สงครามอุฮุด
  จำนวนคนเข้าชม  45716

 

สงครามอุฮุด

 

ดร.อัดุลลอฮฺ  อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน

 


          สงครามอุฮุดเกิดขึ้น หลังจากที่พวกกุฟฟ๊ารชาวกุเรชได้ประสบกับความพ่ายแพ้และมีความหวาดกลัวอย่างหนักในสงครามบะดัร พวกเขาจึงมีเป้าหมายที่จะล้างแค้น และเรียกความน่าเชื่อถือในหมู่ชาวอาหรับกลับคืนมา ดังนั้น พวกเขาจึงชักชวนกันให้ออกไปสู้รบกับบรรดามุสลิม และได้เอาสินค้าที่รอดพ้นมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อทำสงคราม แล้วพวกเขาได้ออกไปยังเมืองมะดีนะฮ์ โดยมีเผ่าอื่นที่ร่วมออกไปด้วย มีจำนวนทั้งสิ้นสามพัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 3

ท่านเราะซูล ขอคำปรึกษาจากเหล่าซอฮาบะฮ์

          ได้มีหนังสือฉบับหนึ่งมาถึงท่านเราะซูลุลลอฮ์ จากอัลอับบาสผู้เป็นอาของท่าน บอกถึงเรื่องราวของชาวกุเรช ท่านจึงได้ประชุมกับบรรดาศอฮาบะฮ์  ความเห็นของท่านนะบี กับมุสลิมกลุ่มหนึ่งให้ตั้งรับอยู่ในเมืองมะดีนะฮ์ไม่ต้องออกไปเผชิญกับพวกมุชริกีน หากพวกนั้นเข้ามะดีนะฮ์ พวกผู้ชายก็จะดักฆ่าฟันพวกเขาตามถนนหนทาง ส่วนผู้หญิงให้ต่อสู้ทางด้านบนของบ้านเรือน แต่กลุ่มที่พลาดโอกาสเข้ารบในสงครามบะดัร ได้เสนอให้ออกไปสู้รบกันด้านนอกเมือง ท้ายที่สุดท่านก็เห็นด้วยจึงกลับเข้าบ้านแล้วสวมเสื้อเกราะพร้อมอาวุธ ครั้นเมื่อท่านกลับออกมา พวกเขาก็เสียใจในการบังคับจิตใจของท่านเราะซูลลุลลอฮ์

พวกเขาจึงพูดขึ้นว่า : หากท่านต้องการที่จะให้เราอยู่กันในมะดีนะฮ์ก็จงทำเถิด

ท่านนะบี จึงพูดว่า :

          (( مَا يَنْبَغِيْ لِنَبِيٍّ لاَبِسٍ لأمته أَنْ يَضَعَهَا حَتَّى يَحْكُمَ الله بَيْنَهُ وَبَيْنَ عَدُوِّه ))

          “ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่นะบีคนใดที่เมื่อเขาได้สวมชุดนักรบพร้อมอาวุธของเขา แล้วเขาจะถอดออก จนกว่าว่าอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะได้ทรงตัดสินระหว่างเขากับศัตรูของเขาเสียก่อน”  (*1*)

          ท่านนะบี จึงออกไปพร้อมกับบรรดาศอฮาบะฮ์ประมาณ 1000 คน และระหว่างทาง อับดุลลอฮ์ บิน อุบัย บิน สลูล ได้ถอนตัวกลับไปพร้อมกับพวกมุนาฟิกีน จำนวนหนึ่งในสามของกองทหาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเห็นว่าควรอยู่กับบ้านที่มะดีนะฮ์

          อับดุลลอฮฺ บิน อุบัย บิน สลูลได้พูดว่า :  เขาเชื่อว่าพวกนั้นไม่เชื่อฉัน เรื่องอะไรเราจะฆ่าตัวเอง

          อับดุลลอฮฺ บิน อุบัย บิน สลูล และพวกได้แสดงเหตุผลที่ไร้สาระและได้พูดว่า : หากเรารู้ว่าพวกท่านจะไปสู้รบจริง ๆ เราคงไม่กลับ  !


