เอกภาพกับความสัมพันธ์
เรียบเรียง .... อ.จรวด นิมา
คราใดที่ท่านพิจารณาในจักรวาลนี้อย่างถี่ถ้วน และครอบคลุม ท่านจะพบว่า จักรวาลดำเนินไปด้วยระบบเดียวกันตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มิได้ล้าหลังเลย เพราะส่วนต่างๆของมันมีการเชื่อมโยงกัน
และอันที่จริงยังมีการออกแบบอีกอย่างหนึ่งที่ครอบคลุมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง โดยการออกแบบ และการสร้างสรรค์อย่างเดียวกัน เช่น
ช่องประตูของกระเพาะอาหารย่อมมีความสัมพันธ์กับกระเพาะ
กระเพาะมีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารมีความสัมพันธ์กับกับระบบไหลเวียนของเลือด
ระบบการไหลเวียนของเลือดมีความสัมพันธ์กับระบบทางเดินหายใจ
ระบบทางเดินหายใจมีความสัมพันธ์กับระบบประสาท
ระบบประสาทมีความสัมพันธ์กับกล้ามเนื้อ
และกล้ามเนื้อมีความสัมพันธ์กับกระดูก
กระดูกมีความสัมพันธ์กับร่างกายทั้งหมด
ฉะนั้น ส่วนหนึ่งในร่างกายจึงไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ นอกจากจะต้องมีความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับส่วนอื่น และมนุษย์ก็สัมพันธ์กับพื้นโลก และสรรพสิ่งต่างๆที่อยู่บนพื้นโลก เช่น พื้นดินที่ใช้เพาะปลูกให้ความเจริญเติบโตแก่พืช และน้ำทะเลทีระเหยกลายเป็นไอแล้วก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆ
ลมที่พัดพากลุ่มเมฆให้เคลื่อนต้วแล้วตกเป็นน้ำฝนที่เอื้ออำนวยแก่มนุษย์ พืชและสัตว์ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต อากาศที่มนุษย์หายใจ และแสงแดดเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างอาหารของพืช ตลอดจนทำให้ผลไม้สุก และแรงดึงดูดของโลกที่คอยเหนี่ยวรั้งมนุษย์ไม่ให้ถูกโยนออกไปนอกโลก รวมถึงสิ่งอื่นอีกมากมายที่คอยเอื้ออำนวยความสะดวกแก่กิจการต่างๆของมนุษย์ และมนุษย์จะไม่มีคุณค่าเลย ถ้าขาดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
จากความสัมพันธ์ระหว่างพื้นผิวโลกกับสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ เราจึงรู้ว่าโลกใบนี้ถูกออกแบบโดยเจตนารมย์เพียงหนึ่งเดียว ไม่ใช่สองเจตนาที่ขัดกัน โลกนี้จะไม่มีคุณค่าเลย หากโลกไม่มีความสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และหมู่ดวงดาวในระบบสุริยะและจักวาล เพราะระบบโคจรของมัน ความสมดุล และความคงที่ในวิถีโคจรนั้น ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดอย่างประณีต และแยบยล ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว โลกใบนี้จะต้องชนกับดาวดวงหนึ่งดวงใด และจะทำลายโลก และสรรพสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ทั้งหมด
ฉะนั้น ผู้ที่บังเกิดโลกและสรรพสิ่งที่อยู่บนโลก คือผู้เดียวกับผู้ที่บังเกิดระบบสุริยะและจักวาล และระบบสุริยะของเรานี้ก็สัมพันธ์กับดวงดาวต่างๆที่อยู่ในกาเลกซี่ของเรา เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ความบกพร่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์เหล่านี้ก็จะนำระบบสุริยะของเราไปสู่การเผาไหม้ภายในดวงดาวขนาดยักษ์ และทำลายระบบสุริยะตลอดจนสรรพสิ่งต่างๆที่อยู่บนหน้าพื้นโลก และสิ่งที่อยู่ภายใต้พื้นโลกอย่างแน่นอน
