การเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  8290

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณา ปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

การเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอัลลอฮ์

 

คำถาม

          เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะบอกแก่บรรดาพวกมุชริกีน(ผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) ถึงหลักฐานการเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอัลลอฮ์ ?

 

คำตอบ

อัลฮัมดุลิลลาฮ์

          แท้จริงทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาและถูกบริหารจัดการล้วนเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงการเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอัลลอฮ์

(أَلاَ لَهُ الْخَلْقُ وَالأَمْرُ تَبَارَكَ اللّهُ رَبُّ الْعَالَمِينَ﴾ (الأعراف : 54 )

ความว่า  “พึงรู้เถิดว่า การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น  มหาบริสุทธิ์ยิ่งองค์อัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก”  (อัลอะอฺรอฟ 54)

 

           พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าและผืนแผ่นดิน ปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกลางวันและกลางคืน...สร้างวัตถุ  พืชพันธุ์ธัญญาหาร  และผลไม้หลากหลายชนิด  สร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์และสัตว์ ทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างล้วนเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงพระผู้สร้างผู้ทรงยิ่งใหญ่แต่เพียงองค์เดียวโดยปราศจากภาคีหุ้นส่วนใดๆ

(ذَلِكُمُ اللهُ رَبُّكُمْ خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ لَّا إِلٰـهَ إِلَّا هُوَ فَأَنّٰى تُؤْفَكُونَ﴾ (غافر : 62 )

ความว่า  “นั่นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ดังนั้นทำไมพวกเจ้าจึงถูกหันเหออกจากพระองค์เล่า”   (ฆอฟิร 62)

 

          สรรพสิ่งที่ถูกสร้างที่หลากหลายนานาชนิดนี้  ตลอดจนความยิ่งใหญ่อลังการของงานสร้าง ความปราณีตและความละเอียดสวยงาม การปกปักษ์รักษาและการบริหารจัดการที่ดีเลิศทั้งหมดล้วนแล้วเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงว่าผู้สร้างมีเพียงผู้เดียว  พระองค์จะทำตามความประสงค์ จะพิพากษาตามที่พระองค์มีความประสงค์

(اللهُ خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ وَكِيلٌ﴾ (الزمر : 62 )

ความว่า  “อัลลอฮฺ คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงดูแลและคุ้มครองทุกสิ่ง” (อัซซุมัร 62)

 

          ทั้งหมดที่ได้กล่าวผ่านมาระบุว่าสิ่งถูกสร้างนั้นย่อมต้องมีผู้สร้าง กรรมสิทธิ์ต่างๆ ย่อมมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ และเบื้องหลังของรูปภาพย่อมต้องมีผู้สร้างภาพนั้น

(هُوَ اللهُ الْخَالِقُ الْبَارِئُ الْمُصَوِّرُ لَهُ الْأَسْمَاء﴾ (الحشر : 24 )

ความว่า  “พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่างสำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ”  (อัลหัชรฺ 24)

 

          คุณประโยชน์จากชั้นฟ้าและผืนแผ่นดิน ความเป็นระเบียบของระบบสุริยะจักรวาล การสอดประสานระหว่างสิ่งที่ถูกสร้างด้วยกัน เป็นสิ่งที่ชี้ถึงผู้สร้างมีเพียงองค์เดียวโดยไม่มีภาคีหุ้นส่วนใดๆ

(لَوْ كَانَ فِيهِمَا آلِهَةٌ إِلَّا اللهُ لَفَسَدَتَا فَسُبْحَانَ اللهِ رَبِّ الْعَرْشِ عَمَّا يَصِفُونَ﴾ (الأنبياء : 22 )

ความว่า  “หากในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีพระเจ้าอื่นๆ หลายองค์นอกจากอัลลอฮฺแล้ว ทั้งสองก็ย่อมจะต้องเสียหายอย่างแน่นอน(อันเนื่องด้วยความไม่ลงรอยกันของพระเจ้าหลายองค์) อัลลอฮฺพระเจ้าแห่งบัลลังก์นั้นทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้าง”  (อัลอัมบิยาอฺ 22)

 

