
ตัวบทหะดีษ การขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ
อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา .... แปลเรียบเรียง
ตัวบทหะดีษมากมายท่านนบีกล่าวถึงการขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ
(1) หะดีษจากอับดุลลอฮ์ บิน อุมัร ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:
يَا أَيُّهَا النَّاسُ تُوبُوا إلى اللهِ، فإنِّي أَتُوبُ في اليَومِ إلَيْهِ مِئَةَ مَرَّةٍ.
“โอ้มนุษย์ทั้งหลาย! พวกท่านจงเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์เถิด เพราะแท้จริงฉันเองก็เตาบะฮ์ต่อพระองค์วันละหนึ่งร้อยครั้ง”
(บันทึกโดย มุสลิม)
คำอธิบาย:
ท่านนบี ﷺ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์จากบาป ยังเตาบะฮ์ต่ออัลลอฮ์วันละหลายครั้ง เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชาติของท่าน ให้รู้จักกลับใจและใกล้ชิดอัลลอฮ์อยู่เสมอ
(2) หะดีษจากอับดุลลอฮ์ บิน อุมัร ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า
إن كنَّا لنعدُّ لرسولِ اللَّهِ صلَّى اللَّهُ علَيهِ وسلَّمَ في المَجلِسِ الواحدِ مائةَ مرَّةٍ: ربِّ اغفر لي، وتُب عليَّ، إنَّكَ أنتَ التَّوَّابُ الرَّحيمُ
“พวกเรานับได้ว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวในที่นั่งหนึ่งถึงร้อยครั้งว่า “
ربِّ اغفر لي، وتُب عليَّ، إنَّكَ أنتَ التَّوَّابُ الرَّحيمُ
(ร็อบบิฆฟิรลี วะตุบบฺ อะลัยย่า อินนะก้า อันตั๊ต เตาวาบุ๊ร ร่อฮีม)
“ข้าแต่พระเจ้าของข้า โปรดอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ และโปรดรับการเตาบะฮ์ของข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงรับเตาบะฮ์และทรงเมตตาเสมอ”
( ซอฮีฮ์สุนันอบูดาวูด อัลบานีย์)
คำอธิบาย:
นี่แสดงถึงการหมั่นขออภัยโทษและเตาบะฮ์เป็นประจำของท่านนบี ﷺ ซึ่งเป็นการฝึกจิตใจให้รู้จักถ่อมตนและไม่ลืมพระผู้สร้างแม้เพียงขณะเดียว
(3) หะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:
وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ، لوْ لَمْ تُذْنِبُوا لَذَهَبَ اللَّهُ بِكُمْ، وَلَجَاءَ بِقَوْمٍ يُذْنِبُونَ، فَيَسْتَغْفِرُونَ اللَّهَ، فَيَغْفِرُ لهمْ.
“ขอสาบานต่อพระองค์ผู้ทรงครอบครองชีวิตของฉันไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
หากพวกท่านไม่ทำบาปเลย อัลลอฮ์จะทรงทำให้พวกท่านสูญสิ้นไป
และจะทรงนำชนกลุ่มหนึ่งที่ทำบาป แล้วพวกเขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ แล้วพระองค์ก็จะทรงอภัยให้พวกเขา”
( บันทึกโดย มุสลิม)
คำอธิบาย:
หะดีษนี้มิได้สนับสนุนให้ทำบาป แต่ชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมผิดพลาดสิ่งสำคัญคือ อย่าดื้อดึงต่อบาป แต่ให้รีบขออภัยและกลับใจต่ออัลลอฮ์เสมอ เพราะพระองค์ทรงรักผู้ที่เตาบะฮ์และขออภัยโทษจากพระองค์
(4) หะดีษจากชัดดาร์ อิบนุ เอาส์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า: แม่บทแห่งการขออภัยโทษ ให้ท่านกล่าวว่า