ด้วยเจตนารมย์เพียงหนึ่งเดียวนี้เองที่ระบบสุริยะและจักวาลของเราได้ถูกสร้างขึ้นมา แล้วมันก็มีความสัมพันธ์กับกลุ่มดวงดาวอื่นๆที่อยู่ในกาเลกซี่ของเรา และเช่นเดียวกันกาเลกซี่ของเรานั้น ก็มีความสัมพันธ์และความสมดุลกับกาเลกซี่อื่นๆด้วย
จากความสัมพันธ์อันแยบยลอย่างละเอียดออ่นระหว่างส่วนต่างๆของระบบสุริยะและจักรวาล นับตั้งแต่ปากกระเพาะ จนมาถึงกาเลกซี่ที่ได้กล่าวมาแล้ว เราจึงรู้ว่าเจตนารมย์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้เนรมิต จัดระบบ ทำให้เกิดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขึ้นมา
หลักฐานและข้อพิสูจน์ที่บ่งบอกถึงความเป็นหนึ่งเดียวของระบบสุริยะและจักรวาล และความสัมพันธ์อันมากมาย ถ้าหากเราพิจารณากฎเกณฑ์ และระบบต่างๆของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระบบสุริยะและจักรวาลแล้ว เราจะพบว่ามันเป็นกฎเกณฑ์และระบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เราพบกฎของแรงดึงดูดมันคอยควบคุมส่วนต่างๆของอาตอม เช่นเดียวกันเราก็จะพบว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวได้ควบคุมส่วนต่างๆของกาเลกซี่ด้วย เช่นเดียวกันกับกฎของความร้อน กฎของรังสีอื่น ๆ เป็นต้น
ระบบและกฎเดียวกันนี้ มันได้ยืนยันแล้วว่า มันเกิดมาจากแหล่งเดียวกัน ถึงแม้ว่ากฎเหล่านี้จะมีความหลากหลายกันก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดความสมบูรณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อการสร้างสรรค์ระบบที่สมบรูณ์เป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งจักรวาลทั้งหมดได้โคจรไปในระบบที่ส่วนต่าง ๆถูกควบคุมอย่างสมดุลและปราณีต
ดังนั้น สิ่งดังกล่าวจึงเป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่า กฎเกณฑ์ที่ปราณีต รัดกุม และเอื้ออาทรต่อกันนี้ มันได้เกิดขึ้นมาโดยพระบัญชาของผู้ควบคุมเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
หากมีพระเจ้าหลายองค์ร่วมกับอัลลอฮฺ ตะอาลา แน่นอนว่า พระเจ้าเหล่านั้นจะต้องดึงเอาระบบควบคุมออกมาจากพระหัตถ์ของผู้ควบคุมเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งพระองค์ทรงบริบาลแห่งจักรวาล และจะต้องพยายามสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาโดยลำพังของพวกเขาอย่างแน่นอน ในขณะนั้นเองความเสียหายก็จะต้องเกิดขึ้นและความบกพร่องจะต้องแทรกซึมไปยังส่วนต่าง ๆของระบบสุริยะและจักรวาลด้วยความพยายามดังกล่าว
ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
قُل لَّوْ كَانَ مَعَهُ آلِهَةٌ كَمَا يَقُولُونَ إِذًا لَّابْتَغَوْا إِلَىٰ ذِي الْعَرْشِ سَبِيلًا (الإسراء: ٤٢)
"มูฮำหมัด จงบอกกับพวกตั้งภาคี ถ้าสมมติว่า มีพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลลอฮฺ ตามที่พวกเขาอ้าง
แน่นอนเหลือเกินว่า พระเจ้าเหล่านั้นจะต้องหาทางไปสู่ผู้ทรงครองบัลลังก์"
(อัลอิสรออฺ 42)