เปิดเลนส์หัวใจกับสัจธรรม
  จำนวนคนเข้าชม  105

เปิดเลนส์หัวใจกับสัจธรรม

 

By One Muslimah

 

          มนุษย์ทุกคนมีดวงตาเพื่อมองเห็นโลกภายนอก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะ “มองเห็น” ด้อย่างแท้จริง เพราะการมองเห็นที่แท้จริง มิใช่การเห็นด้วย “ดวงตา” ทางกายแค่เพียงทำให้เข้าใจรูปร่าง สีสัน และการเคลื่อนไหวของโลกภายนอกเท่านั้น หากแต่ในที่นี้ หมายถึง การมองเห็นด้วย “หัวใจ” 

 

          มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ “หัวใจของเขาได้มองเห็น” ทั้งโลกภายนอกและโลกภายใน อันเกิดจากการที่ “หัวใจ” ตื่นรู้ เพราะดวงตาทำหน้าที่มองสิ่งภายนอก แต่หัวใจมองเห็นและเข้าใจ  “ความหมาย” “จุดประสงค์” และ “ผู้สร้าง” ของสิ่งเหล่านั้น เมื่อหัวใจของมนุษย์เปิดออก โลกทั้งใบก็จะเปลี่ยน เปลี่ยนจากความเคยชิน เป็นความอัศจรรย์ เปลี่ยนจากสิ่งธรรมดา กลายเป็น “สัญญาณแห่งผู้สร้าง”

 อัลกุรอานกล่าวว่า 

 

แท้จริง การมองของนัยน์ตานั้นมิได้บอกดอก แต่ว่าหัวใจที่อยู่ในทรวงอกต่างหากที่บอด”

 (อัลฮัจญ์ 22:46)

 

           โองการนี้เตือนเราว่า ความมืดบอดที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่สายตา แต่อยู่ที่หัวใจที่ไม่เปิดรับสัจธรรม อีกทั้งยังเป็นการเชิญชวนให้มนุษย์ “เปิดเลนส์แห่งหัวใจ” เพื่อมองเห็นสิ่งรอบตัวในฐานะสัญญาณแห่งสัจธรรมที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

 

1. การมองเห็นตนเอง เป็นสัญญาณและกระจกสะท้อนความสมบูรณ์ของผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่

 

          หากมนุษย์หยุดสักครู่ แล้วพิจารณามองดูร่างกายของตนเอง จะพบว่า หัวใจกำลังเต้นไม่หยุดโดยที่เราไม่ต้องสั่งการ สมองคิด จำ และประมวลผลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะทุกส่วนของร่างกายอย่างเป็นระบบ ทุกสิ่งทำงานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์โดยที่เราไม่ต้องควบคุม สิ่งเหล่านี้ มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเครื่องหมายแห่งความยิ่งใหญ่ของของอัลลอฮฺ ซุบฮานาฮุวาตะอาลา  พระผู้สร้าง ร่างกายของเรามิได้เป็นเพียงกลไกทางชีวภาพ แต่ถูกออกแบบและจัดวางด้วยความรอบรู้และความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานาฮุวาตะอาลา

ดังที่กุรอานได้กล่าวไว้ความว่า

 

“และในตัวของพวกเจ้าเองนั้น พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือ…”

(อัซ-ซาริยาต 51:21)

 

          โองการนี้ไม่ได้เรียกร้องให้มนุษย์เรียนกายวิภาคเพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ “ใคร่ครวญด้วยหัวใจ” ว่า ทุกอวัยวะที่ทำงานอย่างประสานสอดคล้องกันนั้นคือ ร่องรอยแห่งการสร้างของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสมบูรณ์ในความรู้และพลังอำนาจ  ผู้ที่ใช้หัวใจใคร่ครวญจะเห็นว่า แม้เพียงการหายใจเข้าออก ก็เป็นความเมตตาที่เรามักมองข้าม ทุกอวัยวะ ทุกเซลล์ คือ คำสรรเสริญเงียบๆ ที่ยืนยันชัดเจนว่า “ไม่มีผู้สร้างอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์เดียวเท่านั้น”

 

 

2. การมองธรรมชาติ คือ การเปิดหนังสืออีกเล่มของอัลลอฮฺ (ซุบฮานะฮูวะตะอาลา)

 

          อัลกุรอาน คือ “คัมภีร์แห่งถ้อยคำ” ส่วนจักรวาล คือ “คัมภีร์แห่งการสร้างสรรค์” หนังสือทั้งสองเล่มนี้ต่างเล่าเรื่องเดียวกัน คือเรื่องราวของ เอกภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้า (เตาฮีด) เมื่อสายตาแห่งหัวใจมองไปยังภูเขาที่ตั้งตระหง่าน  มหาสมุทรที่แผ่กว้างรายล้อมโอบโลกไว้ สายลมถูกพัดพาไปยังทิศทางที่กำหนด ดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูกาลที่แตกต่าง ดวงอาทิตย์ขึ้นลงตามเวลา ฯลฯ

          หัวใจของเราจะสัมผัสได้ว่า วัฏจักรธรรมชาติทำงานอย่างเป็นระบบเหล่านี้ มิได้เกิดขึ้นและดำเนินไปโดยบังเอิญ แต่เป็นไปตามกฎอันมั่นคงที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงวางไว้ในสรรพสิ่งทั้งหลาย และทุกอย่างรอบตัวกำลังกล่าว “ซุบฮานัลลอฮ์” อยู่ตลอดเวลา

 

พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ และได้ทรงกำหนดแนวทางของมัน”

(ฏอฮา 20:50)

 

