การศรัทธาต่อบรรดาเราะซูล(ผู้นำสาร)
  จำนวนคนเข้าชม  19665

การศรัทธาต่อบรรดาเราะซูล(ผู้นำสาร)


           อัร รุสุล พหูพจน์ของ เราะซูล หมายถึง ผู้สื่อสาร คือ ผู้ที่ถูกส่งมาเพื่อบอกแจ้ง ณ ที่นี้หมายถึงผู้ได้รับสาร(วะฮีย์) กฏข้อบังคับทางศาสนบัญญัติ และบัญชาให้เผยแพร่ต่อมวลมนุษย์ชาติ  เราะซูลท่านแรกคือ นะบีนูห์ อลัยฮิสลาม และท่านสุดท้ายคือ นะบีมุฮัมมัด   
              
อัลลอฮ์   ทรงตรัสว่า


“แท้จริงเราได้มีโองการ(วะฮีย์)แก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการ(วะฮีย์) ต่อนูห์ และบรรดานะบีหลังจากเขา.....”   อันนิซาอฺ  ๑๖๓

                                                              
          มีปรากฏในเศาะเฮี้ยะบุคอรี รายงานโดยท่านอนัส บินมาลิก รอฏิยัลรอฮุอันฮุ ในฮะดีษที่เกี่ยวกับ อัช ชะฟาอะฮ์ (การช่วยสงเคราะห์) ท่านนะบี   ได้กล่าวว่า


     “ได้มีการกล่าวเล่าว่า ประชาชนได้มายังท่านนะบีอดัม อลัยฮิสลาม เพื่อขอให้ช่วยสงเคราะห์ แก่พวกเขา แต่ทว่าท่านได้บอกขอตัว โดยกล่าวว่า    พวกท่านจงไปหาท่านนะบีนูห์ อลัยฮิสลาม ผู้ซึ่งเป็นนะบีและเราะซูลท่านแรก ที่อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงส่งท่านมา....” โดยกล่าวจนจบฮะดีษ
 
                  
อัลลอฮ์   ได้ทรงตรัสเกี่ยวกับท่านนะบีมุฮัมมัด   ว่า

             
“มุฮัมมัด มิได้เป็นบิดาผู้ใดในหมู่บุรุษของพวกเจ้า  แต่เป็นเราะซูลของอัลลอฮ์ และคนสุดท้ายแห่งบรรดานะบี และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ทุกสิ่ง”    อัล อะห์ซาบ ๔๐                             


           ประชาชาตินั้นมิได้ถูกพักช่วงเลยนอกจากว่าอัลลอฮ์   จะทรงส่ง เราะซูลมา พร้อมด้วยกฎข้อบังคับทางศาสนาบัญญัติ มายังทุกชนชาติของท่าน และทรงประทานวะฮีย์ แก่ท่านนะบี   และบทบัญญัติเพื่อทบทวน


ดังอัลลอฮ์   ทรงตรัสว่า


“ และโดยแน่นอน เราได้ส่งเราะซูลมาในทุกประชาชาติ  (โดยบัญชา) ว่า พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์  และจงหลีกห่างจากบรรดาเจว็ด...” อัล นะหฺลฺ  ๓๖


“แท้จริงเราได้ส่งเจ้ามาด้วยสัจจะธรรม เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน และไม่มีประชาชาติใด(ในอดีต)เว้นแต่จะต้องมีผู้ตักเตือน(ถูกส่งมา)ยังพวกเขา”  ฟาฏิรฺ  ๒๔
                                                                                                                
“แท้จริงเราได้ประทาน อัต เตารอต ลงมา(แก่มูซา) โดยที่ในนั้นมีข้อแนะนำและแสงสว่าง ซึ่งบรรดานะบีผู้นอบน้อม (ต่ออัลลอฮ์) ได้ใช้ตัดสินสำหรับบรรดาผู้ที่เป็นยิว.....”   อัลมาอิดะฮ์  ๔๔    


          บรรดาศาสนาทูตเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาซึ่งถูกบังเกิดขึ้น มีการเกิดแก่เจ็บตาย ความต้องการ อาหาร เครื่องดื่ม อารมณ์ พวกเขามิได้มีคุณสมบัติพิเศษในการเป็นเจ้า ผู้อภิบาลหรือเป็นพระเจ้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับท่านศาสดามุฮัมมัด   ผู้เป็นผู้นำสาร ผู้ทรงเกรียติ ณ อัลลอฮ์   ในบรรดานะบีทั้งหลายว่า

         
“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าฉันไม่มีอำนาจที่จะให้คุณประโยชน์ใดๆ และให้โทษใดๆ แก่ตัวฉันได้ นอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงประสงค์  และหากฉันเป็นผู้รู้สิ่งเร้นลับแล้ว แน่นอนฉันย่อมกอบโกยสิ่งที่ดีไว้มากมายแล้ว และความชั่วร้ายก็จะไม่ต้องฉันได้ ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ตักเตือน และผู้ประกาศข่าวดีแก่กลุ่มชนผู้ศรัทธาเท่านั้น”   อัล อะอ์รอฟ  ๑๘๘

             
“ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงฉันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณ แก่พวกท่าน  จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า ไม่มีผู้ใดจะคุ้มครองฉันให้พ้นจาก (การลงโทษของ) อัลลอฮ์ได้ และฉันจะไม่พบที่พึ่งอันใดอื่นจากพระองค์เลย”  อัล ญิน  ๒๑-๒๒


          พระองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับท่าน นะบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม เมื่อท่านแจ้งถึงคุณลักษณะพระผู้เป็นเจ้าของท่านว่า

       
“และพระองค์ทรงประทานอาหารให้ฉัน  และทรงให้น้ำดื่มแก่ฉัน  และเมื่อฉันป่วย ดังนั้นพระองค์ทรงให้ฉันหายป่วย  และผู้ทรงให้ฉันตาย  แล้วทรงให้ฉันมีชีวิต”    อัช ชุอ์อะรออ  ๗๙-๘๑
 
           
ท่านนะบี   ได้กล่าวว่า

(( إنما بشر مثلكم أنسى كما تنسون فإذا نسيت فذكروني ))

“แท้จริงฉันเป็นมนุษย์เสมือนพวกท่าน ฉันหลงลืมเช่นพวกท่าน  เมื่อฉันลืมก็จงเตือน รำลึกแก่ฉัน”  
 
       
         อัลลอฮ์   ได้ทรงตรัสถึงการทำความภักดีต่อพระองค์ ในส่วนที่สัมพันธ์กับการยกย่องนบีนูห์ อลัยฮิสลามว่า
 
  
“โอ้เผ่าพันธุ์ของผู้ที่เราได้บรรทุก(ไว้ในเรือ) กับนูห์เอ๋ย แท้จริงเขาเป็นบ่าวผู้กตัญญูยิ่ง ”   อัล อิสรอ  3


และท่านนะบีมูฮัมมัด   กล่าวว่า

                       
“มหาจำเริญยิ่งแด่พระองค์  ผู้ทรงประทาน อัลกุรอาน แก่บ่าวของพระองค์ (มุฮัมมัด)เพื่อเขาจะได้เป็นผู้ตักเตือน  แก่ปวงบ่าวทั้งมวล”อัล ฟุรฺกอน ๑
       
พระองค์ทรงตรัสถึง นะบีอิบรอฮีม นะบีอิสหาก นะบียะอกู๊บ อลัยฮิสลามว่า


“และจงรำลึกถึงปวงบ่าวของเรา  อิบรอฮีม  อิสหาก และยะอกู๊บ ผู้ที่เข็มแข็งและสายตาไกล (ในเรื่องศาสนา) เราได้เลือกพวกเขา โดยเฉพาะเพื่อเตือนให้รำลึกถึงปรโลก และแท้จริงพวกเขานั้น เป็นผู้ที่ดีที่สุดในหมู่ผู้ที่ถูกคัดเลือก แน่นอน พวกเขาเป็นคนดีในหมู่ผู้ได้รับเลือก”  ศอด ๔๕ - ๔๗

          
พระองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับ นะบีอีซา อิบนุมัรยัมว่า

