สาเหตุๆต่างที่จะช่วยนำไปสู่การเตาบะฮฺ 
  จำนวนคนเข้าชม  41

สาเหตุๆต่างที่จะช่วยนำไปสู่การเตาบะฮฺ 

 

อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา .... แปลเรียบเรียง

 

          พึงรู้เถิด  โอ้ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ ว่าพระเจ้าของพวกท่านได้ทรงสร้างมนุษย์ให้มีความเป็นธรรมชาติที่อาจพลาดพลั้งต่อบาป และมีความบกพร่องในหน้าที่ที่จำเป็นต้องทำ ดังนั้นพระองค์จึงทรงโปรดปรานต่อเราทั้งหลาย โดยทรงเพิ่มพูนผลบุญจากการทำความดีหลายเท่า แต่ไม่ทรงเพิ่มโทษจากการทำความชั่วให้มากกว่าที่ได้กระทำไว้

อัลลอฮ์ตรัสว่า

 

﴿ مَنْ جَاءَ بِالْحَسَنَةِ فَلَهُ عَشْرُ أَمْثَالِهَا وَمَنْ جَاءَ بِالسَّيِّئَةِ فَلَا يُجْزَى إِلَّا مِثْلَهَا وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ ﴾

 

     “ผู้ใดที่นำความดีมา เขาก็จะได้รับสิบเท่าของความดีนั้น และผู้ใดนำความชั่วมาเขาจะไม่ถูกตอบแทน นอกจากเท่าความชั่วนั้นเท่านั้น และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรม” 

(อัลอันอาม : 160)

 

     รายงานจากอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ได้กล่าวว่า

 

إنَّ اللَّهَ كَتَبَ الحَسَناتِ والسَّيِّئاتِ ثُمَّ بَيَّنَ ذلكَ، فمَن هَمَّ بحَسَنَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْها، كَتَبَها اللَّهُ له عِنْدَهُ حَسَنَةً كامِلَةً، فإنْ هو هَمَّ بها فَعَمِلَها، كَتَبَها اللَّهُ له عِنْدَهُ عَشْرَ حَسَناتٍ، إلى سَبْعِ مِائَةِ ضِعْفٍ، إلى أضْعافٍ كَثِيرَةٍ، ومَن هَمَّ بسَيِّئَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْها، كَتَبَها اللَّهُ له عِنْدَهُ حَسَنَةً كامِلَةً، فإنْ هو هَمَّ بها فَعَمِلَها، كَتَبَها اللَّهُ له سَيِّئَةً واحِدَةً

 

     “ แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกผลบุญและบาปไว้แล้ว

     ผู้ใดตั้งใจจะทำความดีแต่ยังไม่ได้ทำ (เช่น มีสิ่งขัดขวางไม่ให้ทำได้) อัลลอฮ์จะทรงบันทึกให้เขาหนึ่งความดีเต็มเปี่ยม 

     และหากเขาทำมันจริง อัลลอฮ์จะทรงบันทึกให้สิบความดี จนถึงเจ็ดร้อยเท่า หรือมากกว่านั้นหลายเท่า 

     ส่วนผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความชั่วแต่ไม่ได้ทำ (เพราะเกรงกลัวอัลลอฮ์) อัลลอฮ์จะทรงบันทึกให้เขาเป็นหนึ่งความดีเต็มเปี่ยม 

     แต่หากเขาทำมันจริง อัลลอฮ์จะทรงบันทึกให้เพียงหนึ่งความชั่วเท่านั้น” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรี)

 

          ดังนั้น อัลลอฮ์จึงได้ทรงบัญญัติหนทางแห่งการทำความดีและการแสวงหาผลบุญมากมาย โดยมีการงานที่เป็น ฟัรฎู (หน้าที่บังคับ) ซึ่งเป็นเหตุลบล้างบาปและยกสถานะของบ่าวให้สูงขึ้น

     รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า

 

