ปลูกฝังสิ่งไร้ค่าที่เป็นเพียงแค่"ฝัน"
  จำนวนคนเข้าชม  7366

ปลูกฝังสิ่ง"ไร้ค่า" ที่เป็นเพียงแค่ "ฝัน"

"และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ

และพวกเจ้านั้นคือผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา"

(อาละอิมรอน : 139)

          หลายครั้งที่ได้เจอะเจอกับพี่น้องมุสลิม สามจังหวัดชายแดนใต้ และทุกครั้งจะมีการสนทนาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระดับการสนทนาของ นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ ครู อาจารย์ หรือแม้แต่นักการเมือง  แทบทุกครั้งของการสนทนาจะได้รับคำตอบที่คล้ายกัน หรือเหมือนกันโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าคำตอบที่ได้จะเป็นแบบไหน ทุกวงสนทนาอยากให้ภาคใต้ที่เขารัก และเป็นบ้านเกิดของพวกเขา ให้กลับมามีแต่ความสงบสุข

          ทุกครั้งที่พูดถึงพี่น้องมุสลิมสามจังหวัดชายแดนใต้ ถึงแผ่นดินอันเป็นที่รัก แม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้ได้เห็น แต่เราสามารถรับรู้ได้ถึงความบอบช้ำภายในจิตใจ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความคิดของพวกเขาเลย แต่เป็นการถูกปลูกฝังจากรุ่นแล้ว รุ่นเล่า ในความคิดที่ผิดเพี้ยน บิดเบือน และให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับเด็กๆ และเยาวชน จากคนยุคเก่าๆ ที่ยังคงยึดติดในความอาฆาตแค้น การไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีต ซึ่งยากจะลบเลือนในคนบางกลุ่ม (ในบางกลุ่มเท่านั้น) !

"และแท้จริง อัลกุรอานนั้น เป็นข้อเตือนสติ แก่บรรดาผู้ยำเกรง"

(อัลหากเกาะฮ์ : 48)

         แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น เพราะความไม่เข้าใจในหลักการศาสนาที่ตนเองเคารพนับถืออยู่ หรือการได้รับการศึกษาจากสิ่งที่ผิดเพี้ยน บิดเบือน ปกปิดความจริง ผู้ที่เป็นผู้นำคือคนที่มีความรู้ คนที่ชาวบ้านนับหน้าถือตา ยกย่อง แต่สิ่งที่ผู้นั้นได้ความรู้มา มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เป็นแนวคิดที่ถูกหลักการหรือไม่ แล้วความรู้อย่างนี้จะยังคงสืบทอดต่อไปหรือไม่ และมันจะจบลงที่รุ่นไหน ลูก หลาน เหลน หรือโหลน และเรา จะต้องสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินกันอีกมากมายแค่ไหน หรืออีกนานเท่าไหร่ ? 

"และบรรดาผู้ที่ยึดเอามัสยิดหลังหนึ่ง เพื่อก่อให้เกิดความเดือดร้อน และปฏิเสธศรัทธา

และก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่าบรรดามุมินด้วยกัน

และเป็นแหล่งซ่องสุมสำหรับผู้ที่ทำสงครามต่อต้านอัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์มาก่อน

และแน่นอนพวกเขาจะสาบานว่า เราไม่มีเจตนาอื่นใด นอกจากสิ่งที่ดี

และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นพยานยืนยันว่า แท้จริงพวกเขานั้นเป็นพวกกล่าวเท็จอย่างแน่นอน"

(อัตเตาบะฮ์ :107)

          เยาวชน หรือผู้ที่หลุดออกมาจากวงโคจรเก่าๆ เมื่อได้รับรู้ความจริง ได้เข้าใจถึงโลกดุนยา ได้เห็นสิ่งต่างๆที่มิใช่ความฝัน ได้จับต้องความเป็นจริงของชีวิต ได้เดินทางเพื่อศึกษาสิ่งต่างๆที่ถูกต้อง จากแหล่งความรู้ใหม่ๆ ทำให้พวกเขาไม่อยากกลับไปอยู่ที่"บ้านเดิม"หลังนั้นอีก