          ดังนั้น ธรรมชาติจึงไม่ใช่เพียงฉากสวยงามแห่งชีวิต หากแต่เป็นบทเรียนสำหรับหัวใจเพื่อใคร่ครวญ เป็นห้องเรียนที่สอนเรื่องความพอดี ความสมดุล และความเมตตาของพระผู้สร้าง

 

 

3. การเห็นด้วยหัวใจ แปรเปลี่ยนจากความรู้สู่ความศรัทธา

 

          มนุษย์สามารถเรียนรู้โลกด้วยเหตุผล แต่ไม่อาจเข้าใจความหมายของชีวิตได้หากขาดศรัทธา การศึกษาวิทยาศาสตร์ทำให้เกิด “ความรู้” สามารถอธิบายว่า “สิ่งใดเกิดขึ้น” และ “อย่างไร” แต่ศรัทธาทำให้มนุษย์รู้ว่า “ทำไม” และ “เพื่ออะไร เพื่อใคร” การใคร่ครวญด้วยศรัทธาจึงทำให้เกิด “การเข้าถึง” ซึ่งเป็นความหมายอันลึกซึ้งของการเปิดเลนส์หัวใจ การมองทุกสิ่งไม่เพียงพอในเชิงเหตุและผล แต่ต้องใคร่ครวญ ในเชิง “จุดหมาย” และ “พระประสงค์” 

 

          ด้วยเหตุนี้ การมองโลกด้วยหัวใจ จึงไม่ใช่เพียงการศึกษา แต่คือการตื่นรู้ กล่าวคือ การเห็นอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อยู่ในทุกสิ่ง ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับยามราตรี มิได้ทำหน้าที่เพียงเพื่อประดับโลกให้สวยงาม แต่เพื่อให้มนุษย์ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้ทรงสร้างผู้ทรงกำหนดให้ดวงดาวส่องแสงในความมืด

 

“แท้จริง ในการสร้างฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการผลัดเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน มีสัญญาณแก่บรรดาผู้มีสติปัญญา”

(อาละอิมรอน 3:190)

 

“แท้จริง การสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน และในสิ่งที่อัลลอฮฺ ทรงสร้างในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้น

ย่อมเป็นสัญญาณสำหรับกลุ่มชนผู้มีความยำเกรง”

(ยูนุส 10:6)

 

           เมื่อหัวใจมองเห็นด้วยศรัทธา ความรู้ก็กลายเป็นทางนำ เปลี่ยนความสงสัยคลางแคลงให้กลายเป็นความมั่นคง และเปลี่ยนความว่างเปล่าให้กลายเป็นเรื่องราวที่มีความหมาย การมองเห็นแบบนี้จะทำให้หัวใจของผู้ศรัทธาเต็มเปี่ยมไปด้วย การสำนึกขอบคุณ (ซุโกร) และความยำเกรง (ตักวา) ซึ่งเป็นรากฐานของชีวิตที่สมดุลและสงบสุข

 

 

4. โลกภายนอกคือกระจกสะท้อนโลกภายใน

 

          สิ่งที่เรามองเห็นภายนอก มักสะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจเรา หากหัวใจเต็มไปด้วยศรัทธา เราจะเห็นความงดงามและปัญญาในทุกสิ่ง แต่หากหัวใจมืดมน เราจะเห็นเพียงความว่างเปล่า แม้ในสิ่งที่งดงามที่สุด ดังนั้น การมองเห็นสัจธรรมจึงไม่ใช่เรื่องของดวงตา (เลนส์ตา) แต่คือเรื่องของหัวใจ (เลนส์หัวใจ) 

 

          เพราะหัวใจที่อ่อนน้อมและใคร่ครวญจะมองเห็น “แสงแห่งทางนำ” ในทุกฉากมุมของชีวิต  และหากต้องการ “เห็นสัจธรรม” อย่างชัดเจน ต้องเริ่มจากการ “ชำระหัวใจ” ให้บริสุทธิ์จากความเย่อหยิ่ง ความหลงตัว และความละเลย เพื่อให้หัวใจกลับมาเป็นกระจกใสสะท้อนแสงแห่งสัจธรรมของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

 

บทสรุป : เมื่อหัวใจเปิด โลกทั้งใบก็เปลี่ยน

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประทานโลกนี้ให้เป็นห้องเรียนแห่งศรัทธา การเปิดเลนส์หัวใจคือการเรียนรู้ที่จะมองทุกสิ่งด้วยสายตาแห่งศรัทธา เห็นความงดงามของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในทุกสรรพสิ่งรอบตัว ทุกใบไม้ที่พริ้วไหวในสายลม ทุกหยดน้ำที่ไหลรินจากฟ้า ทุกลมหายใจ และทุกส่วนของร่างกายมนุษย์ ล้วนเป็นบทเรียนให้เรา ไม่เพียงรู้จักโลก รู้จักตัวเอง แต่ยังได้รู้จักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ 

 

          เมื่อหัวใจเปิด โลกทั้งใบกลายเป็นอัลกุรอานที่มีชีวิต และเมื่อเรามองด้วยเลนส์แห่งหัวใจ เราจะเห็นสัจธรรม คือ ความยิ่งใหญ่ ความเมตตา และความสมบูรณ์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง

 

“ผู้ใดที่อัลลอฮฺ ทรงประสงค์จะชี้ทางให้แก่เขา พระองค์จะทรงเปิดหัวใจของเขาสู่ศาสนาอิสลาม

(อัลอันอาม 6:125)

 

          ขอให้เราทุกคนได้เปิดเลนส์หัวใจ เพื่อมองโลกอย่างผู้ศรัทธา มองเห็นพระองค์ในทุกสิ่ง และมองเห็นความหมายของชีวิตในทุกลมหายใจ เพราะการมองเห็นที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากดวงตา แต่เกิดจากหัวใจที่เปิดรับแสงแห่งทางนำจากพระองค์