
การพูด และ การนิ่งเงียบ อะไรดีกว่า?
อ.ยะห์ยา หัสการณ์บัญชา
จากหะดีษที่ถูกต้องในตำราศ่อฮีฮัยน์ (ตำราหะดีษศ่อเฮียะห์ของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม)
ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า:
"ผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันสุดท้าย(วันกิยามะฮ์) ก็จงพูดในสิ่งที่ดี หรือไม่ก็จงเงียบเสีย"
ท่านอัลลามะฮ์ อบู บักร อัฏฏ็อรฏูชีย์ ได้กล่าวอธิบายว่า: "การพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ย่อมดีกว่าการเงียบ และ การเงียบจากสิ่งที่ให้โทษแก่ท่าน ย่อมดีกว่าการพูด"
(ดูตำรา สิรอญุล มุลูก หน้าที่ 196)
และบ่าวผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์จะต้องคิดอย่างรอบคอบในคำพูดที่เขาต้องการจะกล่าวมันออกไป เนื่องจากมีหะดีษศ่อเฮียะห์บทหนึ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าวว่า :
"แท้จริงบ่าวนั้นอาจพูดถ้อยคำหนึ่งที่มาจากความพอพระทัยของอัลลอฮ์ โดยที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย แต่ด้วยถ้อยคำนั้น อัลลอฮ์จะทรงยกฐานะของเขาขึ้นหลายระดับ
และแท้จริงบ่าวนั้นอาจพูดถ้อยคำหนึ่งที่มาจากความกริ้วโกรธของอัลลอฮ์ โดยที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย แต่ด้วยถ้อยคำนั้น เขาจะตกลงไปในนรกญะฮันนัม"
(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และ อิมามมุสลิม)
ท่านอิมามอันนะวะวีย์ได้อธิบายว่า: "เขาไม่ได้ไตร่ตรองถึงมัน และไม่ได้คิดถึงความน่ารังเกียจของมัน และไม่หวาดกลัวต่อผลที่จะตามมา เช่นคำพูด(ไม่ดี)ที่กล่าวต่อหน้าผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจอื่น ๆ หรือ คำพูดที่กล่าวใส่ร้าย หรือ คำพูดที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่มุสลิม หรือสิ่งอื่นที่คล้ายกัน ทั้งหมดนี้เป็นการกระตุ้นให้ระมัดระวังลิ้น
ดังที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวไว้ว่า:
"ผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันสุดท้าย(วันกิยามะฮ์) ก็จงพูดในสิ่งที่ดี หรือไม่ก็จงเงียบเสีย"
และผู้ที่ต้องการจะพูดคำใดออกมาก็สมควรที่เขาจะต้องไตร่ตรองคำพูดนั้นในใจเสียก่อนที่จะเปล่งออกมา หากว่ามันมีประโยชน์ ก็พูดมันออกมา แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จงยับยั้งไว้เถิด"
(ดูตำรา อัลมินฮาจ ชัรห์ ศ่อเฮียะห์มุสลิม ของอิมามอันนะวะวีย์)
สรุปสาระสำคัญและข้อคิดที่ได้รับจากหะดีษในประเด็นนี้
1. หะดีษของท่านนบีได้สอนหลักการพื้นฐานว่า ผู้ศรัทธาจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง "พูดดี" หรือ "นิ่งเงียบ" เพื่อปกป้องตัวเองจากการทำบาปด้วยลิ้น และเพื่อแสวงหาความพอพระทัยของอัลลอฮ์ และรางวัลตอบแทนจากพระองค์
2. เมื่อใดที่คำพูดก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น การตักเตือน, การให้ความรู้, การกล่าวซิกรุลลอฮ์ การให้กำลังใจ ฯลฯ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการนิ่งเงียบ
3. แต่เมื่อใดที่คำพูดจะนำมาซึ่งโทษ เช่น การนินทา, การโกหก, การพูดไร้สาระ คำหยาบคาย, คำพูดที่สร้างความแตกแยก ฯลฯ การนิ่งเงียบย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการพูด
4. โดยสรุปคือ พูดดีกว่าในกรณีที่คำพูดก่อให้เกิดให้ประโยชน์ และนิ่งเงียบดีกว่าในกรณีที่คำพูดก่อให้เกิดโทษ
5. ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้อธิบายถึง ผลลัพธ์ของคำพูดไม่ว่าจะเป็นรางวัลตอบแทนหรือความผิดบาปที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะแท้จริงบ่าวอาจพูดถ้อยคำหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยและทรงรัก โดยที่หัวใจและความคิดของเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อัลลอฮ์จะทรงยกฐานะของเขาขึ้นหลายระดับในสวรรค์ด้วยถ้อยคำนั้น
6. แต่ในทางกลับกัน เขาก็อาจพูดถ้อยคำเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงเกลียดชังและไม่ทรงพอพระทัย โดยที่หัวใจและความคิดของเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับความร้ายแรงของมัน ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา และไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบใด ๆ เลย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ ณ ที่อัลลอฮ์ในด้านความเลวทรามของมัน เขาจึงตกลงไปสู่ขุมนรกญะฮันนัมด้วยถ้อยคำนั้น
7. ผู้ศรัทธาต้องใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งและคิดอย่างรอบคอบถึงคำพูดของตน เพราะคำพูดที่ถูกมองข้ามหรือกล่าวออกไปอย่างไม่ระมัดระวังอาจนำไปสู่ผลร้ายแรงถึงขั้นต้องตกนรกได้ ดังนั้น หลักการคือการพิจารณาถึงประโยชน์ก่อนพูด และการเงียบเสียเมื่อเห็นว่าคำพูดนั้นอาจนำมาซึ่งโทษหรือความเสียหาย
8. คำสอนจากหะดีษของท่านนบีในประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่าลิ้นเป็นหนึ่งในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ และเป็นความละเอียดอ่อนในการสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์ของพระองค์ เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนคนหนึ่งได้เข้าสวรรค์ หรือทำให้เขาถูกโยนลงไปในนรก ดังนั้นมุสลิมจำเป็นจะต้องระมัดระวังวาจาของตน
9. คำสอนจากหะดีษของท่านนบีในประเด็นนี้ คือคำเตือนแก่มุสลิมถึงอันตรายของคำพูด เพราะตราบใดที่คำพูดยังไม่ออกจากปาก มนุษย์ยังเป็นเจ้าของนายของมันอยู่ แต่เมื่อมันได้ถูกพูดออกไปแล้ว เขาก็จะกลายเป็นเชลยของมัน (คือต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูด)
10. เนื้อหาของคำพูดเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา บางครั้งมุสลิมก็อาจหลุดพ้นจากความเป็นมุสลิมเพราะคำพูดเดียว และบางครั้งอัลลอฮ์ก็ทรงช่วยเหลืออิสลามด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
วัลลอฮ์ อะอ์ลัม
เพจห้องเรียนอัลอิสติกอมะฮ์