"ด้วยคัมภีร์นั้นแหละ อัลลอฮ์ จะทรงแนะนำผู้ที่ปฏิบัติตาม ความพึงพระทัยของพระองค์

ซึ่งบรรดาทางแห่งความปลอภัย และจะทรงให้พวกเขาออกจากความมืดไปสู่แสงสว่าง

ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และจะทรงแนะนำพวกเขาสู่ทางอันเที่ยงตรง"

(อัลมาอิดะฮ์ : 16) 

          ทั้งๆที่พวกเขาอยากกลับไปพัฒนา อยากจะฟื้นฟูศาสนาอิสลามที่แท้จิง อยากกลับไปเดินตามแนวทางซุนนะฮ์ ของท่านนะบีมุฮัมมัด  อยากให้ความสงบสุขได้เกิดขึ้น กับพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร และเพื่อนฝูง ของพวกเขา พวกเขารักแผ่นดินเกิด พวกเขารักประเทศที่เกิด พวกเขารักเพื่อนๆในประเทศนั้น พวกเขารักพี่น้องมุสลิมทั่วโลก มิใช่แค่มุสลิมในพื้นที่เพียงไม่กี่ตารางเมตร  ในประเทศไทย

          แต่จะทำอย่างไรเล่า เมื่อมีผู้ที่โดนปลูกฝัง ให้จงเกลียดจงชัง คนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกับพวกเขา แม้จะนับถือศาสนาเดียวกันก็ตาม คนที่ยังยึดติดกับ"แผ่นดิน" ให้ผู้ที่โดนปลูกฝังสู้กับสิ่งที่เป็นเพียงแค่"ความฝัน" หลอกลวงให้พวกเขา "ฝัน ฝัน ฝัน" และเสพยาเพื่อ ฝันต่อไป และไปทำร้ายพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองที่ไม่ยอมที่จะเข้าร่วมในความฝันกับพวกเขา นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัญหานั้น

"และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้ประกาศว่า

หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า  

และหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง"

(อิบรอฮีม : 7)

          แม้จะมีความช่วยเหลือจากรัฐบาล จากองค์กรต่างๆ ลงไปให้ความช่วยเหลืออย่างมากมาย แต่กลับเหมือนเอาน้ำตาลไปถมในทะเล ซึ่งมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสภาพได้เลย เพราะเงิน ความช่วยเหลือที่ลงไป ไม่ได้ถึงระดับของประชาชนอย่างแท้จริง (มีเพียงบางส่วนเท่านั้น) จะโทษใครดี !!

          โทษ"คนไทย หรือคนที่พูดภาษาไทย" ว่าพวกเขาโกง หรือยึดเอาไว้อย่างนั้นหรือ !! แต่ในปัจจุบัน เราจะพบว่า ผู้นำศาสนาทั้งหมดเป็นมุสลิม สส.เป็นมุสลิม อบจ.เป็นมุสลิม อบต.เป็นมุสลิม ผู้ว่าบางจังหวัดเป็นมุสลิม ตำรวจและทหารบางส่วนเป็นมุสลิม เจ้าหน้าที่ในระดับปกครองและระดับปฏิบัติการท้องถิ่นก็เป็นมุสลิม ทุกคนเป็นมุสลิมในพื้นที่ทั้งนั้น แต่เพราะอะไรถึงไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หรือ พวกเขาเป็นมุสลิมแต่เพียงชื่อในบัตร มุสลิมเพียงการกระทำภายนอก แต่จิตใจของพวกท่านเป็นมุสลิมหรือไม่ ทำไมถึงไม่ใช้หลักการอิสลามมาแก้ปัญหา มาบริหารในสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อพี่น้องมุสลิมที่รักพวกท่านอย่างตาบอด หูหนวก ประชาชนที่เชื่อในสิ่งที่ท่านบอกกล่าวแทบจะทุกอย่าง

"พวกเขาจงแบกความผิดใน วันกิยามะฮ์เถิด

และ(จงแบก)ความผิดของบรรดาผู้ที่พวกเขาทำให้เขาเหล่านั้น หลงผิดโดยไม่รู้

พึงทราบเถิด สิ่งที่พวกเขาทำผิดนั้น ชั่วช้ายิ่ง"

(อันนะห์ล : 25) 

