
การขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ
อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา....เรียบเรียง
มุสลิมทั้งหลาย! จงรู้ไว้เถิดว่า มนุษย์นั้นอ่อนแอด้วยตนเอง ไม่สามารถสร้างความดีหรือความสำเร็จให้กับตนเองได้ เว้นแต่ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงสุดและทรงอำนาจยิ่ง อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า:
قُلْ لا أَمْلِكُ لِنَفْسِي نَفْعًا وَلا ضَرًّا إِلا مَا شَاءَ اللَّهُ وَلَوْ كُنْتُ أَعْلَمُ الْغَيْبَ لاسْتَكْثَرْتُ مِنَ الْخَيْرِ وَمَا مَسَّنِيَ السُّوءُ إِنْ أَنَا إِلا نَذِيرٌ وَبَشِيرٌ لِقَوْمٍ يُؤْمِنُونَ
“จงกล่าวเถิดว่า (มุฮัมมัด) ว่าฉันไม่มีอำนาจที่จะครอบครองประโยชน์ใด ๆ และโทษใด ๆ ไว้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ตัวของฉันได้ นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประสงค์เท่านั้น
และหากฉันเป็นผู้ที่รู้สิ่งเร้นลับแล้ว แน่นอนฉันก็ย่อมกอบโกยสิ่งที่ดีไว้มากมายแล้ว และความชั่วร้ายก็ย่อมไม่ต้องฉันได้
ฉันมิใช้ใครอื่น นอกจากผู้ตักเตือน และผู้ประกาศข่าวดีแก่กลุ่มชนที่ศรัทธาเท่านั้น”
(อัลอะอ์รอฟ: 188)
อัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตาต่อบ่าวของพระองค์ พระองค์ได้ทรงชี้แจงเอาไว้คัมภีร์ของพระองค์และทุกๆสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่จะนำความผาสุกมายังพวกเขา ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พระองค์ยังทรงอำนวยปัจจัยแห่งความสุข และทรงเตือนให้ระวังสาเหตุแห่งความทุกข์และความสูญเสียและหนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่บ่าวจะได้เข้าใกล้อัลลอฮ์ และเป็นสิ่งที่บ่าวต้องการพระองค์อย่างยิ่ง ก็คือ “การดุอาอ์ (การวิงวอนต่ออัลลอฮ์)"
อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า:
(وقَالَ رَبُّكُمُ ادْعُونِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ إِنَّ الَّذِينَ يَسْتَكْبِرُونَ عَنْ عِبَادَتِي سَيَدْخُلُونَ جَهَنَّمَ دَاخِرين)
“และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข้า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า
ส่วนบรรดาผู้โอหังต่อการเคารพภักดีแก่ ข้านั้น จะเข้าไปอยู่ในนรกอย่างต่ำต้อย”
(อัลฆอฟิร: 60)
บ่าวของอัลลอฮ์เอ๋ย การดุอาอ์ (การวิงวอน) ต่ออัลลอฮ์ คือประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการบรรลุความต้องการของบ่าว การได้รับในสิ่งดีงามทั้งปวง และเป็นหนทางของการขจัดความเดือดร้อนและความชั่วร้าย ความต้องการของมนุษย์นั้นมากมายและไม่สิ้นสุด ไม่อาจจำกัดด้วยจำนวนหรือขอบเขตใด ๆ และไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรือสามารถตอบสนองได้ นอกจากอัลลอฮ์ พระผู้สร้าง ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงรอบรู้และเปี่ยมด้วยความเมตตาไม่มีผู้ใดที่สามารถตอบรับคำวิงวอนของบ่าวทั้งหลายได้ นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก พระองค์ทรงเป็นผู้ตอบสนองต่อทุกคำขอ ประทานให้แก่ผู้ที่คาดหวัง ไม่มีวันที่คลังสมบัติของพระองค์จะพร่องหรือหมดสิ้น
