เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในโลก
  จำนวนคนเข้าชม  11306

เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในโลก

โดย.....  อ.มาลิก  โยธาสมุทร

          บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์  ผู้เป็นพระเจ้าแห่งโลกทั้งผอง ผู้ทรงตรัสไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า

 

"เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอันไกลโพ้นและ ในตัวของพวกเขาเอง

จนกระทั่งจะเป็นประจักษ์แก่พวกเขาว่า อัลกุรอานนั้นเป็นความจริง ยังไม่พอเพียงอีกหรือ ที่พระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง "

(ฟุศซิลัต / 53 )

พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮ์  ทั้งหลาย

         จงเกรงกลัวอัลลอฮ์  เถิด จงสารภาพผิดกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ในความผิดที่เราท่านทั้งหลายได้ก่อขึ้น ก่อนที่การลงโทษจะมาประสบกับเราและท่านทั้งหลาย และพึงทราบเถิด สิ่งอันไม่พึงประสงค์ที่มาประสบกับผู้คนทั้งหลายนั้น ก็เนื่องมาจากบาป ความผิดที่พวกเราได้ก่อขึ้นมานั่นเอง

 ดังที่อัลลอฮ์  ตรัสว่า

 

 "การทำลาย  ได้เกิดขึ้นทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากสิ่งที่มือของมนุษย์ได้ขวนขวายไว้

เพื่อที่พระองค์จะให้พวกเขาลิ้มรสบางส่วนที่พวกเขาประกอบไว้ โดยที่หวังจะให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัว"

(อัรรูม / 41)

          ถูกแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ความอดอยากหิวโหย ภัยพิบัติ คลื่นยักษ์ อุทกภัย  ทั้งทางบกและทางทะเล หรือทางอากาศ ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากต่อมาก จนแทบนับไม่ถ้วน รวมทั้งสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์ การฉกชิงวิ่งราว การปล้นสดมภ์ ลักโขมย ฆ่าทำลายล้าง ฯลฯ เหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากการก่อกรรมทำเข็ญ และการก่อการละเมิดของมนุษย์ทั้งสิ้น

ดังที่อัลลอฮ์  ตรัสว่า

" และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้

และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว "

(อัชชูรอ / 30)

 "ในทำนองนั้นแหละเราจะให้บางส่วนของผู้อธรรมทั้งหลายเป็นสหายกับอีกบางส่วน  เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาขวนขวายกัน"

(อัลอันอาม / 129) 

          บาป ความผิดที่มาประสบกับเราในทุกวันนี้ ก็เกิดจากการละเมิด ฝ่าฝืนของเราเอง ดังเช่นการละทิ้งละหมาดฟัรฏู การกินดอกเบี้ย การกินสินบน การแต่งตัวอวดโฉมของเหล่าสตรี การละทิ้งหน้าที่ในการใช้กันให้ทำความดี ห้ามปรามกันมิให้ทำความชั่วช้า ลามกต่างๆ  ดังกล่าวนี้นับเป็นสาเหตุให้ได้รับการลงโทษทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น

ดังที่อัลลอฮ์  ตรัสว่า

"บรรดาผู้วางแผนชั่วร้ายทั้งหลายจะปลอดภัยกระนั้นหรือ จากการที่อัลลอฮ์จะทรงให้ธรณีสูบพวกเขา 

หรือการลงโทษที่จะมาหาพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว  หรือพระองค์จะทรงคร่าชีวิตพวกเขาขณะที่พวกเขาเดินทาง 

ดังนั้น พวกเขาจะไม่สามารถหักห้าม(พระองค์)ได้ "

 (อันนะฮ์ล / 45-46)

ผู้เป็นบ่าวของพระองค์ทั้งหลาย

          เราพิจารณาใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทีเกิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่า เราเปลี่ยนแปลงสภาพของเราที่เคยเลวร้ายให้มาเป็นดีบ้างหรือเปล่า ขณะที่เราต่างก็ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น ได้อ่านข่าวสารเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น และการลงโทษอย่างรุนแรง ที่ยังคงประสบกับพวกเรามามากมายเหลือเกิน ซึ่งเป็นผลมาจากการละเมิดฝ่าฝืน การกินของฮะรอม การละทิ้งละหมาด การหันเหออกห่างจากมัสยิด การทำสิ่งชั่วช้าน่ารังเกียจ จนกระทั่งสังคมเต็มไปด้วยผู้ที่กระทำชั่ว ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนา ในขณะที่พ่อบ้าน แม่บ้าน ตลอดจนเพื่อนบ้านและผู้ที่รู้เห็นการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือน ห้ามปราม หรือแสดงอาการไม่ยอมรับกับการกระทำดังกล่าว ทั้งๆที่ฮะดิษได้ระบุไว้ว่า

