อย่าอิจฉากันเลย ! لاتحاسدوا
  จำนวนคนเข้าชม  10039

 

อย่าอิจฉากันเลย !

โดย อ.มุคต๊าร  ชนะมิตร

         ความอิจฉาริษยา  มักเกิดกับคนที่คิดว่าตนเองเกิดมามีปมด้อย หน้าตาขี้เหร่ แถมยังยากจนขัดสน วงค์ตระกูลก็ต่ำไม่เป็นที่เชิดชูตาในสังคม มองดูคนอื่นเพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง ก็เกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมา ความรู้สึกเช่นนี้จะสะสมอยู่ในจิตใจ และเมื่อวันใดมีโอกาสก็จะแสดงความแค้นออกมา ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเอง และสังคมโดยภาพรวม และมากที่สุดจะนำไปสู่การปฏิเสธหลักการ และปฏิเสธอัลลอฮ์  เลยทีเดียว

          นักวิชาการให้คำนิยามของคำว่า "อิจฉา" คือ ปราถนาจะให้ความโปรดปรานที่มีกับผู้อื่นนั้นหมดไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ ความรู้ เกียรติยศ หรืออำนาจ และอยากได้สิ่งต่างๆนั้นมาสู่ตนเอง ดังนั้นคนที่มีความอิจฉานั้นจะไม่มีความสุข เมื่อเห็นผู้อื่นเขาดีกว่า บางครั้งด้วยการอิจฉานี้เองสามารถกระทำความผิดต่อผู้อื่นโดยไม่คาดคิด เช่น ต้องฆ่าให้ตาย หรือต้องลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อที่จะทำร้ายผู้อื่น หรือทำอย่างไรก็ได้ ที่จะทำให้ผู้ที่เขาเกลียดชังนั้น ล้มละลาย ยอมที่ตนเองจะต้องทำผิดต่อกฏหมายบ้านเมือง ยอมที่จะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เนื่องจากต้องหนีการลงโทษของกฏหมาย และสุดท้ายยอมที่จะได้รับการลงโทษจากอัลลอฮ์ ในวันกิยามะฮ์

 

          การอิจฉานั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรง เพราะเท่ากับว่าไม่พอใจในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้จัดสรรปันส่วนให้กับบ่าวของพระองค์ ดังที่อัลลอฮ์  ได้ตรัสความว่า

"หรือว่าเขาอิจฉาผู้อื่น ในสิ่งที่อัลลอฮ์ ได้ประทานให้แก่พวกเขา จากความประเสริฐของพระองค์"

(ซูเราะฮ์ อันนิซาอ์)

"พวกเขาเป็นผู้แบ่งปันความเมตตาจากพระองค์ของเจ้ากระนั้นหรือ

เราต่างหากที่แบ่งปัน การทำมาหากินของพวกเขาในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้

และเราได้ยกบางคนเหนือบางคน อีกหลายระดับชั้น ทั้งนี้เพื่อที่จะให้บางคนได้มาใช้ซึ่งกันและกัน"

(ซูเราะฮ์ อัซซูคุฟ)

          ดังนั้นจากอายะฮ์ ที่กล่าวนั้น หากเรามีความเข้าใจตามที่อัลลอฮ์ได้บอกไว้ เราก็จะไม่อิจฉาผู้อื่น เพราะเรารู้ว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเกิดขึ้นจากการจัดสรร ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งแน่นอนต้องไม่เท่ากัน เพราะถ้าทุกคนมีความเท่าเทียมกันทั้งหมด ก็จะไม่สามารถมีการพึ่งพากัน ประเทศชาติก็หาผู้นำไม่ได้ คนรวยก็จะหาคนมาทำงานไม่ได้ เพราะเหมือนกันหมด ถ้าเป็นอย่างนี้คงวุ่นวายน่าดู ดังนั้นมนุษย์ ไม่มีใครสักคนที่เพรียบพร้อม ต้องมีความบกพร่อง และความบกพร่องนี้แหละ จะมาช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน

           ท่านเราะซูล  ได้สอนให้เรานั้นดูคนที่ด้อยกว่าเรา   จะได้ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชควาสนาของตนเอง และสอนให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังที่ท่านกล่าวว่า 

"คน คนหนึ่งจะยังไม่ศรัทธาอย่างสมบูรณ์ จนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขา เหมือนดังเช่นเขารักตัวของเขาเอง"

         แต่มีการอิจฉาอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่เป็นที่ต้องห้ามนั้นคือ การที่เราอยากเป็นดั่งเช่นเขา 

ท่านเราะซูล  กล่าวว่า

"อย่าได้อิจฉา นอกจากสองประการต่อไปนี้

อย่างแรกคือ ชายคนหนึ่งซึ่งอัลลอฮ์ได้ให้ทรัพย์สินเขามากมาย   แล้วเขาก็ใช้จ่ายทรัพย์สินเหล่านั้นไปโดยชอบธรรม

อีกประการหนึ่งคือ คน คนหนึ่งซึ่งอัลลอฮ์ ให้วิชาความรู้แก่เขา และเขาก็ใช้ความรู้ไปในการตัดสินและสอนให้แก่ผู้คน

(บุคคลสองประเภทนี้ที่น่าอิจฉา)"     

 

       ดังนั้นเราต้องพยายามที่จะทำมาหากินเพื่อที่จะได้มีโอกาสทำความดีเยอะๆ และต้องแสวงหาวิชาอยู่เสมอ เพื่อที่จะนำความรู้มาสอนผู้คนให้ออกจากความโง่เขลา อย่างนี้คือ สิ่งที่ดีที่สุด ท่านเราะซูล  ได้กล่าวไว้ว่า

"ท่านทั้งหลายอย่าโกรธกัน อย่าอิจฉาริษยากัน อย่าหันหลังให้กัน อย่าตัดความสัมพันธ์กัน

โอ้บ่าวของอัลลอฮ์ จงเป็นพี่น้องกันเถิด"

 

ท้ายสุดนี้ขอฝากบทกลอน ของ อ. รอดี ชนะมิตร  เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

ความอิจฉาริษยาพาให้ทุกข์          เป็นไฟลุกลามไหม้ในใจเจ้า

พึงขจัดตัดทอนผ่อนบรรเทา         แล้วตัวเจ้าจะมีสุขทุกเวลา

เห็นใครเขาได้ดีดีใจด้วย              ใครตกทุกข์เข้าช่วยด้วยอาสา

สำนึกตนแน่วแน่แผ่เมตตา            แล้วชีวิตจะมีค่าน่าชื่นชม

อย่านินทาว่าร้ายป้ายสี                 ถ้อยวจีสรรหามาทับถม

อย่าทำตัวต่ำทรามตามอารมณ์      อย่านิยมกินเนื้อญาติที่ขาดใจ

การรำลึกช่วยให้ใจสงบ                เหมือนได้พบดวงแก้ววาวแววใส

สัจธรรมนำตัวนำหัวใจ                 ควรยึดไว้เป็นโคมทองส่องชีวา...