การแผ่ขยายของอารยะธรรม
  จำนวนคนเข้าชม  7267

การแผ่ขยายของอารยะธรรม


 อาจารย์ สุเบร วงษ์สันต์


بسم الله الرحمن الرحيم

         ท่านพี่น้องผู้ร่วมละหมาดวันศุกร์ทุกท่าน ผมขอตอกย้ำตรงนี้ให้ท่านทั้งหลายยำเกรงต่ออัลลอฮ จะได้เกรงกลัวต่อการทำผิด เราจะได้เป็นมุสลิมที่อยู่ในครรลองของศาสนา เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่อัลลอฮ์ จะให้เรา


         ท่านพี่น้องผู้มีเกียรติ หากเรามองย้อนกลับไปหาสมัยท่านรอชูล  จะเห็นได้ว่าท่านนั้นได้ปฏิบัติภารกิจโดยมีพลังภายในช่วยขับเคลื่อนทั้งๆที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ทั้งคนที่สนับสนุนท่านยังเป็นเด็ก เป็นคนชรา และคนอ่อนแอ กำลังภายในที่ว่านี้ก็คงจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากกำลังใจที่อัลลอฮ์ ทรงมอบให้กับท่านนั่นเอง เวลาท่านเกิดอาการท้อแท้เหนื่อยหน่าย อัลลอฮ  จะให้กำลังใจโดยการให้วะฮีย์ลงมา และเมื่อเวลาเผชิญหน้ากับศัตรูในขณะที่ท่านยกทัพไป อัลลอฮ์  จะให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในหัวจิตหัวใจของฝ่ายตรงข้าม จะเห็นได้ว่าท่านได้รับกำลังใจในภาคปฏิบัติภารกิจ


         สิ่งต่างๆจากเรื่องเหล่านี้ที่เราต้องเรียนรู้คือ เราต้องรู้จักอัลลอฮ์ ในยามที่เราสุขสบาย อัลลลอฮ์ จะรู้จักเราในยามที่เราวิกฤติ สิ่งที่อัลลอฮ์ ได้ให้ท่านร่อซูลอีกอย่างหนึ่งคือ การที่ให้ท่านรอซูล สามารถขยายอาณาเขตดินแดนแห่งอิสลาม จากที่เคยเป็นดินแดนแห่งการปฏิเสธศรัทธา ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์ จึงกล่าวไว้ในกุรอ่านความว่า

" ไม่เห็นหรอกหรือว่า เราได้นำแผ่นดินมาให้เจ้า ..."


         เมื่อก่อนรัฐของอิสลาม คือ มะดีนะฮฺ ต่อจากนั้นก็มาพิชิตมักกะฮฺ และขยายอาณาเขตต่อไปชาม ซีเรีย เลบานอน จอแดน ขยายไปเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต้องได้รับฉันทานุมัติจากอัลลอฮ์  ไม่เพียงคืบคลานแผ่ขยายไปสู่ดินแดนอื่นเท่านั้น มุสลิมยังได้เอาอารยะธรรม คุณธรรมและจิรยธรรมอิสลามไปสู่กลุ่มชนเหล่านั้นด้วย

         แต่ทุกวันนี้มันกลับกันครับ คนที่ยิวเป็นคริสต์ทุกวันนี้เค้าใช้ยุทธศาสตร์เดียวกันกับท่านรอซูล  ในการเอาคืนแผ่นดินของเขา พวกเขาจับจุดว่ามุสลิมแต่ละยุคต้องการอะไร ก็จะหยิบยื่นไปให้เพื่อให้มุสลิมยอมสยบ ที่เราเห็นกันชัดๆ คือปาเลสไตน์ที่เคยเป็นประเทศอิสลาม ตอนนี้พวกยิวค่อยๆคืบคลานเข้าไปจนเกือบจะได้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดและเปลี่ยนชื่อเป็นอิสราเอล หรือแม้กระทั่งอินโดนีเซียที่เป็นประเทศอิสลาม โดยค่อยๆโดนคืบคลานเข้าไปจนกลายเป็นติมอเลสเต้ในปัจจุบัน

         ที่สำคัญที่สุดคือ ชาวคริสต์ ชาวยิวพวกนี้เค้าไม่ได้แค่รุกรานแผ่นดินเท่านั้น แต่พวกเขารุกรานในเรื่องความคิดด้วย โดยการเปลี่ยนความคิดด้วย อันนี้แหละครับที่น่ากลัวที่สุด เปลี่ยนแนวคิดให้เป็นระบบทุนนิยม เปลี่ยนให้หลงดุนยา เมื่อหลงดุนยาอาคิเราะห์ก็ไม่ต้องพูดถึง อันนี้เป็นสิ่งที่อยากจะเตือนพวกเราในเรื่องของการเปลี่ยนความคิด เมื่อเรารู้ไม่เท่าทันเขาแล้วก็จะกลายเป็นคนที่หลงอยู่กับระบบทุนนิยม