 

"แท้จริงคนเรานั้นถ้าเขาเห็นสิ่งที่ไม่ดีงาม ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบมาพากล แล้วเขาไม่จัดการแก้ไขปรับปรุงแล้วละก็

ใกล้เวลาเหลือเกินแล้ว ที่อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาทั้งหมด ได้รับการลงโทษจากพระองค์"

(บันทึกโดย อิบนุมาญะอ์)

          จะเห็นได้ว่าตามท้องถนน บ้านเรือนเต็มไปด้วยผู้คน แต่พอถึงเวลาละหมาด มัสญิดกับว่างเปล่า แทบจะหาคนมาละหมาดไม่พบ คนที่เดินมาละหมาดเมื่อเจอะเจอคนในครอบครัว ตลอดจนเพื่อนบ้านที่ไมไปละหมาดก็ทำเฉย มิได้แสดงกิริยาใดๆต่อพวกเหล่านั้น ที่มิได้ไปละหมาดที่มัสญิดกันบ้างเลย คนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ กับการทำหรือไม่ทำอะไรของใครนั้น นับว่าเป็นผู้ที่มีอิหม่านที่อ่อนแอมากที่สุด

ดังที่ท่านนะบี  กล่าวไว้ว่า

"ผู้ใดที่เห็นสิ่งไม่ดีงาม ก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยมือของเขา หากว่าเขาไม่สามารถ ก็ให้ใช้คำพูดของเขา

หากว่าเขาไม่สามารถอีก ก็ให้ใช้หัวใจของเขา และหลังจากนี้แล้ว ก็นับว่าไม่มีอิหม่านใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว แม้เท่าเมล็ดผัก"

 (บันทึกโดย มุสลิม)

         มีบางคนพูดว่าฉันปฏิเสธด้วยกับหัวใจของฉัน แม้ฉันมิได้พูดออกมาก็ตาม คำตอบ คือ การปฏิเสธด้วยหัวใจนั้น ยังไม่เพียงพอเท่ากับการปฏิเสธด้วยคำพูด ทั้งๆที่เขาสามารถจะพูดได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ปฏิเสธ"มุงกัง" ไม่ยอมรับด้วยหัวใจของเขา และยังไม่ละทิ้งการละเมิดฝ่าฝืนที่เกิดขึ้นในบ้านของเขาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกๆ หรือคนใกล้ชิดก็ตาม 

อัลลอฮ์  ตรัสว่า

 

 "เจ้า (มุฮัมมัด)จะไม่พบหมู่ชนใดที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก รักใคร่ชอบพอผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์  

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อของพวกเขา หรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม  

ชนเหล่านั้นอัลลอฮฺได้ทรงบันทึกการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขา และได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยการสนับสนุนพระองค์

และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์

โดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล  อัลลอฮฺทรงโปรดปรานต่อพวกเขาและพวกเขาก็ยินดีปรีดาต่อพระองค์

ชนเหล่านั้นคือพรรคของอัลลอฮฺ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงพรรคของอัลลอฮฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ" 

(อัลมุญาดะละฮ์ / 22) 

          อิหม่ามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ กล่าวว่า การอีหม่านจะอยู่รวมกับการรักใคร่ชอบพอบรรดาศัตรูของอัลลอฮ์  ไม่ได้เป็นอันขาด ห้ามมิให้มุมิน คบหาสมาคม หรือชอบพอ รักใคร่ สนิทสนม นิยมชมชอบ เชิดชูบรรดาผู้ปฏิเสธ(กุฟฟาร) และผู้กระทำผิด

          สำนวนของอายะฮ์มาในรูปแบบการบอกเล่า ที่เป็นการห้ามมิให้กระทำเช่นนั้น

 

ผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮ์  ทั้งหลาย

         จงพิจารณาถึงการลงโทษในโลกดุนยา หากจะเปรียบเทียบกับการลงโทษอันรุนแรงในโลกอาคิเราะฮ์แล้ว มันเล็กน้อยนัก เทียบกันมิได้เลย ดังที่อัลลอฮ์  ตรัสว่า

 

"และแน่นอน เราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันใกล้ (ในโลกนี้)  ก่อนการลงโทษอันยิ่งใหญ่ (ในปรโลก)

เพื่อว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด"

 (อัซซัจญะดะฮ์ / 21)

         

 ผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ทั้งหลาย จงเกรงกลัวอัลลอฮ์  เถิด และจงสารภาพผิดกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์  เถิด