اللَّهُمَّ أَنْتَ رَبِّي ، لَا إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ خَلَقْتَني وَأَنَا عَبْدُكَ ، وَأَنَا عَلَى عَهْدِكَ وَوَعْدِكَ مَا اسْتَطَعْتُ ، أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا صَنَعْتُ ، أَبوءُ لَكَ بِنِعْمَتِكَ علَيَّ ، وَأَبُوءُ بِذَنْبِي فَاغْفِرْ لِي ، فَإِنَّهُ لَا يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلاَّ أَنْتَ
อ่านว่า:อัลลอฮุมม่า อันต้า ร็อบบียฺ ลา อี้ลาฮ่า อิ้ลลา อันต้า ค่อลักต้านี ว่าอ้าน่า อับดุก้า ว่าอ้านา อ้าลาอะฮฺดี้ก้า ว่าวะอฺดี้ก้า มัสต้าเตาะอฺตู้ อ้าอูซู่ บี้ก้า มิน ชัรฺรี่ มา ซ่อนะอฺตู้ อ้าบูอู้ ล่าก้า บี้เนียะอฺม่าติก้า อ้าลัยย่า ว่าอ้าบูอู้ บี้ซัมบียฺ ฟัฆฺฟิรฺลียฺ ฟ้าอินน้าฮู ลา ยัฆฺฟี้รุซซุนูบ้า อิ้ลลา อันต
“โอ้อัลลอฮฺ พระองค์คือพระผู้อภิบาลของฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงสร้างฉันมา และฉันจะเป็นบ่าวของพระองค์ และฉันจะรักษาพันธะ และสัญญาของพระองค์เท่าที่ฉันสามารถ ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้ายของสิ่งที่ฉันได้ทำมา ฉันขอกลับตัวสู่พระองค์ด้วย(สำนึกต่อ)ความโปรดปราณที่พระองค์ทรงมีต่อฉัน และฉันขอกลับตัวสู่พระองค์มาพร้อมกับบาปของฉัน ดังนั้นโปรดทรงอภัยให้แก่ฉันด้วยเถิด เพราะไม่มีผู้ใดจะให้อภัยบาปได้นอกจากพระองค์เท่านั้น”
ความประเสริฐบทนี้:
ومَن قالَها مِنَ النَّهارِ مُوقِنًا بها، فَماتَ مِن يَومِهِ قَبْلَ أنْ يُمْسِيَ، فَهو مِن أهْلِ الجَنَّةِ، ومَن قالَها مِنَ اللَّيْلِ وهو مُوقِنٌ بها، فَماتَ قَبْلَ أنْ يُصْبِحَ، فَهو مِن أهْلِ الجَنَّةِ.
“ ผู้ที่อ่านดุอาอฺบทนี้ตอนกลางวัน ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในความหมายของดุอาอฺบทนี้ แล้วหากเขาเสียชีวิตในช่วงกลางวันของวันนั้นเขาจะได้เป็นชาวสวรรค์
และผู้ที่อ่านมันตอนกลางคืน ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในความหมายของมัน แล้วหากเขาเสียชีวิตในคืนนั้น เขาจะได้เป็นชาวสวรรค์ “
(บันทึกโดย: อัลบุคอรียฺ)
(5) หะดีษจากท่านอะนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
อัลลอฮ์ ตรัสว่า
قَالَ اللهُ تَعَالَى : يَا ابْنَ آدَمَ ، إِنَّكَ مَا دَعَوْتَنِي وَرَجَوْتَنِي غَفَرْتُ لَكَ عَلَى مَا كَانَ مِنْكَ وَلاَ أُبَالِي .
يَا ابْنَ آدَمَ ، لَوْ بَلَغَتْ ذُنُوبُكَ عَنَانَ السَّمَاءِ ، ثُمَّ اسْتَغْفَرْتَنِي غَفَرْتُ لَكَ
. يَا ابْنَ آدَمَ ، إِنَّكَ لَو أَتَيْتَنِي بِقُرَابِ اْلأَرْضِ خَطَايَا ، ثُمَّ لَقِيَتَنِي لاَ تُشْرِكُ بِي شَيْئاً ، لأَ تَيْتُكَ بِقُرَابِهَا مَغْفِرَةً
“โอ้ลูกหลานอาดัม(ทั้งหลาย) คราใดเจ้าวิงวอนขอฉัน มีความหวังต่อฉัน ฉันก็จะให้อภัย แม้นว่าเจ้ามีความผิดเท่าไหร่ก็ตาม และฉันไม่สนใจ(ว่าจะมีความผิดแค่ไหน)
โอ้ลูกหลานอาดัม หากความผิด(บาป)ของเจ้าที่ได้ทำไว้ มัน(มีปริมาณความ)สูงถึงฟากฟ้า แล้วเจ้าขออภัยโทษต่อฉัน ฉันก็จะอภัยโทษให้แก่เจ้า
โอ้ลูกหลานอาดัม(ทั้งหลาย) หากเจ้ามาในวันกิยามะฮฺ โดยนำมาซึ่งน้ำหนักความชั่ว(บาป)เท่ากับโลกนี้ แล้วเจ้ามาพบฉันโดยไม่ได้ตั้งภาคีใดๆ กับฉัน ฉันก็พร้อม(สามารถ)ที่จะอภัยโทษเท่ากับน้ำหนักโลกนี้ทั้งปวง"
(หะดีษนี้บันทึกโดยติรมิซีย์ ท่านกล่าวว่า เป็นหะดีษหะซัน)