เพราะพระองค์ตรัสว่า:
وَلِلَّهِ خَزَائِنُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ
“และแด่อัลลอฮ์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์แห่งคลังสมบัติของบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน”
(อัลมุนาฟิกูน: 7)
พระองค์ตรัสอีกว่า:
(إِنَّ هَذَا لَرِزْقُنَا مَا لَهُ مِن نَّفَادٍ)
“แท้จริงนี่คือปัจจัยยังชีพของพวกเรา ซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด”
(ศอด: 54)
ท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏ็อบ ได้กล่าวว่า:
“แท้จริงฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการตอบรับ (ของดุอาอ์) แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับการวิงวอน (ดุอาอ์) ต่างหาก เมื่อใดที่ฉันได้รับการดลใจให้ดุอาอ์ เมื่อนั้นย่อมมีคำตอบอยู่แล้ว”
บรรดาสลัฟบางท่านได้กล่าวว่า:
“ฉันได้พิจารณาแล้วพบว่า ความดีทั้งหมดอยู่ในการเชื่อฟัง (อัลลอฮ์) และเมื่อฉันพิจารณาอีกครั้ง ก็พบว่ารากฐานของความดีทั้งหมดนั้นอยู่ที่ ‘การดุอาอ์’
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์ ผู้ทรงมีความเอื้อเฟื้อและความกรุณายิ่งใหญ่พระองค์ได้ทรงกำหนดให้ การที่บ่าววิงวอนต่อพระองค์ และ ขอให้พระองค์ตอบสนองความต้องการของเขา นั้น เป็น อิบาดะฮ์ (การอิบาดะฮ์หนึ่ง) ที่บ่าวจะได้รับ ผลบุญและรางวัล จากพระองค์
การดุอาอ์ (การวิงวอน) นั้น คือการอิบาดะฮ์ และอัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาให้บ่าวของพระองค์ทำดุอาอ์ และได้ทรงกำหนด ความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ ไว้ให้กับมัน หนึ่งในความประเสริฐของการดุอาอ์
ได้มีรายงานจากท่าน อบูฮุร็อยเราะฮ์ท่านรอซูล ﷺ ได้กล่าวไว้ในหะดีษว่า:
ليسَ شيءٌ أَكْرَمَ على اللَّهِ تعالى منَ الدُّعاءِ
“ไม่มีสิ่งใดที่ทรงเกียรติยิ่งต่ออัลลอฮ์มากไปกว่าการดุอาอ์”
(เศาะฮีห์ ติรมิซีย์)
ฉะนั้น ไม่มีอิบาดะฮ์ใดที่ประเสริฐยิ่งกว่า “การดุอาอ์” เพราะในการดุอาอ์นั้น มีการแสดงถึงความอ่อนแอ ความนอบน้อม และการยอมรับในความยากจนของบ่าวต่ออัลลอฮ์ ขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันถึงอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และความสมบูรณ์ของอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติและทรงสูงส่ง จะทรงให้เกียรติแก่บ่าวของพระองค์ด้วยการ ตอบรับดุอาอ์ของเขา
ดังนั้น บ่าวของอัลลอฮ์จึงควรให้ความสำคัญและตั้งใจต่อการปฏิบัติอิบาดะฮ์ที่มีผลบุญมากที่สุดก่อน แล้วจึงทำสิ่งที่มีผลบุญรองลงมา.การวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ (ดุอาอ์) เป็นหนึ่งใน อิบาดะฮ์ที่ประเสริฐที่สุด ที่บ่าวสามารถใช้เพื่อเข้าใกล้อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติและทรงสูงส่งได้ เพราะเป็นการแสดงถึง ความนอบน้อม ความอ่อนแอ และการยอมจำนนของบ่าวต่อพระผู้อภิบาลของตน — และอัลลอฮ์ทรงรักสิ่งนี้