         เป็นมุสลิมแต่ยังโกงกินพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง เป็นมุสลิมแต่ยังอาฆาตแค้น ทั้งๆที่พระองค์ทรงสอนให้อภัยกับทุกสิ่งและพระองค์อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยให้กับท่านเสมอ ไมว่าความผิดนั้นจะสูงเทียมเมฆก็ตาม เป็นมุสลิมแต่ฆ่าพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง ทั้งๆที่ฮะดิษและอัลกุรอาน ได้ห้ามและเตือนสำทับไว้อย่างชัดเจน พวกท่านเป็นมุสลิมแบบไหนกันถึงไม่รัก พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตรของพวกท่านเอง

"โอ้ ! พ่อจ๋า อย่าได้เคารพบูชาชัยฏอนเป็นอันขาด แท้จริง

ชัยฏอน มันดื้อรั้นต่อพระผู้ทรงกรุณา ปรานี"

(มัรยัม : 44)

          คนมีตำแหน่งใหญ่โตบางคนใช้อำนาจ หาผลประโยชน์ส่วนตน ญาติ พี่น้อง มีบ้านสวย มีรถยนต์ใช้

          คนเป็นผู้นำศาสนาบางกลุ่ม ใช้ศาสนาหาผลประโยชน์ บิดเบือนเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ส่วนครูสอนศาสนาเล็กๆกลับมีเงินเดือนไม่พอใช้

          คนมีเงินบางกลุ่มไม่เคยจ่ายซากาตให้กับพี่น้องด้วยกันเอง หรือผู้ยากไร้ เพื่อแบ่งปันให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข

          โอ้ พี่น้องที่กำลังหลงใหลในดุนยา กำลังถูกชัยฏอนกระซิบข้างหู กำลังวัดความดีจากวัตถุ ทรัพย์สิน เงินทอง ความสวยงามในรูปลักษณ์ ถ้าไม่รวย ไม่สวย ไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีเชื้อสายวงค์ตระกูล ไม่ได้เป็นลูกโต๊ะครูหรือ อิหม่าม ไม่จบมาจากเมืองนอก ฉันจะไม่คบค้าสมาคมด้วย   ไม่เกี่ยวดองเป็นญาติด้วย นี่หรือหลักการที่พวกท่านยึดถืออยู่ หลักการเหล่านี้มาจากคัมภีร์เดียวกันทั่วโลก นั่นคือ "คัมภีร์ของชัยฏอน"

"ภายหลังจากพวกเขา ชนรุ่นชั่วก็ได้สืบทอดต่อมา

พวกเขาได้ทิ้งละหมาด และปฏิบัติตามความใคร่

ต่อมาพวกเขาก็จะประสบ ความหายนะ"

(มัรยัม :59) 

          โลกดุนยานี้กว้างใหญ่สำหรับมนุษย์ที่ไม่มีศาสนา แต่มันคับแคบสำหรับมุมินที่หวังในโลกอาคิเราะฮ์ เราจะไม่แย่งแผ่นดินในดุนยากับพวกท่าน เราจะแย่งแผ่นดินในอาคิราะฮ์ ที่พระองค์อัลลอฮ์ กล่าวว่ามันกว้างใหญ่กว่าโลกนี้หลายเท่าจนสุดปัญญาของมนุษยจะจินตนาการ มันสะดวกสบายอย่างที่สมองมิอาจคาดคิด 

"ชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้น ได้ถูกประดับให้สวยงามแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

และพวกเขายังเย้ยหยันบรรดาผู้ที่ศรัทธาด้วย

แต่บรรดาผู้ยำเกรงนั้น เหนือกว่าพวกเขาในวันกิยามะฮ์ และอัลลอฮ์

จะทรงประทานปัจจัยยังชีพ แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยปราศจากการคำนวณนับ"

(อัลบะเกาะเราะฮ์ : 212) 

          ดุนยาเพียงน้อยนิด แผ่นดินเล็กๆที่"ไร้ค่า"เป็นเพียงแค่ฝัน ยังจะถูกแย่งชิงกันอีกหรือ  !

แผ่นดินนี้มีเจ้าของ และเจ้าของแผ่นดินนี้คือ พระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา  

"แท้จริง อัลลอฮ์จะไม่ทรงอธรรม แม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี

และถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด พระองค์จะทรงเพิ่มพูนความดีนั้นเป็นทวีคูณ

และจะประทานให้จากที่พระองค์ ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง"

(อันนิซาอ์ : 40)

โดย อุมรอชิด