         ตามที่จริงแล้วความหมายของดำรัสของอัลลอฮ์  ที่ว่า “นันกุศุฮา มินอัตรอฟิฮา” คือการทำให้ดินแดนอิสลามนั้นกว้างและให้ดินแดนกาเฟรนั้นแคบลง แต่ทุกวันนี้เป็นอย่างไรคับ นักวิชาการร่วมสมัยได้ให้คำอธิบายไว้ว่า มันคือการที่มุสลิมเราปัจจุบันไม่สามารถที่จะรักษาดินแดนเอาไว้ได้ หรือเอาไปใช้ไม่ถูกที่ เช่นเมืองไทยเหมาะกับการทำเกษตรกรรม แต่กลับไปสร้างตึก อาคาร โรงงาน ทำให้พื้นที่สีเขียวลดน้อยลงไป


          พี่น้องครับ เราต้องย้อนกลับมาดูว่าสมัยก่อนอัลลอฮ์  ได้ให้ท่านนบี  ปกครองแผ่นดินที่กว้างขวาง แล้วเอาอารยธรรมเอาอิสลามเข้าไป วิชาการต่างๆได้เริ่มต้นในยุคอิสลามทั้งนั้น แต่ปัจจุบันนี้พวกเรากำลังจะโดนยึดดินแดนโดยอาศัยประชาธิปไตยมาเป็นฉากบังหน้า เพื่ออ้างความชอบธรรมในการรุกราน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจึงจะต้องรู้จักอัลลอฮ์ อย่างจริงจัง รู้อย่างแท้จริงว่าอัลลอฮ์ ต้องการอะไรจากเรา !

         หากว่าท่านรู้ว่าอัลลอฮ์  ต้องการอะไรจากเราแล้วล่ะก็ เราก็จะเป็นบุคคลที่อัลลอฮ์ ยกฐานะ แต่บางคนผินหลังให้อัลลอฮ์ ตลอดจนกระทั่งมาเจอการทดสอบแล้วจึงกลับหันมาหาอัลลอฮ์   แต่ยังดีกว่าอีกบางกลุ่มที่ไม่เคยคิดจะรู้จักอัลลอฮ์ เลย จะยามสุขยามทุกข์ก็ไม่อยากรู้จัก เพราะฉะนั้นในยามที่มีภัยพิบัติเช่นนี้ ท่านไม่ต้องไปห่วงอุตสาหกรรมใหญ่ๆ พวกนั้นเค้ามีระบบรองรับ แต่ที่ควรจะห่วงคือ พวกพี่น้องเรา ที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง คือ คนพวกนี้ไม่ค่อยจะละหมาดอยู่แล้วยิ่งมาอยู่ในสภาพนี้ยิ่งไม่ละหมาดใหญ่เลย ตอนสุขสบายก็หลงกันแต่ดุนยา ถึงเวลาลำบากก็ยังไม่คิดถึง

           นักวิชาการยังบอกทั้งน้ำตาเมื่อถูกถามถึงโลกดุนยาเลยว่า “หนทางไปหาอัลลอฮ์ มันยังอีกยาวไกล แต่เสบียงของเรามีน้อยเหลือเกิน”  นี่ขนาดชีวิตเขาอยู่กับวิชาการ แล้วนับประสาอะไรกับพวกเราที่หลงกับดุนยา แสวงหาแต่ปัจจัยยังชีพ และชอบไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน เพราะฉะนั้นในช่วงวิกฤติอันนี้เรามาเร่งหาความดีด้วยการช่วยเหลือพี่น้องของเราตามที่ต่างๆ ที่ประสบภัยพิบัติกันดีกว่า

          หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะย้อนกลับมาดูตัวเรา ให้เรามุ่งมั่นสู่อัลลอฮ์ อย่างจริงจัง ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นบทบัญญัติอย่างเคร่งครัด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ในการช่วยเหลือ และหวังผลตอบแทนจากอัลลอฮ์  เพีงพระองค์เดียว


          จากเหตุการณ์และแนวทางของรอซูล  ได้เป็นข้อเตือนใจให้เรา  เมื่อใดที่ท่านหลงดุนยาแล้วท่านจะพลาดและเสียใจ ขอให้เราสะสางตัวของเราเองตั้งแต่ในดุนยา กลับมาใช้ชีวิตแบบพอเพียง สิ่งที่จะทำได้ตอนนี้คือการช่วยเหลือทั้งทางทรัพย์สินและเยียวยาจิตใจด้วยข้อเสนอแนะและบทบัญญัติที่ดี ขอเรียกร้องให้พวกเรานั้นได้ศึกษาบทบัญญัติกันอย่างจริงจัง รู้ให้จริงและนำเสนอต่อผู้อื่นให้ได้กลับไปหาอัลลอฮ์ ด้วยกัน ท่านทุกคนสามารถทำได้

 

  .....ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเข้าใจในศาสนา หากท่านทำได้ท่านจะเป็นผู้ที่มีสติปัญญา และมีฐานะอันสูงส่ง ณ ที่อัลลอฮ์  

 


“จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ว่าจะไม่มีอะไรประสบกับเราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์ได้กำหนดไว้ให้ประสบแก่เราเท่านั้น

ซึ่งพระองค์เป็นผู้คุ้มครองเรา และแด่อัลลอฮ์นั้น มุอฺมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด ”

(อัตเตาบะฮฺ  อายะฮ์ที่ 51)

 

 

คุตบะฮฺวันศุกร์ มัสยิดดารุลอิห์ซาน