โรคร้าย...ที่เต็มโลก
  จำนวนคนเข้าชม  228

โรคร้าย...ที่เต็มโลก

 

โดย อาจารย์นูรี  ขวดมา

 

          คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกดุนยาได้แก่ลงเต็มทีแล้ว...เพราะทุกวันนี้สังคมของเราถูกอัดแน่นไปด้วยกับความวุ่นวาย ความหายนะเข้าวิกฤต ความเป็นพี่น้องกันเริ่มเหือดแห้งลง ความเป็นศัตรูกลับแพร่สะพัดทั่วทุกมุม เนื่องจากสังคมของเรานั้น ขาดแคลนความรัก การอภัย ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และการมองโลกในแง่ร้าย 

          สิ่งเหล่านี้ นับว่าเป็นโรคร้ายที่กัดกินหัวใจของพวกเรา จนแพร่ระบาดเต็มผืนแผ่นดินโลกไปหมดแล้ว ดังนั้น ศาสนาอิสลามได้เรียกร้องเชิญชวนให้มีการคิดบวก มองโลกในแง่ดี และคิดดีต่อผู้อื่น เพราะการคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดีนั้น จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เรามีพฤติกรรมที่ดีต่อบุคคลรอบข้าง 

          ส่วนการมองโลกในแง่ร้ายหรือคิดร้ายต่อผู้อื่น เป็นตัวการที่ทำให้สังคมนั้นน่าหดหู่ หม่นหมองไม่น่าอยู่ และไม่เพียงแต่จะเป็นการทำร้ายผู้อื่น แต่ยังย้อนกลับมาทำร้ายทิ่มแทงตัวเองอีกด้วย เพราะการคิดไม่ดี หรือมองโลกในแง่ลบเป็นแหล่งที่มาของโรคร้ายและความผิดพลาด 

 

     โดยมีดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ออกห่างจากการคิดลบ คิดไม่ดีต่อผู้อื่นที่ว่า

 

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ٱجْتَنِبُوا۟ كَثِيرًۭا مِّنَ ٱلظَّنِّ إِنَّ بَعْضَ ٱلظَّنِّ إِثْمٌۭ ۖ وَلَا تَجَسَّسُوا۟ وَلَا يَغْتَب بَّعْضُكُم بَعْضًا ۚ أَيُحِبُّ أَحَدُكُمْ أَن يَأْكُلَ لَحْمَ أَخِيهِ مَيْتًۭا فَكَرِهْتُمُوهُ ۚ وَٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ تَوَّابٌۭ رَّحِيمٌۭ

 

“โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย 

แท้จริง การสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน 

คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน 

และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”

(อัล-ฮุญุร็อต 49 : 12)

 

          จากอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺ ตะอาลา ให้ออกห่างจากการสงสัย หรือคิดแง่ลบกับผู้อื่นเพราะ การคิดลบหรือ การสงสัยบางประการนั้นเป็นบาป หมายถึงโดนลงโทษ และได้ห้ามปรามการนินทา การสอดแนมเรื่องคนอื่น รวมไปถึงการห้ามการเชื่อข่าวลือต่าง ๆ 

          กี่มากน้อยแล้วที่คำพูดเพียงไม่กี่คำที่คนชั่วกล่าวออกมาต้องกลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ เพราะความจริง เราไม่สามารถที่จะมองเห็นหรือหยั่งรู้ในสิ่งที่ซ้อนเร้นได้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินหรือเชื่อโดยขาดการพินิจพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเสียก่อน และการพินิจพิเคราะห์ก่อนตัดสินนั้น ก็ถือเป็นหนึ่งในทัศนคติของผู้ที่มีการคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดี

 

     อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในซูเราะห์ อัล-ฮุญุร็อต อายะฮฺที่ 6 ว่า

 

 يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ إِن جَآءَكُمْ فَاسِقٌۢ بِنَبَإٍۢ فَتَبَيَّنُوٓا۟ أَن تُصِيبُوا۟ قَوْمًۢا بِجَهَـٰلَةٍۢ فَتُصْبِحُوا۟ عَلَىٰ مَا فَعَلْتُمْ نَـٰدِمِينَ

 

“โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย หากคนชั่วนำข่าวใด ๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด 

หาไม่แล้ว พวกเจ้าจะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว 

แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป”

(อัล-ฮุญุร็อต 49 : 6)

 