การวางแผนในการสู้รบ

          พวกมุชริกีนตั้งกองกำลังอยู่บริเวณใกล้กับภูเขาอุฮุด เมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ มาถึง ท่านได้ตั้งกองกำลังให้ภูเขาอุฮุดอยู่ทางด้านหลัง และคัดเลือกทหารแม่นธนู 50 นาย ขึ้นประจำการบนเนินเขาที่อยู่ตรงข้ามกับภูเขาอุฮุด โดยแต่งตั้งให้ อับดุลลอฮ์ บิน ญุบัยร รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เป็นหัวหน้า และสั่งกำชับให้เฝ้าระวังด้านหลังของบรรดามุสลิม ให้ดักยิงสกัดพวกมุชริกีนเพื่อเป็นการสกัดกั้นการรุกในระหว่างการสู้รบ และได้บอกย้ำว่า “ให้รักษาที่มั่นบนเนินเขานั้นให้ดีอย่าได้ละทิ้งที่มั่นเป็นอันขาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แม้จะเห็นว่าฝูงนกโฉบไล่จิกบรรดามุสลิมีนก็ตาม” (*2*)


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามอุฮุด

          ในขณะที่การสู้รบได้เริ่มขึ้น ด้วยพลังศรัทธาของบรรดามุสลิมพร้อมกับการวางแผนอย่างดีเยี่ยม จึงสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่กองกำลังของมุชริกีนทั้งๆที่มีจำนวนมากกว่า ทหารมุสลิมได้ทำให้พวกเขาต้องหนีกระเจิดกระเจิงจากสมรภูมิ แต่แล้วก็เกิดเรื่องที่ท่านเราะซูล ได้เตือนเอาไว้แล้ว ขณะที่บรรดานักแม่นธนูเห็นชัยชนะของฝ่ายมุสลิม และกองกำลังของมุชริกีนกำลังเผ่นหนี พวกเขาใช้ความเห็นส่วนตัวลงจากที่มั่นเพื่อร่วมเก็บทรัพย์สงครามนั้น  ทั้งๆที่ผู้นำ คือ อับดุลลอฮ์ ได้ห้ามปรามและเตือนถึงอันตรายของการกระทำเช่นนั้น และย้ำเตือนคำสั่งของท่านเราะซูล ที่ให้ไว้ แต่พวกเขาได้ขัดคำสั่งและลงจากที่มั่น โดยเหลือไม่ถึงสิบคนที่อยู่กับผู้นำ

          ผลจากการฝ่าฝืนของทหารแม่นธนูส่งผลให้ทิศทางของสงครามเปลี่ยนไป  ในขณะที่ คอลิด บิน วะลีด ซึ่งอยู่ทางปีกขวาของกองกำลังฝ่ายกุเรช ได้เห็นบรรดานักแม่นธนูลงจากเนินเขา จึงรีบเคลื่อนกำลังอ้อมไปทางด้านหลังของภูเขาอุฮุดทันที และนำกองกำลังเข้าสังหารนักแม่นธนูที่ยังเหลืออยู่จนตายหมดสิ้น และจู่โจมกองทัพมุสลิมทางด้านหลัง เมื่อกลุ่มมุชริกีนที่ยังเหลืออยู่ได้เห็นสิ่งที่คอลิดกระทำ พวกเขาจึงกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กองทัพมุสลิมตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย กองทัพมุชริกีนจึงบุกอย่างหนัก มุสลิมถูกสังหารตายซะฮีดไปถึง 70 คน ท่านเราะซูล ถูกบุกจนมีบาดแผล ฟันหน้าหัก  และมีเสียงดังออกมาว่าท่านนะบี ถูกสังหารเสียแล้ว ทำให้มุสลิมบางส่วนเสียขวัญหมดกำลังใจ แม้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดก็ตาม บรรดามุสลิมที่อยู่ในเหตุการณ์ยังคงสู้รบต่อไปจนกระทั่งเป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ยังมีชีวิตอยู่ พวกมุชริกีนจึงยุติการรบเมื่อพวกเขาได้รับชัยชนะ  พร้อมกับคำพูดของผู้นำทัพ อบูซุฟยานได้พูดจาถากถางมุสลิม แลัวขู่อีกว่าจะมาอีกในปีหน้า

          ท่านเราะซูล จึงใช้ให้ศอฮาบะฮ์ประกาศตอบไปว่า : “ใช่แล้ว นัดหมายของเราคือปีหน้า”

          ท่านเราะซูล ยังคงอยู่ในบริเวณสมรภูมิ และได้สั่งให้ซอฮาบะฮ์ตรวจสอบดูว่าพวกกุเรชกลับมักกะฮ์ หมดหรือยัง หรือว่าพวกเขาต้องการจะเข้าโจมตีมะดีนะฮ์  และท่านได้กล่าวว่า :
 
          (( والذِي نَفْسِييْ بِيَدِهِ لَئِنْ أَرَادُوهَا لأَسِيْرَنَّ إِلَيْهِمْ فِيْهَا ثُمَّ لأنَاجِزَنَّهُمْ ))

