสับสนให้กับมุสลิมทั่วไปที่ขาดพื้นฐานทางศาสนาอย่างถูกต้อง 

          เป็นการปฏิตามคำดำรัสของอัลลอฮฺตาอาที่ว่า 

 

 وَكَذَٰلِكَ نُفَصِّلُ ٱلْآيَٰتِ وَلِتَسْتَبِينَ سَبِيلُ ٱلْمُجْرِمِينَ “

 

“เช่นนั้นแหละ เราได้แจกแจงบรรดาโองการต่าง ๆ อย่างชัดเจน เพื่อจะได้ประจักษ์แน่ชัดถึงทางของบรรดาผู้ละเมิด”* 

(ซูเราะฮฺ อัลอันอาม: 55) 

 

     เช่นเดียวกับคำกล่าวของ **ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์** ที่กล่าวว่า: "รอฟิเฎาะฮ์ คือพวกที่โกหกมากที่สุด และศัตรูของอิสลามร้ายแรงที่สุด"

(ดู: มินฮาญุสสุนนะฮฺ 1/59)