الصَّلواتُ الخمسُ؛ والجُمعة إِلى الجُمعة؛ ورَمَضَانُ إلى رَمَضَان؛ مكفِّراتٌ لما بينهنّ؛ إذا اجتُنِب الكبائر

 

     “การละหมาดทั้งห้าเวลา, การละหมาดวันศุกร์หนึ่งถึงอีกวันศุกร์หนึ่ง, และเดือนรอมฎอนหนึ่งถึงอีกเดือนรอมฎอนหนึ่ง

     เป็นเครื่องลบล้างบาปที่อยู่ระหว่างนั้น หากหลีกเลี่ยงบาปใหญ่ได้ “

 (บันทึกโดยมุสลิม)

และอัลลอฮ์ตรัสว่า

 

وَأَنِ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُوا إِلَيْهِ يُمَتِّعْكُمْ مَتَاعًا حَسَنًا إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى وَيُؤْتِ كُلَّ ذِي فَضْلٍ فَضْلَهُ وَإِنْ تَوَلَّوْا فَإِنِّي أَخَافُ عَلَيْكُمْ عَذَابَ يَوْمٍ كَبِيرٍ

 

“และพวกท่านจงขอนิรโทษจากพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์

พระองค์จะทรงให้ปัจจัยแก่พวกท่านซึ่งปัจจัยที่ไปจนถึงวาระหนึ่งที่กำหนดไว้ 

และพระองค์จะประทานแก่ทุก ๆ ผู้ทำความดีซึ่งความดีของเขาและหากพวกท่านผินหลังให้ 

แท้จริงฉันกลัวแทน พวกท่านซึ่งการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่

(ฮูด : 3)

 

          สิ่งหนึ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติและทรงสั่งใช้คือ “การกลับเนื้อกลับตัว (ตะวาบะฮ์)” ซึ่งเป็นสิ่งที่ จำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน ผู้ที่กระทำบาปใหญ่ ต้องรีบกลับเนื้อกลับตัวก่อนที่ความตายจะมาถึงในขณะเขายังอยู่บนความผิด

 

          ส่วนผู้ที่กระทำบาปเล็ก ก็จำเป็นต้องกลับเนื้อกลับตัวเช่นกัน เพราะการดื้อรั้นอยู่กับบาปเล็กๆ จะนำไปสู่บาปใหญ่ แม้แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ข้อบังคับของศาสนาได้ครบถ้วนและหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ต้องห้าม ก็จำเป็นต้องกลับเนื้อกลับตัวด้วย เนื่องจากการงานของเขาอาจขาดเงื่อนไขบางประการ หรือมีสิ่งขัดขวางในการตอบรับ และอาจมีสิ่งปนเปื้อนที่ทำให้การงานถูกปฏิเสธก็ได้ 

     รายงานจากท่านอัลอะฆ็อรฺ บิน ยะสัร อัลมุซะนี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ได้กล่าวว่า

 

يَا أيّها النّاس، توبوا إلى اللهِ واستغفِروه، فإنّي أتوبُ في اليَومِ مائَةَ مَرَّة

 

     “โอ้มนุษย์ทั้งหลาย ! พวกท่านจงกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์และขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด เพราะแท้จริงฉันกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์ในแต่ละวันหนึ่งร้อยครั้ง”

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

 

สาเหตุๆต่างที่จะช่วยนำไปสู่การเตาบะฮฺ 

 

ประการที่หนึ่ง:

          ให้ตระหนักถึง อันตรายของบาป และผลลัพธ์อันร้ายแรงของมัน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า อย่ามองว่าบาปนั้นเล็กน้อย แต่จงมองว่า เจ้ากำลังฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่

 

ประการที่สอง:

          มีความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ์ ผู้ใดทำสิ่งใดด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงทำให้ทางของเขาง่ายดาย และจะทรงปกป้องเขาจากความชั่วและสิ่งเสื่อมทราม