          “ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า แน่นอน หากพวกเขาต้องการเข้ามะดีนะฮ์ ฉันจะไปยังพวกเขาอย่างทันทีและจะทำการกวาดล้างพวกเขาให้สิ้นซาก”    

          เมื่อท่านมั่นใจแล้วว่าพวกนั้นกลับไปมักกะฮ์แล้ว จึงเริ่มตรวจสอบผู้ที่ถูกสังหารในสมรภูมินี้ แล้วทำการละหมาดและฝังพวกเขาแล้วเดินทางกลับเข้านครมะดีนะฮ์  ก่อนที่พวกกุเรชจะกลับถึงมักกะฮ์ ดูเหมือนพวกเขาจะเสียดายที่กลับไปโดยมิได้จัดการกับบรรดามุสลิมให้สิ้นซาก พวกเขาจึงอยากจะกลับมาจัดการกับกองกำลังมุสลิมที่เหลือ  เมื่อท่านนะบี ทราบเรื่องจึงได้ออกคำสั่งให้บรรดาศอฮาบะฮ์ที่ได้ออกไปร่วมรบกับท่านในสงครามอุฮุด ให้ออกไปเผชิญหน้ากับพวกมุชริกีน

อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงได้ประทานคำตรัสของพระองค์ที่ว่า :

           “คือบรรดาผู้ที่ตอบรับอัลลอฮ์ และผู้เป็นเราะซูล หลังจากที่บาดแผลได้ประสบแก่พวกเขา สำหรับผู้กระทำดีในหมู่พวกเขาและมีความยำเกรงนั้น คือรางวัลอันใหญ่หลวง”  

(อาละอิมรอน 3 : 172)


บทเรียนและข้อคิดจากสมรภูมิอุฮุด

          การทดสอบที่บรรดามุสลิมได้รับในสมรภูมิอุฮุด นับว่าเป็นบทเรียนและข้อคิดที่เป็นประโยชน์ยิ่งกว่าสมรภูใดๆ ในขณะนั้นและตลอดไป  อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงประทานลงมาถึง 61 อายะฮ์ ด้วยกัน ในซูเราะฮ์ อาละอิมรอนเพียงซูเราะฮ์ เดียว มีข้อคิดต่าง ๆ และได้ทรงแจกแจงเหตุผลต่างๆถึงสิ่งที่มุสลิมต้องได้รับในสมรภูมินี้ คือ


1. เป็นการคัดกรองกองกำลัง

          สมรภูมินี้ได้แยกแยะระหว่างมุมินีนที่แท้จริง ออกจากผู้ที่กลับกลอก เพราะมุมินจะมั่นคงอยู่กับสถานการณ์ที่คับขัน และตั้งมั่นอยู่บนความศรัทธาจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ศอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้พูดสั่งเสียขณะที่เขาหายใจโรยรินว่า : “ขอท่านจงบอกกับพวกของฉัน (ชาวอันศ็อร)  ด้วยว่า ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆสำหรับพวกท่าน หากเขาไม่ช่วยกันปกป้องท่านเราะซูลุลลอฮ์ ขณะที่ในหมู่พวกท่านยังมีดวงตาข้างหนึ่งกระพริบได้อยู่” ปรากฏว่าผู้ที่อยู่รอบ ๆ ท่านเราะซูล ได้ปกป้องท่านจนกระทั่งพวกเขาได้ถูกสังหารไปถึง 10 คน  ส่วนด้านกลุ่มมุนาฟิกีนนั้น พวกเขารู้สึกยินดีมากกับสิ่งที่ประสบกับบรรดาผู้ศรัทธา  และได้แสดงความเครียดแค้น ความอิจฉาริษยาที่เก็บซ่อนไว้ในใจของพวกเขาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง จึงทำให้ธาตุแท้ได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน (*3*)                              


2. การเตือนบรรดามุมินด้วยกับบทเรียนภาคปฏิบัติ

          บรรดามุมินได้เห็นถึงความสำคัญของความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และเราะซูล ของพระองค์ ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และเราะซูล ของพระองค์ ตลอดจนการเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำมุสลิม :

           “และเมื่อมีภัยอันตรายหนึ่งประสบแก่พวกเจ้า ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้ให้ประสบแก่พวกเขามาแล้วถึงสองเท่าแห่งภัยอันตรายนั้น พวกเจ้ายังกล่าวว่า สิ่งนี้มาจากไหนกระนั้นหรือ ? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า มันมาจากตัวของพวกท่านเอง แท้จริง อัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง” 

(อาละอิมรอน 3 : 165)


3. เป้าหมายการทำสงครามเพื่อยืนหยัดในศาสนาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