          บรรดาสิ่งที่ถูกสร้างที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้  การที่มันเกิดขึ้นมาโดยตัวของมันเองเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือมนุษย์เกิดขึ้นมาด้วยกับตัวของเขาเองต่อจากนั้นเขาไปสร้างสิ่งอื่น  ลักษณะเช่นนี้มันก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน

(أَمْ خُلِقُوا مِنْ غَيْرِ شَيْءٍ أَمْ هُمُ الْخَالِقُونَ ، أَمْ خَلَقُوا السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ بَل لَّا يُوقِنُونَ﴾ (الطور : 35 - 36 )

ความว่า  “หรือว่าพวกเขาถูกบังเกิดมาโดยไม่มีผู้ให้บังเกิด หรือว่าพวกเขาเป็นผู้ให้บังเกิดตนเอง  หรือว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินนี้ เปล่าเลย เพราะพวกเขาไม่เชื่อมั่นต่างหาก”  (อัฏฏูร 35-36)

 

          แน่นอนสติปัญญา  วะฮฺยู (วิวรณ์)  และธรรมชาติ ย่อมชี้ว่าการมีอยู่ของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องมีผู้ให้บังเกิด สิ่งถูกสร้างต่างๆ ทั้งหลายต้องมีผู้สร้าง พระองค์คือผู้ทรงมีชีวิตตลอดกาล ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย  ผู้ทรงรู้เห็นและรอบรู้อย่างละเอียด ผู้ทรงอำนาจและทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาปรานี พระองค์มีพระนามอันสวยงามวิจิตรและคุณลักษณะอันสูงส่ง ทรงรอบรู้เหนือทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดมาทำให้พระองค์อ่อนแอและไม่มีสิ่งใดที่เสมอเหมือน หรือไม่มีสิ่งใดที่อาจเทียบเคียงต่อพระองค์

 (وَإِلٰـهُكُمْ إِلٰـهٌ وَاحِدٌ لاَّ إِلٰـهَ إِلاَّ هُوَ الرَّحْمَنُ الرَّحِيمُ﴾ (البقرة : 163 )

ความว่า  “และพระผู้เป็นเจ้าที่ควรแก่การเคารพสักการะของพวกเจ้านั้น มีเพียงองค์เดียว ไม่มีผู้ควรแก่การเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอเท่านั้น”  (อัลบะเกาะเราะฮฺ 163)

 

          การมีอยู่ของพระองค์อัลลอฮฺเป็นที่รู้ได้ด้วยสันดานดั้งเดิมและปัญญาในตัวมนุษย์

(قَالَتْ رُسُلُهُمْ أَفِي اللهِ شَكٌّ فَاطِرِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ) (إبراهيم : 10 )

ความว่า  “บรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้กล่าวว่า มีการสงสัยในอัลลอฮฺ  พระองค์ผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ?”  (อิบรอฮีม 10)

 

          อัลลอฮฺได้สร้างให้มนุษย์มีสำนึกดั้งเดิมโดยชาติกำเนิดในการยอมรับการมีผู้สร้าง ผู้ให้มีชีวิต ผู้ให้เสียชีวิต  ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ (เรียกว่า รุบูบียะฮฺ ของพระเจ้า)  และการยอมรับในด้านความเป็นเอกะ หรือการเป็นพระเจ้าองค์เดียวของพระองค์  แต่ทว่าบรรดาชัยฏอนมารร้ายได้มายังมนุษย์ แล้วพยายามชักจูงพวกเขาให้หันเหออกจากศาสนา มีปรากฏในหะดีษอัลกุดสียฺว่า

«إني خلقت عبادي حنفاء كلهم وإنهم أتتهم الشياطين فاجتالتهم عن دينهم وحرمت عليهم ما أحللت لهم» رواه مسلم برقم 2865

ความหมาย  “แท้จริงข้าได้สร้างปวงบ่าวของข้าให้พวกเขาทั้งหมดอยู่บนแนวทางที่บริสุทธิ์เที่ยงตรง  และแท้จริงบรรดาชัยฏอนได้มาหาแล้วชักจูงพวกเขาให้ออกจากศาสนา  และได้ห้ามพวกเขาในสิ่งที่ฉันได้อนุมัติต่อพวกเขา”  (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2865)