ดังที่อัลลอฮ์ตรัสเกี่ยวกับยูซุฟ ว่า

 

( كَذَلِكَ لِنَصْرِفَ عَنْهُ السُّوءَ وَالْفَحْشَاءَ إِنَّهُ مِنْ عِبَادِنَا الْمُخْلَصِينَ )

 

“เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะให้ความชั่วและการลามกห่างไกลจากเขา แท้จริงเขาคือคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราที่สุจริต”

(ยูซุฟ : 24)

 

ประการที่สาม:

          ต้องต่อสู้กับตนเอง (มุญาฮะดะฮ์ อันนะฟ์ซ)  หากบ่าวไม่เริ่มต่อสู้กับตนเองก่อน เพื่อบังคับให้ทำในสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้ และละเว้นจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม เขาย่อมไม่อาจบรรลุต่อการกลับเนื้อกลับตัวของตนเองได้

          รายงานจากฟะฎอละฮ์ อิบนุอุบัยด์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:

 

ألا أُخبرُكم بالمُؤمن؟ من أمِنه النَّاسُ على أموالهم وأنفُسهم، والمُسلم مَن سلِم النَّاسُ من لسانه ويده، والمُجاهد مَن جاهد نفسَه في طاعة الله، والمُهاجِر مَن هَجَر الخطايا والذُّنوب

 

“พวกท่านอยากให้ฉันบอกไหมว่าใครคือผู้ศรัทธา ? คือ ผู้ที่ผู้คนไว้ใจในชีวิตและทรัพย์สินของเขา

และมุสลิม คือ ผู้ที่คนอื่นปลอดภัยจากลิ้นและมือของเขา

และมุญาฮิด คือ ผู้ที่ต่อสู้กับตนเองเพื่อเชื่อฟังอัลลอฮ์

และผู้ที่อพยพ (มุฮาญิร) คือ ผู้ที่ละทิ้งบาปและความผิดต่าง ๆ” 

(บันทึกโดยอิมามอะหมัด และอัลอัลบานีย์รับรองว่าถูกต้อง)

 

ประการที่สี่:

     การระลึกถึงความตาย  เมื่อบ่าวระลึกถึงความตายและสภาพของมัน เขาย่อมต้องกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์แน่นอน หากเขามีหัวใจที่ยังมีชีวิตอยู่

     รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:

أكثِروا ذِكر هاذِم اللذَّات

“จงระลึกถึงสิ่งที่ทำลายความเพลิดเพลินให้มาก” (หมายถึง “ความตาย”)

(บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ และอัลอัลบานีย์กล่าวว่าเป็นหะดีษหะซันเศาะฮีห์)

 

     แท้จริง ความตาย คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่จมอยู่ในกิเลสและบาปทั้งหลาย หยุดยั้งจากการทำต่อไปและการระลึกถึงความตาย รวมถึงการใคร่ครวญถึงความเป็นจริงของมันนั้นจะช่วย ปรับเปลี่ยนแนวทางของผู้ทำบาป ให้หันมาเพิ่มพูนการกระทำที่จะนำไปสู่สวรรค์ และให้ห่างไกลจากทุกสิ่งที่นำเข้าใกล้ไฟนรก

     นอกจากนี้ การระลึกถึงความตายยังเป็นการ เตือนสติไม่ให้ปล่อยตัวตามภารกิจและความวุ่นวายในดุนยา จนลืมจุดหมายปลายทางของชีวิตอีกด้วย

 

ประการที่ห้า:

     การเกรงกลัวอัลลอฮ์และกลัวการลงโทษของพระองค์ เมื่อบ่าวกลัวอัลลอฮ์และระลึกถึงวันอาคิเราะฮ์ การสอบสวน การตอบแทน และการลงโทษ เขาย่อมต้องเร่งกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์

     อัลลอฮ์ตรัสว่า

 