          เตือนให้บรรดาผู้ศรัทธาได้ทราบว่า เป้าหมายของการทำสงครามและการเสียสละ จำเป็นจะต้องเป็นไปเพื่อยืนหยัดสนับสนุนศาสนาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แม้การสูญเสียท่านเราะซูล หรือ ผู้นำ ก็จะไม่ทำให้พวกเขาหันเหไปจากเดิมหรือหมดกำลังใจลงได้ 

 


4 . การตายในหนทางของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่

          “และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อื่นใดไม่ นอกจากเป็นร่อซูลคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดาเราะซูลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว หากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าตาย พวกเจ้าก็จะหันส้นเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่หันส้นเท้าของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์ แต่อย่างใดเลย และอัลลอฮ์ จะทรงตอบแทนผู้ที่กตัญญูทั้งหลาย”

 (อาละอิมรอน 3 : 144)

 

          อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงประทานเกียรตินั้นให้กับบรรดาผู้ที่ตายชะฮีด เท่านั้น ซึ่งจะต่างกับผู้ที่ตายประเภทอื่นโดยทั่วๆไป

          และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในหนทางของอัลลอฮ์ นั้นตาย หามิได้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ

          พวกเขามีความปลาบปลื้มต่อสิ่งที่อัลลอฮฺ ทรงประทานให้แก่พวกเขา จากความกรุณาของพระองค์ และปิติยินดีต่อบรรดาผู้ที่ยังมาไม่ทันพวกเขา ซึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเขาว่า ไม่มีความกลัวใด ๆ แก่พวกเขาและทั้งพวกเขาจะไม่เสียใจ”  

           (อาละอิมรอน  3 : 169-170)


5. มุสลิมได้รับความพ่ายแพ้เหมือนกับผู้อื่นได้

          มุสลิมอาจจะได้รับกับความผ่ายแพ้เหมือนกับผู้อื่นได้ ถ้าเขาไม่หาสาเหตุต่างๆ และมีการวางแผนที่ดี

          “หากประสบแก่พวกเจ้าซึ่งบาดแผลหนึ่งบาดแผลใด แน่นอนก็ย่อมประสบแก่พวกนั้นซึ่งบาดแผลเยี่ยงเดียวกัน และบรรดาวันเหล่านั้นเรา (อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ) ได้ให้มันหมุนเวียนไปในระหว่างมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮ์ จะได้รับรู้ถึงบรรดาผู้ที่ศรัทธา และเพื่อรับเอาบรรดาผู้เสียชีวิตในสงคราม (ชุฮะดาอ์) จากพวกเขา และอัลลอฮ์ นั้นไม่ทรงรักใคร่บรรดาผู้อธรรมทั้งหลาย” 

(อาละอิมรอน 3 : 140)


6 . บทเรียนต่าง ๆ ที่ได้รับจากสมรภูมิอุฮุด

          จะเป็นการยืดเยื้อมากในการที่จะพูดถึงบทเรียนต่าง ๆ ที่ได้รับจากสมรภูมิอุฮุด ซึ่งแท้จริงแล้ว อิบนุล กอยยิม –ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ได้บอกไว้บางส่วนอย่างละเอียดอยู่ในหนังสือ ซาดุ้ลมะอ๊าด

 


 ...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด

 


 

  1. ซอฮี๊ฮฺ อัลบุคอรีย์ กิตาบุลอิอฺติศอมบิซซุนนะฮฺ บาบ เกาลุฮู ตะอาลา “วะอัมรุฮุมชูรอบัยนะฮุม” 28 ซีรอตุบนิฮิชาม 3/7
  2. ซอฮี๊ฮฺ อัลบุคอรีย์ : กิตาบ อัล มะฆอซีย์ บาบ ฆ็อซวะฮฺอุฮุด  “พวกเขาจึงได้รีบมาห้อมล้อมรอบตัวท่าน ท่านร่อซูล ไว้  ด้วยความกล้าหาญและมั่นคงของท่านร่อซูล ท่านได้ช่วยพาเอาบรรดามุสลิมีนหลบไปทางด้านภูเขาเพื่อลดการจู่โจมของพวกมุชริกีนได้สำเร็จ”
  3. เรื่องนี้มีมาจากรายงานของ สะอ์ด บิน อัรร่อบี๊อฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ อยู่ในหนังสือ ซีเราะฮฺ อิบนิ ฮิชาม เล่ม 3 หน้า 46 และอัซ ซะฮะบีย์ : ซีเราะฮฺ อะลามุนุบะลาอฺ เล่มหนึ่งหน้า 1/318 - 319 และมีอยู่ในรายงานของอนัส บิน นัฎรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เช่นเดียวกัน