ในทางกลับกัน พระองค์ทรง โกรธกริ้วต่อผู้ที่ไม่วิงวอนขอต่อพระองค์ ดังที่รายงานจากท่าน อบูฮุร็อยเราะฮ์ท่านรอซูล ﷺ ได้กล่าวไว้ในหะดีษว่า:
مَن لم يسألِ اللهَ يغضبْ علَيهِ
“ผู้ใดไม่วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะทรงกริ้วต่อเขา”
(เศาะฮีห์ ติรมิซีย์)
การละทิ้งการวิงวอนขอจากอัลลอฮ์ ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ทั้งเรื่องใหญ่หรือเล็ก เช่น การขออภัยโทษ การขอการชี้นำ และอื่น ๆ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์ทรงกริ้ว เพราะว่าการวิงวอนขอ คือการยอมรับถึง เอกภาพของพระองค์ในความเป็นเจ้า (รูบูบียะฮ์) และ ความเป็นพระเจ้าผู้ควรถูกภักดี (อุลูฮียะฮ์) ส่วนการละทิ้งดุอาอ์นั้น แสดงถึงความ หยิ่งผยองและไม่พึ่งพาอัลลอฮ์
อัลลอฮ์ทรงรักให้บ่าวของพระองค์ขอจากพระองค์ และพระองค์ทรงเกลียดผู้ที่ไม่ขอ ...
รายงานจากท่าน อบูฮุร็อยเราะฮ์ท่านนบี ﷺ ยังได้กล่าวอีกว่า:
«وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ، لَوْ لَمْ تُذْنِبُوا لَذَهَبَ اللَّهُ بِكُمْ، وَلَجَاءَ بِقَوْمٍ يُذْنِبُونَ، فَيَسْتَغْفِرُونَ اللَّهَ، فَيَغْفِرُ لَهُمْ»
“ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ผู้ทรงชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
หากพวกท่านไม่ทำบาป อัลลอฮ์จะทรงกำจัดพวกท่านไป และจะทรงนำหมู่ชนกลุ่มอื่นมาแทน
ซึ่งพวกเขาจะทำบาป แล้ววิงวอนขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ แล้วพระองค์ก็จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ความเป็นบ่าวที่แท้จริง (อุบูดียะฮ์) คือการยอมรับว่าตนเป็นผู้ผิดพลาด ต้องพึ่งพิงพระผู้สร้าง ต้องขอ และกลับไปหาพระองค์เสมอ พระองค์ทรงรักให้บ่าววิงวอนและขออภัยโทษ เพื่อที่พระองค์จะได้ตอบรับและประทานความเมตตาแก่เขา
ชายผู้ศรัทธาคนหนึ่งได้เห็นชายคนหนึ่งเดินวนเวียนอยู่ตามประตูของกษัตริย์และผู้มีอำนาจ เพื่อขอสิ่งของจากพวกเขา เขาจึงกล่าวกับเขาว่า:
“โอ้ท่าน ช่างน่าเวทนา! ท่านไปหา คนที่ปิดประตูใส่ท่านแสดงความขัดสนต่อท่าน และปิดบังความร่ำรวยของเขาแต่ท่านกลับละทิ้ง ผู้ที่เปิดประตูรับท่าน และทรงประกาศความร่ำรวยของพระองค์แก่ท่าน โดยตรัสว่า:
( ادْعُونِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ )
“จงวิงวอนต่อข้า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า”
(อัลฆอฟิร: 60)
แท้จริง อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นผู้ทรงเดชานุภาพที่จะประทานสิ่งดีทั้งมวล และปัดเป่าความทุกข์ร้ายทุกอย่างได้ พระองค์ตรัสว่า:
﴿ وَإِنْ يَمْسَسْكَ اللَّهُ بِضُرٍّ فَلَا كَاشِفَ لَهُ إِلَّا هُوَ وَإِنْ يُرِدْكَ بِخَيْرٍ فَلَا رَادَّ لِفَضْلِهِ يُصِيبُ بِهِ مَنْ يَشَاءُ مِنْ عِبَادِهِ وَهُوَ الْغَفُورُ الرَّحِيمُ ﴾
“และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่เจ้า ก็ไม่มีผู้ใดจะขจัดมันได้นอกจากพระองค์เท่านั้น
และหากพระองค์ทรงประสงค์ความดีแก่เจ้า ก็ไม่มีใครขัดขวางความโปรดปรานของพระองค์ได้
พระองค์ทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
(ยูนุส: 107)
และแม้ว่ามนุษย์และญินทั้งหมดจะมารวมตัวกัน ขอพรจากพระองค์ในเวลาเดียวกัน และพระองค์ตอบรับและประทานให้แก่ทุกคนแล้ว ก็จะไม่ทำให้ความเป็นเจ้าของของพระองค์พร่องลงเลย
ดังที่หะดีษกุดซีย์กล่าวว่า:
ويا عبادي ! لو أنَّ أوَّلَكم وآخرَكم وجِنَّكم وإنسَكم اجتمَعوا في صعيدٍ واحدٍ فسألوني جميعًا فأعطيتُ كلَّ إنسانٍ منهم مسألتَه لم يُنقِصْ ذلك ممَّا عندي إلَّا كما يُنقِصِ المَخيطُ إذا غُمِس في البحرِ
“โอ้บ่าวทั้งหลายของข้า หากพวกเจ้าตั้งแต่คนแรกและคนสุดท้าย ทั้งมนุษย์และญิน ยืนอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง แล้ววิงวอนขอต่อเราฉัน
และฉันประทานแก่ทุกคนตามที่เขาขอ แน่นอน สิ่งนั้นจะไม่พร่องจากสิ่งที่อยู่กับฉันเลย นอกจากเหมือน เข็มหนึ่งเล่มที่จุ่มลงในทะเล เท่านั้น”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ดุอาอ์ คือ ประตูอันยิ่งใหญ่ สำหรับการปลดปล่อยความทุกข์และการบรรลุความต้องการต่าง ๆ :
♦ มีคนเจ็บป่วยมากมายที่หายดีด้วยการดุอาอ์
♦ ผู้มีความทุกข์มากมายที่ความทุกข์ของเขาหมดสิ้นด้วยการดุอาอ์
♦ ผู้ยากจนที่อัลลอฮ์ทรงให้เขามั่งมีเพราะการดุอาอ์
♦ ผู้ที่ห่างไกลได้กลับคืนสู่ครอบครัวด้วยการดุอาอ์
♦ ผู้ที่ทำบาปได้รับการอภัยเพราะการดุอาอ์
♦ ผู้ที่หลงผิดได้รับการชี้นำด้วยการดุอาอ์
♦ บรรดาผู้ตายในหลุมศพ ย่อมต้องการและได้รับประโยชน์จากดุอาอ์ที่บ่าวมีต่อเขา
แล้วท่านนบีอัยยูบ อะลัยฮิสสลาม ท่านจะหายจากโรคร้ายและความทุกข์ยากได้อย่างไรเล่า หากไม่ใช่ด้วย “การดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์”
นบีอัยยูบ อะลัยฮิสสลามเมื่อท่านประสบความทุกข์และความเจ็บป่วยอย่างหนัก
( وَأَيُّوبَ إِذْ نَادَى رَبَّهُ أَنِّي مَسَّنِيَ الضُّرُّ وَأَنْتَ أَرْحَمُ الرَّاحِمِينَ )
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอัยยูบ เมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า
“แท้จริงข้าพระองค์นั้น ความทุกข์ยากได้ประสบแก่ข้าพระองค์และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง ในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย”
(อัลอัมบิยาอ์: 83)
ตอบรับจากอัลลอฮ์ :
( فَاسْتَجَبْنَا لَهُ فَكَشَفْنَا مَا بِهِ مِنْ ضُرٍّ وَآتَيْنَاهُ أَهْلَهُ وَمِثْلَهُمْ مَعَهُمْ رَحْمَةً مِنْ عِنْدِنَا وَذِكْرَى لِلْعَابِدِينَ )
“ดังนั้น เราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาแล้วเราได้ปลดเปลื้องสิ่งที่เป็นความทุกข์ยากแก่เขา และเราได้ให้ครอบครัวของเขาแก่เขา
และเช่นเดียวกับที่เขาได้เคยมีมาก่อน (เช่น บุตรหลานและพวกพ้อง) เป็นความเมตตาจากเรา และเป็นข้อตักเตือนแก่บรรดาผู้ที่เคารพภักดี”
(อัลอัมบิยาอ์: 84)