﴿ إِنَّ الَّذِينَ هُمْ مِنْ خَشْيَةِ رَبِّهِمْ مُشْفِقُونَ  وَالَّذِينَ هُمْ بِآيَاتِ رَبِّهِمْ يُؤْمِنُونَ * وَالَّذِينَ هُمْ بِرَبِّهِمْ لَا يُشْرِكُونَ  وَالَّذِينَ يُؤْتُونَ مَا آتَوْا وَقُلُوبُهُمْ وَجِلَةٌ أَنَّهُمْ إِلَى رَبِّهِمْ رَاجِعُونَ  أُولَئِكَ يُسَارِعُونَ فِي الْخَيْرَاتِ وَهُمْ لَهَا سَابِقُونَ ﴾

 

     “แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้มีจิตใจยำเกรงเนื่องจากความกลัวต่อพระเจ้าของพวกเขา

     และบรรดาผู้ที่พวกเขาศรัทธาต่อสัญญาณต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของพวกเขา 

และบรรดาผู้ที่พวกเขาไม่ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา 

และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้มา

โดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมได้ด้วยความหวั่นเกรงว่าแท้จริงพวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา

ชนเหล่านั้น พวกเขารีบเร่งในการประกอบความดีทั้งหลาย และพวกเขาเป็นผู้เหมาะสม สมควรเป็นผู้รุดหน้าไปก่อน“

(อัลมุอ์มินูน : 57–61)

 

ประการที่หก:

     การระลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ที่ครอบคลุมทุกสิ่งเมื่อบ่าวระลึกได้ว่าความเมตตาของอัลลอฮ์ที่กว้างใหญ่ และพระองค์ทรงอภัยโทษต่อบาปทั้งหมด เขาย่อมจะกลับเนื้อกลับตัวอีกครั้ง ไม่สิ้นหวังจากความเมตตาของพระองค์ และไม่หมดหวังจากความช่วยเหลือของพระองค์

     อัลลอฮ์ตรัสว่า

 

﴿ قُلْ يَا عِبَادِيَ الَّذِينَ أَسْرَفُوا عَلَى أَنْفُسِهِمْ لَا تَقْنَطُوا مِنْ رَحْمَةِ اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ يَغْفِرُ الذُّنُوبَ جَمِيعًا إِنَّهُ هُوَ الْغَفُورُ الرَّحِيمُ ﴾

 

     “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย! บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเองพวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮฺ 

     แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”

(อัซซุมัร : 53)

 

ประการที่เจ็ด:

     การระลึกถึง ความสุขอันถาวรในวันกิยามะฮ์ แท้จริงเมื่อบ่าวได้ใคร่ครวญถึง สวรรค์ ความสุขในนั้น ระดับชั้นต่าง ๆ  จิตใจก็จะเกิดความปรารถนาในการเชื่อฟังอัลลอฮ์ ห่างไกลจากบาป และเร่งรีบในการกลับเนื้อกลับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้เป็นหนึ่งในผู้ได้รับความพอพระทัยจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และเพื่อได้อยู่ใน ระดับชั้นสูงของสวรรค์ อันเต็มไปด้วย ความสุขนิรันดร

 

ประการที่แปด:

     การรักษาการละหมาดฟัรฎูโดยเฉพาะห้าครั้งในหนึ่งวัน เมื่อมุสลิมให้ความสำคัญกับฟัรฎู โดยเฉพาะการละหมาดในเวลาที่กำหนด มันจะช่วยเตือนให้เขาระลึกถึงอัลลอฮ์และมีอีหม่านที่เข้มแข็งขึ้น และเมื่อเขาทำบาป เขาก็จะกลับเนื้อกลับตัวในทันที

     ดังหะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์  กล่าวว่า: ร่อซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:

 

إنَّ الله قال: مَن عادى لي وليًّا، فقد آذنتُه بالحرب، وما تقرَّب إليَّ عبدي بشيءٍ أحبَّ إليَّ ممَّا افترضتُ عليه

 

     “แท้จริงอัลลอฮ์ตรัสว่า: ผู้ใดเป็นศัตรูกับมิตรของข้า แน่นอนข้าประกาศสงครามกับเขา และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าจะเข้าใกล้ข้าได้ ที่เป็นที่รักต่อข้ามากไปกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดให้เป็นฟัรฎูแก่เขา” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรี)

 

ประการที่เก้า:

     การทำสุนนะฮ์ให้มากๆ และเพิ่มพูนการทำความดี แท้จริงการทำสุนนะฮ์และความดีมาก ๆ จะทำให้มุสลิมเข้าใกล้อัลลอฮ์มากขึ้น และยกระดับของเขาให้สูงขึ้น จิตใจจะผูกพันอยู่กับอัลลอฮ์ อยู่ในสภาพที่กลับเนื้อกลับตัวและขออภัยต่อพระองค์เสมอ

     ดังหะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์ กล่าวว่า ร่อซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:

 

وما يزالُ عبدي يتقرَّبُ إليَّ بالنَّوافل حتى أُحبَّه، فإذا أحببتُه كنتُ سمعَه الذي يَسمعُ به، وبصره الذي يُبصِرُ به، ويده التي يَبطشُ بها، ورِجله التي يَمشي بها، وإن سألَني لأُعطينَّه، ولئن استعاذني لأُعيذنَّه

 

    “ และบ่าวของข้ายังคงเข้าใกล้ข้าด้วยการทำอิบาดะฮ์นาฟิละฮ์ (งานสุนนะฮ์) จนข้ารักเขา

     และเมื่อข้ารักเขา ข้าจะเป็นหูที่เขาได้ยินด้วย เป็นตาที่เขามองด้วย เป็นมือที่เขาจับด้วย และเป็นเท้าที่เขาเดินด้วย

     และหากเขาขอจากข้า ข้าจะให้แก่เขา และหากเขาขอลี้ภัยในข้า ข้าจะคุ้มครองเขา”

(บันทึกโดยอัลบุคอรี)

 

ประการที่สิบ :

     การอ่านอัลกุรอานอย่างสม่ำเสมอ การรำลึกถึงอัลลอฮ์ และการขออภัยโทษอย่างมากมาย เมื่อบ่าวอ่านอัลกุรอานในแต่ละวัน ทำการซิกรุลลอฮ์ และขออิสติฆฟารอยู่เสมอ เขาจะได้รับความดีอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่กลับเนื้อกลับตัวอยู่ตลอดเวลา และห่างไกลจากบาปและความชั่วทั้งหลาย

     อัลลอฮ์ตรัสว่า:

 

﴿ وَالَّذِينَ إِذَا فَعَلُوا فَاحِشَةً أَوْ ظَلَمُوا أَنْفُسَهُمْ ذَكَرُوا اللَّهَ فَاسْتَغْفَرُوا لِذُنُوبِهِمْ وَمَنْ يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلَّا اللَّهُ وَلَمْ يُصِرُّوا عَلَى مَا فَعَلُوا وَهُمْ يَعْلَمُونَ ﴾

 

     “บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใด ๆ หรือ อยุติธรรมแก่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮฺ แล้วขออภัยโทษในบรรดาความผิดของพวกเขา

     และใครเล่าที่จะอภัยโทษบรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้ นอกจากอัลลอฮฺแล้ว และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่ง ที่เขาเคยปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้กันอยู่”

(อาละอิมรอน 135)

 

ประการที่สิบเอ็ด :

          การอ่านเรื่องราวของผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว เมื่อบ่าวได้พิจารณาเห็นสภาพของผู้ทำบาปที่เคยหลงผิด แล้วภายหลังกลับมาสู่ทางที่ดีด้วยการเตาบะฮ์ (กลับใจสู่พระองค์) จนกลายเป็นผู้ชอบธรรมและประเสริฐ จิตใจของเขาจะเกิดแรงบันดาลใจ เพิ่มพูนความมุ่งมั่น และเร่งรัดตนเองให้ กลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์อีกครั้งด้วยความจริงใจ

 

ประการที่สิบสอง :

          การคบหาสมาคมกับคนดี และ หลีกห่างจากเพื่อนชั่ว รวมทั้ง สถานที่ที่นำไปสู่บาป มุสลิมควรเลือกคบเพื่อนที่ดี ผู้ที่คอยเตือนเมื่อเราหลงลืม คอยช่วยเมื่อเราระลึกได้ คอยปรับแก้เมื่อเราผิดทาง และนำพาเราไปสู่ความถูกต้องและทางที่เที่ยงตรง อีกทั้งต้องห่างไกลจากสถานที่ที่ชักนำสู่บาป และเพื่อนชั่วที่ชักจูงไปในทางผิด

     ดังหะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์  กล่าวว่าท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:

المَرءُ على دين خليلِه، فلينظُر أحدُكم مَن يُخالل

 

“คนเรานั้นอยู่บนศาสนาของเพื่อนสนิทของเขา ดังนั้นแต่ละคนในหมู่พวกท่านจงดูเถิดว่าเขาคบหาใครเป็นเพื่อน”

  (บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ และอัลอัลบานีย์จัดว่าเป็นหะดีษหะซัน)

 

ประการที่สิบสาม :

     การวิงวอนต่ออัลลอฮ์ มุสลิมทุกคนควรหมั่นขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ให้มั่นคงอยู่บนการเชื่อฟังพระองค์ เพราะแม้แต่ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ เองยังวิงวอนขอสิ่งนี้อยู่เสมอ

     ดังรายงานจากท่านอนัส บิน มาลิก ท่านนบี ﷺ มักกล่าวบ่อยครั้งว่า:

 

يا مقلِّبَ القلوبِ ثَبِّتْ قلبِي على دينِك فقلت يا نبيَّ اللهِ آمنَّا بك وبما جئتَ به فهل تخافُ علينا؟ قال نعم إن القلوبَ بينَ إصبعينِ من أصابعِ اللهِ يُقلِّبُها كيفَ يشاءُ

 

“โอ้ผู้ทรงพลิกหัวใจ โปรดทำให้หัวใจของข้าพระองค์มั่นคงอยู่บนศาสนาของพระองค์เถิด”

     ฉัน (อนัส) จึงถามว่า : โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์ พวกเราเชื่อในท่านและในสิ่งที่ท่านได้นำมาแล้ว ท่านยังกลัวต่อพวกเราอีกหรือ?

     ท่านตอบว่า : “ใช่ เพราะแท้จริงหัวใจนั้นอยู่ระหว่างสองนิ้วแห่งนิ้วของอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงพลิกมันอย่างที่พระองค์ประสงค์”  

(บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ และอัลอัลบานีย์รับรองว่าศอเฮี๊ยะ)

 

ดุอาอฺขอหัวใจมั่นคงอยู่ศาสนา

 

يَا مُقَلِّبَ القُلُوبِ ثَبِّتْ قَلْبِي عَلَى دِينِكَ

อ่านว่า ยา มุก็อลลิบัล-กุลูบ ษับบิต ก็อลบี อะลา ดีนิก

“โอ้ ผู้พลิกผันหัวใจ โปรดให้หัวใจของฉันคงมั่นอยู่กับศาสนาของพระองค์ “

 

          ขอวิงวอนต่ออัลลอฮ์  ได้โปรดทรงทำให้พวกเราเป็นหนึ่งในหมู่ผู้กลับเนื้อกลับตัว  และโปรดอภัยโทษให้แก่พวกเรา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

          และขอพระองค์ทรงโปรดรับการเตาบะฮ์ของเราเถิด แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงรับการเตาบะฮ์ ผู้ทรงเมตตาเสมอ