        
“ เขา  (อีซา–พระเยซูคริตส์) ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปวงบ่าวคนหนึ่ง ซึ่งเรา(อัลลอฮ์) ได้ให้ความโปรดปรานแก่เขา และเราได้ทำให้เขาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่วงศ์วานอิสรออีล”  อัซ ซุครุฟ  ๕๙


การศรัทธาต่อบรรดารสูลประกอบด้วยสี่ประการ


ประการที่ ๑ ต้องศรัทธาต่อสาส์นของบรรดาเราะซูลว่ามาจากที่ อัลลอฮ์   ผู้ใดได้ปฏิเสธอายะหนึ่งใด  ผู้นั้นได้ปฏิเสธต่อสาสน์ทั้งปวง
ดังพระองค์ทรงตรัสว่า

                    
“หมู่ชนของนูห์  ได้ปฏิเสธบรรดาเราะซูล”              อัชชุอะรออ์ ๑๐๕
 
                    
           พระองค์ทรงให้พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธ บรรดาเราะซูลทั้งหลาย แม้ว่าในขณะนั้นจะไม่มีเราะซูลท่านอื่น นอกจากท่านนะบีนูห์คนเดียว ด้วยเหตุนี้บรรดาชาวคริสต์ที่ได้ปฏิเสธนะบีมุฮัมมัด   และไม่ยอมปฏิบัติตามจึงเป็นผู้ปฏิเสธนะบีอีซาอิบนุมัรยัม (พระเยซูคริตส์) แม้ว่านะบีอีซาได้แจ้งข่าวดีถึงการมาของนะบีมุฮัมมัด   แก่พวกเขาแล้วก็ตามไม่มีความหมายใดๆแก่พวกเขา นอกจากท่านเป็นเพียงเราะซูลที่อัลลอฮ์   ส่งมาเพื่อปลดปล่อยพวกเขาให้รอดพ้นจากความหลงผิด และนำทางสู่ทางที่เที่ยงตรง


ประการที่ ๒  ต้องศรัทธาต่อชื่อ และนามของบรรดาเราะซูล และนะบี เช่น มุฮัมมัด   อิบรอฮีม มูซา อีซา นูห์ ขอพระองค์ประทานความสันติสุขแด่ท่านทั้งหลาย อัลลอฮ์   ได้ทรงตรัสถึงท่านเหล่านี้ไว้สองแห่งในอัลกุรอาน คือในซูเราะห์ อัล อะห์ซาบ และ อัช ชูรออ
 
        
“และจงรำลึกถีงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาของพวกเขา จากบรรดานะบี และจากเจ้า และจากนูห์ และอิบรอฮีม และมูซา และอีซา อิบนุมัรยัม และเราได้เอาคำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นจากพวกเขา”     อัล อะห์ซาบ ๗

              
พระองค์ทรงตรัสไว้ในอัช ชูรออฺว่า

           
“พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนา แก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูห์ และที่เราได้วะฮีย์แก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮีม และมูซา และอีซาว่าพวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้มั่นคงและอย่าแตกแยกกันในเรื่องของศาสนา....”   อัชชูรออ  ๑๓
 
                                                 
สำหรับบรรดานะบีและเราะซูลที่ไม่ทราบนาม จำเป็นต้องศรัทธาเช่นกัน
ดังอัลลอฮ์   ทรงตรัสว่า
 

“และโดยแน่นอนยิ่ง  เราได้ส่งบรรดาเราะซูลมาก่อนหน้าเจ้า บางคน     ในหมู่พวกเขามีผู้ที่เราบอกเล่าแก่เจ้า และบางคนในหมู่พวกเขา  มีผู้ที่เรามิได้บอกเล่าแก่เจ้า.....”   ฆอฟิร์   ๗๘

                                                                     
ประการที่ ๓ ต้องเชื่อมั่นและยืนยัน ต่อคำบอกกล่าวของบรรดานะบี


ประการที่ ๔ ปฏิบัติตามชารีอะฮ์  กฎข้อบังคับของศาสนบัญญัติที่ถูกส่งมายังนะบีท่านสุดท้าย คือมุฮัมมัด   ซึ่งส่งมาสำหรับมนุษย์ชาติทั้งปวง 