 

          บางกลุ่มของมนุษย์ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของอัลลอฮฺ บางกลุ่มเคารพภักดีต่อชัยฏอน บางกลุ่มเคารพสักการะต่อมนุษย์ บางกลุ่มบูชาเงินตรา ไฟ  เซ็กส์  หรือสัตว์ บางกลุ่มตั้งภาคีต่อพระองค์โดยบูชาหินที่ถูกทำมาจากดิน หรือบูชาดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

          สิ่งที่ถูกกราบไว้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺต่างๆ เหล่านี้ ไม่สามารถสร้าง  ไม่สามารถประทานปัจจัยยังชีพได้ ไม่สามารถรับฟัง  หรือมองเห็น  ไม่สามารถให้ประโยชน์หรือให้โทษ แล้วพวกเขาไปเคารพภักดีนอกเหนือจากอัลลอฮฺได้อย่างไร ?


 

(أَأَرْبَابٌ مُّتَفَرِّقُونَ خَيْرٌ أَمِ اللهُ الْوَاحِدُ الْقَهَّارُ﴾ (يوسف : 39 )

ความว่า  “พระเจ้า(ที่มนุษย์ทึกทักขึ้นเอง)หลายองค์นั้นดีกว่า หรือว่าอัลลอฮฺเอกองค์ผู้ทรงอนุภาพยิ่ง” (ยูซุฟ 39)

 

         อัลลอฮฺได้ประณามผู้ที่เคารพภักดีต่อเจว็ดรูปปั้น  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรับฟังหรือมองเห็นและไม่มีสติปัญญาแต่ประการใด  โดยที่อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿إِنَّ الَّذِينَ تَدْعُونَ مِن دُونِ اللهِ عِبَادٌ أَمْثَالُكُمْ فَادْعُوهُمْ فَلْيَسْتَجِيبُواْ لَكُمْ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ ، أَلَهُمْ أَرْجُلٌ يَمْشُونَ بِهَا أَمْ لَهُمْ أَيْدٍ يَبْطِشُونَ بِهَا أَمْ لَهُمْ أَعْيُنٌ يُبْصِرُونَ بِهَا أَمْ لَهُمْ آذَانٌ يَسْمَعُونَ بِهَا قُلِ ادْعُواْ شُرَكَاءكُمْ ثُمَّ كِيدُونِ فَلاَ تُنظِرُونِ﴾ (الأعراف : 194 - 195 )

ความว่า  “แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺนั้น คือ ผู้ที่เป็นบ่าวเยี่ยงพวกเจ้านั่นเอง จงวิงวอนขอต่อพวกเขาเถิดแล้วจงให้พวกเขาตอบรับพวกเจ้าด้วยหากพวกเจ้าเป็นผู้สัจจริง  พวกมันมีเท้าที่ใช้มันเดินกระนั้นหรือ ? หรือว่าพวกมันมีมือที่ใช้จัดการ หรือว่าพวกมันมีตาที่ใช้มองหรือว่าพวกมันมีหูที่ใช้ฟังได้”  (อัลอะอฺรอฟ 194-195)

 

และอัลลอฮฺตรัสว่า

(قُلْ أَتَعْبُدُونَ مِن دُونِ اللهِ مَا لاَ يَمْلِكُ لَكُمْ ضَرّاً وَلاَ نَفْعاً وَاللهُ هُوَ السَّمِيعُ الْعَلِيمُ﴾ (المائدة : 76 )

ความว่า  “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจะเคารพสักการะสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ สิ่งซึ่งไม่มีอำนาจครอบครองอันตรายใด ๆ และประโยชน์อันใดไว้สำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ?  และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้”  (อัลมาอิดะฮฺ 76)

 

          พึงรู้เถิดว่า มนุษย์ช่างเป็นผู้ที่โง่เขลายิ่งต่อพระผู้อภิบาลของเขา  ผู้ทรงเป็นผู้สร้างและประทานปัจจัยยังชีพให้แก่เขา ไฉนเขาปฏิเสธและหลงลืมแล้วไปเคารพภักดีต่อสิ่งอื่นได้