- อิบนุเราะญับกล่าวว่าหะดีษนี้อิสนาดพอใช้ได้ มีหะดีษสำนวนคล้ายๆ กันนี้ในสายรายงาน บันทึกโดยอิมามมุสลิม ฉะนั้นหะดีษนี้เศาะฮี้ฮฺ
(6) หะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า:
مَنْ جَلَسَ فِي مَجْلِسٍ فَكَثُرَ فِيهِ لَغَطُهُ فَقَالَ قَبْلَ أَنْ يَقُومَ مِنْ مَجْلِسِهِ ذَلِكَ سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَبِحَمْدِكَ أَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ أَسْتَغْفِرُكَ وَأَتُوبُ إِلَيْكَ . إِلاَّ غُفِرَ لَهُ مَا كَانَ فِي مَجْلِسِهِ ذَلِكَ
“ผู้ใดนั่งอยู่ในที่ชุมนุม แล้วมีการพูดคุย (หรือพูดสิ่งไร้สาระ) เป็นจำนวนมาก จากนั้น ก่อนที่เขาจะลุกจากที่นั้น เขากล่าวว่า:
“ซุบฮานะกัลลอฮุมม่า วะบิฮัมดิก้า อัชฮะดุ อัลลาอิลาฮ่า อิลลาอันต้า อัซตัฆฟิรุก้า วะอะตูบู้อิลัยก้า”
พระองค์จะทรงอภัยบาปให้เขาในสิ่งที่เกิดขึ้นในที่นั่งนั้น”
(บันทึกโดย เศาะฮี้ฮฺ ติรมีซีย์ อัลบานีย์ )
ดุอาอ์ ปิดประชุม
سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَبِحَمْدِكَ ، أَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلَّا أَنْتَ أَسْتَغْفِرُكَ وَأَتْوبُ إِلَيْكَ
อ่านว่า:
“มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺ และกับการสรรเสริญของพระองค์ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันขอการอภัยโทษจากพระองค์ และฉันขอกลับตัวสู่พระองค์”
(7) หะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮ์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า :
«مَنْ تابَ قبلَ أن تَطلُعَ الشَّمسُ مِن مَغرِبِها، تابَ اللهُ عليه»
“ผู้ใดเตาบะฮ์ (กลับใจ) ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตก อัลลอฮ์จะทรงรับการเตาบะฮ์ของเขา”
(บันทึกโดย: มุสลิม)
คำอธิบาย:
ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกคือ หนึ่งในสัญญาณใหญ่ของวันสิ้นโลก หลังจากเหตุการณ์นั้น ประตูแห่งการเตาบะฮ์จะถูกปิดลง ดังนั้น มนุษย์ควรรีบกลับใจตั้งแต่ยังมีโอกาสอยู่
(8) หะดีษจากอนัส บิน มาลิก ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า :
لو أنَّ لابنِ آدَمَ واديًا من ذَهَبٍ، أحبَّ أن يكونَ له واديان، ولن يملأَ فاهُ إلَّا التُّرابُ، ويتوبُ اللهُ على مَن تاب
“หากบุตรแห่งอาดัมมีหุบเขาที่เต็มไปด้วยทองคำ เขาก็จะปรารถนาให้ตนมีสองหุบเขา
และไม่มีสิ่งใดที่จะเติมเต็มปากของเขาได้ นอกจากดิน (คือความตาย) และอัลลอฮ์จะทรงรับเตาบะฮ์จากผู้ที่กลับใจ”
(บันทึกโดย: อัลบุคอรียฺ)
คำอธิบาย:
หะดีษนี้ชี้ให้เห็นถึง ธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอ แต่ถึงกระนั้น อัลลอฮ์ยังทรงเมตตา หากมนุษย์รู้สึกสำนึกผิดและกลับใจ พระองค์จะทรงอภัยให้เสมอ
(9) หะดีษจากอบูมูซา อัลอัชอะรีย์ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า :
إنَّ اللهَ عزَّ وجلَّ يبسُطُ يدَه بالليلِ ليتوبَ مسيءُ النهارِ، ويبسُطُ يدَه بالنهارِ ليتوبَ مسيءُ الليلِ، حتى تَطلُعَ الشمسُ من مغربِها
“ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเปิดพระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางคืน เพื่อให้ผู้ที่ทำผิดในเวลากลางวันได้เตาบะฮ์ตัว
และทรงเปิดพระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางวัน เพื่อให้ผู้ที่ทำผิดในเวลากลางคืนได้เตาบะฮ์ตัว จนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตก”
(บันทึกโดย: มุสลิม)
คำอธิบาย
ความเมตตาของอัลลอฮ์ครอบคลุมทุกสิ่ง และจากความเมตตาของพระองค์คือ พระองค์ทรงเปิดประตูเตาบะฮ์ให้บ่าวของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน พระองค์ทรงรักผู้ที่กลับใจ และทรงเชิญชวนบ่าวของพระองค์ให้เตาบะฮ์ พร้อมทั้งทรงให้กำลังใจให้กลับใจอยู่เสมอ
พระองค์ทรงรับเตาบะฮ์จากผู้ที่กลับใจแล้วและทรงอภัยโทษให้ และทรงอดทนต่อผู้ฝ่าฝืน พระองค์ไม่รีบร้อนลงโทษจนกว่าพวกเขาจะกลับใจและหันคืนสู่อัลลอฮ์
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ชี้ให้เห็นถึง ความกว้างขวางของความเมตตาและความยิ่งใหญ่แห่งพระคุณของอัลลอฮ์ โดยกล่าวว่า:พระองค์ทรงเปิดพระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางคืนเพื่อให้ผู้ทำผิดในเวลากลางวันกลับใจ และทรงเปิดพระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางวันเพื่อให้ผู้ทำผิดในเวลากลางคืนกลับใจ
หมายความว่า พระองค์รับเตาบะฮ์จากบ่าวของพระองค์ แม้ว่าจะกลับใจช้าหลังจากทำบาป หากคนใดทำบาปในเวลากลางวันแล้วกลับใจในเวลากลางคืน หรือทำบาปในเวลากลางคืนแล้วกลับใจในเวลากลางวัน พระองค์ก็จะรับเตาบะฮ์นั้นด้วยความยินดี
การเปิดประตูเตาบะฮ์นี้จะคงอยู่จนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตก ซึ่งจะเกิดก่อนวันกิยามะฮ์ หลังจากนั้น ประตูเตาบะฮ์จะถูกปิด และการกลับใจจะไม่เป็นประโยชน์อีกต่อไป
เช่นเดียวกับที่อัลลอฮ์ตรัสว่า:
{يَوْمَ يَأْتِي بَعْضُ آيَاتِ رَبِّكَ لَا يَنْفَعُ نَفْسًا إِيمَانُهَا}
“วันที่สัญญาณบางอย่างแห่งพระเจ้าของเจ้ามานั้น จะไม่อำนวยประโยชน์แก่ชีวิตหนึ่งชีวิตใด ซึ่งการศรัทธาของเขา”
[อันอาม 158]
อีกขอบเขตหนึ่งของการเตาบะฮ์คือ ต้องกลับใจก่อนความตายถึงขั้นสุดท้าย (การหลุดออกของจิตใจไปยังลำคอ)
เช่นที่อัลลอฮ์ตรัสว่า:
{وَلَيْسَتِ التَّوْبَةُ لِلَّذِينَ يَعْمَلُونَ السَّيِّئَاتِ}
“การสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว(ที่อัลลอฮฺจะทรงรับ) นั้นมิใช่สำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความชั่วต่างๆ”
[อันนิซาอ์ 18]
สาเหตุที่ไม่รับเตาบะฮ์เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกหรือใกล้ความตาย คือเมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนจะเห็นความจริงและความน่ากลัวของวันสิ้นโลกชัดเจน และไม่จำเป็นต้องอ้างความศรัทธาเพราะจะเป็นความเชื่อแบบบังคับ
เหมือนที่อัลลอฮ์ตรัสว่า:
{فَلَمۡ يَكُ يَنفَعُهُمۡ إِيمَٰنُهُمۡ لَمَّا رَأَوۡاْ بَأۡسَنَاۖ }
“แต่การศรัทธาของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาเลยในเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษอย่างหนักของเรา”
[อัลฆอฟิร 85]
ข้อกำหนดของการเตาบะฮ์
1. ละเว้นจากบาป ต้องเลิกกระทำสิ่งนั้นทันที
2. สำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำ รู้สึกเสียใจและเศร้าโศกต่อบาป