ดังอัลลอฮ์   ทรงตรัสว่า
 
        
“แต่มิได้ ข้าขอสาบานด้วย (พระนามของ) พระผู้อภิบาลของสูเจ้า พวกเขาจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะ ให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่พบความคับข้องใจในจิตใจของพวกเขา (ยอมรับ) ในสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไป และพวกเขายอมจำนนด้วยดี” อัน นิซาอฺ  ๖๕


ภาคผลอันประเสริฐยิ่งของการศรัทธาต่อบรรดาเราะซูล

1. การรับรู้ถึงความโปรดปราน การดูแลเอาใจใส่ของพระองค์ที่มีต่อปวงบ่าว โดยส่งบรรดาเราะซูลเพื่อนำทางพวกเขาสู่แนวทางที่เที่ยงตรง ชี้แนะแก่ปวงบ่าวในการทำความเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์   เพราะโดยลำพังสติปัญญาของมนุษย์แล้ว ไม่สามารถหยั่งรู้ได้

2. แสดงความขอบคุณ กตัญญูต่อพระองค์ที่ทรงประทานความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นี้มา

3. เกิดความรักต่อบรรดาท่านเราะซูล ขอพระองค์ทรงประทานความสันติสุขแด่ท่านทั้งหลาย เทิดทูลสรรเสริญแก่ท่านตามความเหมาะสม  เพราะท่านเหล่านั้นเป็นเพียง ผู้นำสาร ผู้เผยแผ่สาส์นแห่งอัลลอฮ์   เป็นผู้แนะนำ ตักเตือน บรรดาพวกที่ออกนอกลู่นอกทางได้ปฏิเสธการมาของเราะซูล โดยอ้างว่าเราะซูลของอัลลอฮ์   นั้นจะเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ได้ 

ดังอัลลอฮฺ   ทรงตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ข้ออ้างของพวกเขาเป็นโมฆะ


“และไม่มีสิ่งใดที่จะห้ามมนุษย์ให้พวกเขาศรัทธา เมื่อแนวทางที่ถูกต้องมายังพวกเขาแล้ว นอกจากพวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งมนุษย์ธรรมดา เป็นเราะซูลกระนั้นหรือ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) หากมลาอิกะฮ์เดินสัญจรอย่างสงบในแผ่นดิน แน่นอนเราจะส่งมลักหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า เป็นเราะซูลแก่พวกเขา”  อัล อิสรออ ๙๔ – ๙๕

        
         จากโองการดังกล่าว อัลลอฮ์   ได้ทำให้ข้ออ้างของพวกเขาเป็นโมฆะโดยสิ้นเชิง เราะซูลต้องมาจากมนุษย์เพราะเขาถูกส่งมายังพื้นพิภพ ยังประชากรซึ่งเป็นมนุษย์ หากประชากรเป็นมลาอิกะฮ์ พระองค์จะส่งเราะซูลเป็นมลักจากฟากฟ้า มายังพวกเขา 

อัลลอฮ์   ทรงตรัสเล่าว่าบรรดาผู้ปฏิเสธ ได้กล่าวว่า


“.....พวกเขากล่าวว่า พวกท่านมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นปุถุชนเยี่ยงเรา  พวกท่านประสงค์ที่จะกีดกันพวกเรา จากสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยเคารพบูชา  ดังนั้นพวกท่าน จงนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้พวกเราซิ   บรรดาเราะซูลของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเรามิใช่อื่นใด นอกจากเป็นปุถุชนเยี่ยงพวกท่าน แต่ทว่าอัลลอฮ์ทรงโปรดปราน  ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ไม่บังควรแก่เราที่จะนำหลักฐานมาแสดงแก่พวกท่าน  เว้นแต่โดยอนุมัติของอัลลอฮ์เท่านั้น และแด่อัลลอฮ์เท่านั้น   บรรดามุมิน พึงมอบความไว้วางใจเถิด” อิบรอฮีม  ๑๐ - ๑๑  

ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์>>>>Click