(لَا تَعْمَى الْأَبْصَارُ وَلَكِن تَعْمَى الْقُلُوبُ الَّتِي فِي الصُّدُورِ﴾ (الحج : 46 )

ความว่า  “เพราะแท้จริงการมองของนัยตานั้นมิได้บอดดอก แต่ว่าหัวใจที่อยู่ในทรวงอกต่างหากที่บอด”  (อัลฮัจญฺ 46)

 

          ดังนั้น มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งโดยปราศจากการตั้งภาคีหุ้นส่วนใดๆ และการสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล

 

﴿قُلِ الْحَمْدُ لِلهِ وَسَلَامٌ عَلَى عِبَادِهِ الَّذِينَ اصْطَفَى آللهُ خَيْرٌ أَمَّا يُشْرِكُونَ (59) أَمَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ السَّمَاءِ مَاء فَأَنبَتْنَا بِهِ حَدَائِقَ ذَاتَ بَهْجَةٍ مَّا كَانَ لَكُمْ أَن تُنبِتُوا شَجَرَهَا أَإِلٰـهٌ مَّعَ اللهِ بَلْ هُمْ قَوْمٌ يَعْدِلُونَ (60) أَمَّن جَعَلَ الْأَرْضَ قَرَاراً وَجَعَلَ خِلَالَهَا أَنْهَاراً وَجَعَلَ لَهَا رَوَاسِيَ وَجَعَلَ بَيْنَ الْبَحْرَيْنِ حَاجِزاً أَإِلٰـهٌ مَّعَ اللهِ بَلْ أَكْثَرُهُمْ لَا يَعْلَمُونَ (61) أَمَّن يُجِيبُ الْمُضْطَرَّ إِذَا دَعَاهُ وَيَكْشِفُ السُّوءَ وَيَجْعَلُكُمْ خُلَفَاء الْأَرْضِ أَإِلٰـهٌ مَّعَ اللهِ قَلِيلاً مَّا تَذَكَّرُونَ (62) أَمَّن يَهْدِيكُمْ فِي ظُلُمَاتِ الْبَرِّ وَالْبَحْرِ وَمَن يُرْسِلُ الرِّيَاحَ بُشْراً بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ  أَإِلٰـهٌ مَّعَ اللهِ تَعَالَى اللهُ عَمَّا يُشْرِكُونَ (63) أَمَّن يَبْدَأُ الْخَلْقَ ثُمَّ يُعِيدُهُ وَمَن يَرْزُقُكُم مِّنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَإِلٰـهٌ مَّعَ اللهِ قُلْ هَاتُوا بُرْهَانَكُمْ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ (64) ﴾ (النمل : 59 – 64)

 

          ความว่า  “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ  และความศานติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์  ผู้ซึ่งพระองค์ทรงคัดเลือกแล้ว  อัลลอฮฺดีกว่าหรือสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคีเจว็ด)  หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน  และทรงหลั่งน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ  งอกเงยอย่างสวยงาม  พวกเจ้าก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้ จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ?

เปล่าดอก! พวกเขาเป็นกลุ่มชนผู้ตั้งภาคี  หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนักและทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมัน  และทรงทำให้ภูเขายึดตรึงมันไว้ และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสอง จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ? 

เปล่าดอก  ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้  หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น  และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ?

ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ  หรือผู้ใดเล่าจะชี้แนะทางแก่พวกเจ้าในความมืดทึบของแผ่นดินและน่านน้ำ และผู้ใดทรงส่งลมแจ้งข่าวดีก่อนที่ความเมตตาของพระองค์จะมาถึง(หมายถึงลมพัดก่อนฝนตก) จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ?

อัลลอฮฺทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี  หรือผู้ใดเล่าจะเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และผู้ใดทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า จากฟากฟ้าและแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) จงนำหลักฐานของพวกท่านมา หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง”  (อัลนัมลฺ59-64)

 

 

จากหนังสือ “อุศูลุดดีน อัลอิสลามียฺ”  เขียนโดย เชคมุฮัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรียฺ

ที่มา : www.islamqa.com ฟัตวาหมายเลข 13532

ผู้แปล : ยูซุฟ อบูบักรฺ / Islam house