3. ตั้งใจว่าจะไม่กลับไปทำซ้ำ โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับสิทธิของอัลลอฮ์
4. ถ้าเป็นสิทธิของผู้อื่น ต้องชำระสิทธิหรือขอการยกโทษจากเจ้าของสิทธิเพื่อให้การเตาบะฮ์ถูกต้องสมบูรณ์
(10) หะดีษจากอะนัส บิน มาลิด ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า :
لَلَّهُ أَشَدُّ فَرَحًا بِتَوْبَةِ عَبْدِهِ حِينَ يَتُوبُ إِلَيْهِ، مِن أَحَدِكُمْ كانَ علَى رَاحِلَتِهِ بِأَرْضِ فلاةٍ، فَانْفَلَتَتْ منه وَعَلَيْهَا طَعَامُهُ وَشَرَابُهُ، فأيِسَ منها، فأتَى شَجَرَةً، فَاضْطَجَعَ في ظِلِّهَا، قدْ أَيِسَ مِن رَاحِلَتِهِ، فَبيْنَا هو كَذلكَ إِذَا هو بِهَا، قَائِمَةً عِنْدَهُ، فأخَذَ بِخِطَامِهَا، ثُمَّ قالَ مِن شِدَّةِ الفَرَحِ: اللَّهُمَّ أَنْتَ عَبْدِي وَأَنَا رَبُّكَ، أَخْطَأَ مِن شِدَّةِ الفَرَحِ
“อัลลอฮ์ทรงยินดีอย่างยิ่งต่อการเตาบะฮ์ของบ่าวของพระองค์ ในวันหนึ่งก็เหมือนชายคนหนึ่งกำลังขี่อูฐอยู่กลางทะเลทราย อูฐของเขาหลุดออกไป พร้อมกับอาหารและน้ำของเขา เขาสิ้นหวังจากอูฐตัวนั้น จึงไปนอนใต้ร่มไม้ เพราะคิดว่าเสียทุกอย่างไปแล้ว ขณะนั้น อูฐกลับปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา เขาจับเชือกบังเหียนของมัน และจากความยินดีอย่างยิ่ง
เขากล่าวว่า : ‘โอ้อัลลอฮ์ พระองค์คือบ่าวของข้าพระองค์ และข้าพระองค์คือพระผู้ทรงอภิบาลของพระองค์!’(เขาพูดผิดเพราะความตื่นเต้นและความยินดีอย่างมาก)
(บันทึกโดย: มุสลิม)
คำอธิบาย:
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ บอกว่า อัลลอฮ์ทรงยินดีอย่างยิ่ง เมื่อบ่าวของพระองค์กลับใจมาหาพระองค์ด้วยความเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างจริงใจจากใจจริง
เปรียบเสมือนชายคนหนึ่งอยู่กลางทะเลทราย ไม่มีใครอยู่รอบตัว ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร และไม่มีผู้คน อูฐของเขาหลุดไป พร้อมกับอาหารและน้ำของเขา เขาพยายามตามหาแต่หาไม่พบ จนไปนอนใต้ร่มไม้ รู้สึกสิ้นหวังทั้งต่ออูฐและชีวิต เพราะอาหาร น้ำ และอูฐหายไป
ขณะนั้น อูฐปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาโดยบังเอิญ เชือกบังเหียนของอูฐไปพันกับต้นไม้ที่เขานอนอยู่ เขาจับเชือกบังเหียนจากความยินดีอย่างมาก และกล่าวว่า:
“โอ้อัลลอฮ์ พระองค์คือบ่าวของข้าพระองค์ และข้าพระองค์คือพระผู้ทรงอภิบาลของพระองค์!”
เขาต้องการจะกล่าวชมเชยพระองค์ว่า
“โอ้อัลลอฮ์ พระองค์คือพระผู้ทรงอภิบาลของข้าพระองค์ และข้าพระองค์คือบ่าวของพระองค์”
แต่เพราะความยินดีอย่างมาก จึงพูดผิด
ข้อดีและประโยชน์จากหะดีษ
1. ยืนยันว่าพระองค์มีความยินดี ต่อบ่าวอย่างที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่และสง่างามของพระองค์
2. แสดงความเมตตาของอัลลอฮ์ ที่ทรงรับเตาบะฮ์และรักผู้กลับใจ
3. เป็นแรงจูงใจให้กลับใจ (เตาบะฮ์) และกระตุ้นให้คนทำความดี
4. ไม่ถือโทษต่อความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น การพูดผิดจากความตื่นเต้น
5. ส่งเสริมการตรวจสอบและประเมินตนเอง
6. อนุญาตให้ใช้การเปรียบเทียบเพื่ออธิบายให้เข้าใจง่าย ตามแบบท่านนบี ﷺ
7. อนุญาตให้สาบานเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่มีประโยชน์และเป็นคุณ