          แต่ปัญหาสังคมทุกวันนี้ ความดีไม่ถูกตีแผ่ แต่ความชั่วกลับถูกนำมาประจานอย่างฉับพลัน ความดีงามอีกมากมายที่ซ่อนอยู่เรากลับมองข้ามมัน แต่กลับมีพฤติกรรมชอบวิพากษ์วิจารณ์ความผิดของผู้อื่นอย่างเมามันในที่สาธารณะ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลมาจากการขาดความรัก ความเป็นพี่น้อง คิดลบต่อกัน หรือมองโลกในแง่ร้าย ในที่สุดสังคมก้าวสู่ความหยาบกร้าน แข็งกระด้าง เพราะถูกสั่งสมด้วยกับพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเช่นนี้ 

     และพฤติกรรมเช่นนี้มันก็ค้านกับฮะดิษของท่านร่อซูล ﷺ ที่ว่า

 

“มุสลิมเป็นพี่น้องกัน อย่าได้อธรรมต่อกัน อย่าได้ทอดทิ้งกัน 

และคนที่ช่วยบรรเทาทุกข์ความเจ็บปวดให้ผู้อื่น อัลลอฮฺก็จะบรรเทาทุกข์ให้แก่เขาในวันกิยามะฮฺ 

และคนที่ปกปิดข้อตำหนิของผู้อื่น อัลลอฮฺก็จะช่วยปกปิดข้อตำหนิของเขาในวันกิยามะฮฺเช่นกัน”

 (บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์)

 

          ในฮะดิษนี้ ได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า มุสลิมเป็นพี่น้องกัน นั่นหลายถึงเราควรที่จะมีความรัก ความสามัคคี ไม่ควรคิดร้ายต่อกัน และให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และท่านร่อซูล ﷺ ได้บอกต่ออีกว่า ผู้ใดใครก็ตามที่ปกปิดข้อตำหนดของผู้อื่น อัลลอฮฺก็จะปกปิดข้อตำหนิของเขาทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ 

 

          และนี่ก็เป็นการสื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่า อิสลามไม่ส่งเสริมในเรื่องการประจานหรือการทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย เพราะบางทีแล้วเขาอาจไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิด แต่ความผิดของคนที่เป็นคนชั่วหรือขัดต่อหลักการศาสนาในกรณีนี้ อิสลามได้มีข้อยกเว้นให้สามารถทำการเปิดเผยได้ เพื่อที่เขาจะได้กลับตัว

 

          ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เพียงอยากจะบอกทุกท่านว่า มันมียาวิเศษขนานหนึ่งที่จะช่วยบำบัดปัญหาหรือโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาดอยู่นี้ได้ นั่นก็คือการให้อภัย มองโลกในแง่ดี ความรัก ความเข้าใจ เพราะการกระทำดังนี้จะช่วยฟื้นฟูเยียวยาจิตใจและสังคมที่หม่นหมองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

 

เคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มทัศนติให้เราเป็นคนคิดบวก คือ

 

♠ การขอดุอาอฺให้เรานั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดี

 

رَبَّنَا ٱغْفِرْ لَنَا وَلِإِخْوَٰنِنَا ٱلَّذِينَ سَبَقُونَا بِٱلْإِيمَـٰنِ وَلَا تَجْعَلْ فِى قُلُوبِنَا غِلًّۭا لِّلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ رَبَّنَآ إِنَّكَ رَءُوفٌۭ رَّحِيمٌ 

“ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเรา ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา 

และขอพระองค์อย่าได้ให้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธาเลย 

ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเราแท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้เอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ”

(อัล-ฮัชรฺ 59 : 10)

 

♠ การตีความคำพูดผู้อื่นในแง่ดี 

 

     สมควรอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งหนึ่งที่คลุมเครือออกมาจากพี่น้องผู้ศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด ให้เราพยายามเข้าใจและตีความในทางที่ดี เพราะนี่คือแบบฉบับของชนรุ่นก่อน

 

♠ หลีกเลี่ยงการตีความสิ่งที่อยู่ในใจผู้อื่น 

 

     เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะรับผิดชอบอะไรในนั้น เพราะมันเป็นเดชานุภาพของผู้ทรงสร้างหัวใจต่างหาก

 

♠ ให้นึกถึงผลเสียของการคิดสงสัย 

 

     คนที่มัวแต่คิดลบกับผู้อื่น หัวใจย่อมไม่เป็นสุข เพราะโดยวิสัยของมนุษย์ย่อมมีความผิดทั้งเจตนาและไม่เจตนา หากมัวแต่จับผิด หัวใจย่อมไม่สงบ และเป็นผลนำไปสู่การปรักปรำ กล่าวหาผู้อื่นอีกด้วย

 

 

          ฉะนั้นแล้ว สมควรที่ทุกท่านจะต้องมีการคิดบวก และมองโลกในแง่ดี เพราะมันคือยาวิเศษที่จะช่วยบรรเทาหรือทำให้โรคร้ายเหล่านั้นหมดไปจากโลกของเรา 

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี (5 มกราคม 2568) โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร