ความมหัศจรรย์ของอัลกรุอ่าน “ดาราศาสตร์”
เรียบเรียง .... อ.จรวด นิมา
นักวิชาการอิสลาม กล่าวว่า แน่นอน ขณะที่อัลกรุอ่านกล่าวถึงสัญญาณทั้งหลายในจักรวาลหรือขณะที่กล่าวถึงหนทางที่ถูกต้อง อัลกรุอ่าน ได้เสนอความจริงที่ยังไม่มีผู้ใดรู้นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น
ต่อมาพระองค์ทรงประสงค์ที่จะให้วิชาการของมนุษย์มีความเจริญก้าวหน้า ก็เพื่อจะให้วิชาการสมัยใหม่เหล่านี้ได้เผยความจริงจากสิ่งที่มีอยู่ในอัลกรุอ่าน เกี่ยวกับศาสตร์ที่มนุษย์เองไม่รู้เป็นระยะเวลาอันยาวนาน และพระองค์ทรงกล่าวศาสตร์เหล่านั้นไว้ในอัลกรุอ่าน เพื่อจะเป็นแนวทางใหม่ในความมหัศจรรย์ของอัลกรุอ่านที่จะเปิดเผยในสมัยที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านจักรวาล
ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
سَنُرِيهِمْ آيَاتِنَا فِي الْآفَاقِ وَفِي أَنفُسِهِمْ حَتَّىٰ يَتَبَيَّنَ لَهُمْ أَنَّهُ الْحَقُّ ۗ أَوَلَمْ يَكْفِ بِرَبِّكَ أَنَّهُ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ شَهِيدٌ (فصلت:٥٣)
"อีกหน่อย เราจะให้พวกเจ้านั้นเห็นหลักฐานของเราทั้งในฟากฟ้าทั้งหมด และในตัวของพวกเขาเองด้วย
เพื่อจะได้เป็นหลักฐานชัดว่า กรุอ่านนั้นมีแต่ความสัจจริง
ยังไม่พออีกหรือ สำหรับการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ ที่ว่าพระองค์นั้นเป็นผู้รู้ทรงเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง"
(ฟุศศิลัต 41:53)
อันที่จริงความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้เปิดเผยให้เห็นในหลักดาราศาสตร์ และหลักธรณีวิทยาว่า โลก ดวงอาทิตย์ และดวงดาวต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
เมื่อเราถามถึงต้นกำเนิด เราจะพบว่ามันมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ที่เรียกว่ากลุ่มแก๊ส โดยมีดาวเคราะห์ ดาวนพเคราะห์ และดวงอาทิตย์ ได้แยกตัวออกจากกลุ่มแก๊สนี้ เช่นเดียวกับโลกที่ได้แยกตัวออกมา และเป็นเรื่องยากลำบากต่อมนุษย์ที่จะจินตนาการ หากนี้คือความจริงที่นักวิชาการดาราศาสตร์ และนักธรณีวิทยาได้รวบรวมความจริงนี้ไว้ และอัลกรุอ่านก็ได้บอกแก่เราถึงความจริงนี้ด้วย
ณ ที่นั้นยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่ง ที่นักวิชาการชีววิทยา และนักเคมีได้รู้ความจริงคือ ชีวิตจะมีขึ้นไม่ได้หากขาดน้ำ โดยพบว่าน้ำคือองค์ประกอบสำคัญทางธรรมชาติและทางเคมี โดยน้ำจะทำให้เกิดความเหมาะสมความสมดุล เพื่อให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้ และความจริงอันนี้ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง แต่มันครอบคลุมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
แน่นอน อัลกรุอ่านได้กล่าวถึงความจริงอันนี้อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในวิชาดาราศาสตร์และวิชาชีววิทยา โดยให้อยู่ในโองการอันเดียวกัน
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا فَفَتَقْنَاهُمَا ۖ وَجَعَلْنَا مِنَ الْمَاءِ كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ ۖ أَفَلَا يُؤْمِنُونَ (الأنبياء: ٣٠)
"บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้รู้หรือเปล่าว่า ทั้งฟ้าและดินนั้น เดิมทีเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันออกมาให้เป็นชั้นฟ้าเป็นแผ่นดิน
และทุกสิ่งที่มีชีวิตนั้นเราสร้างมาจากน้ำ แล้วพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอยู่อีกหรือ ?
พระเจ้าที่แท้จริงคืออัลลอฮฺองค์เดียว"
(อัลอัมบิยาฮ 21:30)
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้พบว่า การแยกตัวของดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์นั้น เป็นการแยกตัวที่ไม่มีการปะทะชนกัน หรือเกิดความยุ่งเหยิง เพราะเป็นการแยกตัวสอดคล้องทั้งระบบ ระเบียบที่ถูกวางไว้อย่างสมดุล โดยกำหนดดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ทั้งมวลให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ด้วยการวางสมดุลและความเร็วอย่างถูกต้อง
สิ่งที่ตามมา ทำให้เกิดดุลยภาพระหว่างสิ่งต่างๆ อย่างประณีตสมบูรณ์ แล้วด้วยสื่อดุลยภาพที่ละเอียดถี่ถ้วนนี้เอง ทำให้สิ่งที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ จะมีความคงที่ทั้งระบบ ระเบียบอีกทั้งไม่เกิดชนกัน
สาเหตุนี้เอง จึงทำให้นักดาราศาสตร์ได้รู้ตำแหน่งที่ตั้งของดาวเนปจูนก่อนพวกเขาจะเห็นมันเสียอีก ก็เนื่องจากการคำนวณด้วยกับสิ่งดุลยภาพ และแน่นอน อัลกรุอ่านได้กล่าวถึงดุลยภาพที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ก่อนนักดาราศาสตร์ประมาณหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าปี
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
وَالسَّمَاءَ رَفَعَهَا وَوَضَعَ الْمِيزَانَ (الرحمن: ٧)
"และชั้นฟ้านั้น พระองค์ทรงยกมันไว้สูง และทรงวางความสมดุลไว้"
(อัรเราะฮฺมาน 55:7)
ความก้าวหน้าทางด้านดาราศาสตร์ และทางด้านธรณีวิทยา ได้เผยให้เห็นความจริงถึงความมหัศจรรย์ที่อยู่ในคัมภีร์อัลกรุอ่านของอัลลอฮฺ
ดังนั้น พึงทราบเถิดว่า แท้ที่จริงแล้ว อัลกรุอ่านได้มาสนับสนุนให้เราใช้ความคิด และติดตามผลของศาสตร์ต่างๆเหล่านี้
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
قُلِ انظُرُوا مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ ۚ وَمَا تُغْنِي الْآيَاتُ وَالنُّذُرُ عَن قَوْمٍ لَّا يُؤْمِنُونَ (يونس: ١٠١)
"มุฮัมมัด จงกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูสิ่งต่างๆมากมายทั้งในฟ้าและในแผ่นดิน ซึ่งชี้ถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺทั้งสิ้น
แต่ดูเหมือนว่า หลักฐานและคำเตือนต่างๆคงไม่ให้ประโยชน์อะไรกับคนที่ไม่ยอมศรัทธาเลย"
(ยูนุส 10:101)
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้ค้นพบอีกว่า จักรวาลมีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอ และความสม่ำเสมออย่างคงที่ดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้กาแล๊กซี่อื่นๆ ห่างจากกาแล็กซี่ของเรา และเป็นการค้นพบอีกเช่นกัน ถึงพัฒนาการของดวงดาวที่เป็นไปอย่างมั่นคง โดยที่ส่วนประกอบของดวงดาว ก็มาจากกลุ่มแก๊สในจักวาล
ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
وَالسَّمَاءَ بَنَيْنَاهَا بِأَيْدٍ وَإِنَّا لَمُوسِعُونَ (الذاريات: ٤٧)
"และชั้นฟ้า เราได้สร้างมัน ด้วยพระหัตถ์ของเรา และแท้จริง เราได้แผ่ให้กว้างไพศาล"
(อัซซาริยาต 51:47)
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้พบว่า ดวงดาวต่างๆนั้น มีตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลกันสุดหล้า เราจะไม่เห็นมันเหมือนกับการเห็นยอดเขาด้วยสายตาของเรา เนื่องจากตำแหน่งดวงดาวต่างๆ มีระยะห่างจากโลกเรา ไม่สามารถคำนวณด้วยระยะทางไมล์ได้ นอกจากจะต้องคิดคำนวณเป็นปีแสง และความจริงต่างๆเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งจากวิชาการมิใช่หรือ ?
ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
وَإِنَّهُ لَقَسَمٌ لَّوْ تَعْلَمُونَ عَظِيمٌ (الواقعة: ٧٦)
"ข้า (อัลลอฮฺ) ขอสาบานด้วยตำแหน่งต่างๆของดวงดาว และแท้จริง มันเป็นการสาบานอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ารู้"
(อัลวากิอะฮฺ 56:76)
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้ค้นพบว่า ดวงอาทิตย์มีการโคจร และเป็นความจริงที่เกิดขึ้น เมื่อในอดีตที่ผ่านมา มีบางคนเข้าใจว่าดวงอาทิตย์นั้นอยู่กับที่ และความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการได้ค้นพบว่า สาเหตุที่เราเห็นดวงจันทร์เสี้ยวจนกระทั่งเห็นเต็มดวง ก็เนื่องจากดวงจันทร์ได้เคลื่อนย้ายตำแหน่งที่แตกต่างกับโลกเรา และอัลกรุอ่านได้กล่าวถึงความจริงทั้งสองนี้
ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
وَٱلشَّمۡسُ تَجۡرِي لِمُسۡتَقَرࣲّ لَّهَاۚ ذَٰلِكَ تَقۡدِيرُ ٱلۡعَزِيزِ ٱلۡعَلِيمِ وَٱلۡقَمَرَ قَدَّرۡنَٰهُ مَنَازِلَ حَتَّىٰ عَادَ كَٱلۡعُرۡجُونِ ٱلۡقَدِيمِ لَا ٱلشَّمۡسُ يَنۢبَغِي لَهَآ أَن تُدۡرِكَ ٱلۡقَمَرَ وَلَا ٱلَّيۡلُ سَابِقُ ٱلنَّهَارِۚ وَكُلࣱّ فِي فَلَكࣲ يَسۡبَحُونَ (يس: ٣٨-٤٠)
"ดวงอาทิตย์จะโคจรไปตามจักรราศีของมัน นั่นเป็นการกำหนดของ อัลลอฮฺ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงรอบรู้
ดวงจันทร์นั้นเราได้กำหนดตำแหน่งโคจรให้กับมัน จนกระทั่งสุดท้ายมันกลับมาเป็นเสี้ยวเหมือนทางอินทผลัมแห้งที่โค้งเว้าตามสายตา
และดวงอาทิตย์จะไม่โคจรมาทันดวงจันทร์(เพราะวงโคจรต่างกันนั่นเอง)
และกลางคืนก็จะไม่ล้ำเข้ามาในกลางวัน แต่ละดวงจะโคจรไปตามราศีของมัน"
(ยาซีน 36: 38-40)