นบีซะกะรียา อะลัยฮิสสลาม แม้อายุจะมากแล้ว แต่ท่านก็ไม่หยุดดุอาอ์ขอทายาท
( وَزَكَرِيَّا إِذْ نَادَى رَبَّهُ رَبِّ لَا تَذَرْنِي فَرْدًا وَأَنْتَ خَيْرُ الْوَارِثِينَ )
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียาเมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า
“ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ของพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดาย และพระองค์ท่านเท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง”
(อัลอัมบิยาอ์: 89)
( قَالَ رَبِّ إِنِّي وَهَنَ الْعَظْمُ مِنِّي وَاشْتَعَلَ الرَّأْسُ شَيْبًا وَلَمْ أَكُنْ بِدُعَائِكَ رَبِّ شَقِيًّا )
เขากล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงกระดูกของข้าพระองค์อ่อนแล้ว และศีรษะก็มีประกายหงอกแล้ว
และมิเคยปรากฏเลยว่าการวิงวอนของข้าพระองค์ต่อพระองค์นั้นไร้ผล โอ้ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระอง”
(มัรยัม: 4)
คำตอบจากอัลลอฮ์:
﴿ فَاسْتَجَبْنَا لَهُ وَوَهَبْنَا لَهُ يَحْيَى وَأَصْلَحْنَا لَهُ زَوْجَهُ إِنَّهُمْ كَانُوا يُسَارِعُونَ فِي الْخَيْرَاتِ وَيَدْعُونَنَا رَغَبًا وَرَهَبًا وَكَانُوا لَنَا خَاشِعِينَ ﴾
“ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือยะฮฺยา และเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา
แท้จริงพวกเขา แข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในความเมตตาของเรา
และด้วยความกลัวในการลงโทษของเรา และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา”
(อัลอัมบิยาอ์: 90)
นบียูนุส อะลัยฮิสสลาม เมื่อท่านอยู่ในท้องปลาวาฬและในความมืดมิด
( فَنَادَى فِي الظُّلُمَاتِ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنْتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِينَ )
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นะบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า
“ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากกพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย”
(อัลอัมบิยาอ์: 87)
การตอบรับจากอัลลอฮ์ :
( فَاسْتَجَبْنَا لَهُ وَنَجَّيْنَاهُ مِنَ الْغَمِّ وَكَذَلِكَ نُنْجِي الْمُؤْمِنِينَ )
“ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม
และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา”
(อัลอัมบิยาอ์: 88)
ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ ในวันสงครามบะดัรเมื่อเขาและบรรดามุสลิมต้องเผชิญหน้ากับศัตรู
( إِذْ تَسْتَغِيثُونَ رَبَّكُمْ فَاسْتَجَابَ لَكُمْ أَنِّي مُمِدُّكُمْ بِأَلْفٍ مِنَ الْمَلَائِكَةِ مُرْدِفِينَ )
“จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าขอความช่วยเหลือยามคับขันต่อพระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์ก็ได้ทรงรับสนองแก่พวกเจ้าว่า
แท้จริงข้าจะช่วยพวกเจ้าด้วยมลาอิกะฮฺหนึ่งพันตน โดยทยอยกันลงมา”
(อัลอันฟาล: 9)