กุฟร์ คือ ทรราช ผู้อกตัญญู
  จำนวนคนเข้าชม  7031

กุฟร์ คือ ทรราช

 

               ไม่ใช่แต่เพียงการปฏิเสธเท่านั้น กุฟรฺ มีอีกความหมายคือการเป็น"ทรราช"  และเป็นทรราชที่เลวที่สุดเสียด้วย  อะไรเล่าคือ “ทรราช” ทรราช คือการให้อำนาจในทางที่โหดร้ายและไม่ยุติธรรม   ถ้าท่านบังคับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้กระทำอย่างไม่ถูกต้อง  หรือให้กระทำสิ่งที่ขัดกับธรรมชาติของตัวมันเองแล้ว  สิ่งนั้นก็คือทรราช......เป็นทรราชเต็มตัวเลยทีเดียว

               เราได้เห็นมาแล้วว่าทุกสิ่งในจักรวาลนั้น ทำตามความประสงค์ของพระผู้อภิบาล พระผู้สร้าง  การยอมทำตามหรือดำรงชีวิตอยู่ตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และตามกฎของพระองค์ หรือจะพูดอย่างย่อๆในความเป็นมุสลิม คือ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮ์  และรอซูลของพระองค์ ในธรรมชาติที่แท้จริงพระผู้อภิบาลได้ให้อำนาจนั้นดำเนินตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น  แต่คนที่ไม่ยอมทำตามพระผู้เป็นเจ้า และเอนเอียงไปทางกุฟรฺนั้น เป็นผู้ซึ่งปฏิบัติผิดพลาดอย่างยิ่ง  (ไม่ถูกต้อง) 

เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้อำนาจทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ในการต่อต้านธรรมชาติ  และกลายเป็นเครื่องมืออันไม่ค่อยจะเต็มใจ  ของความดื้อดึงไม่เชื่อฟัง  เขาบังคับตัวเองให้ก้มศีรษะเพื่อสิ่งอื่นๆ นอกเหนือไปจากพระผู้อภิบาล และพยายามปลูกฝังความรักความเกรงกลัวอำนาจนั้นๆ โดยไม่แยแสต่อสภาพดั้งเดิมตามธรรมชาติในร่างกายของเขาเอง  ใช้อำนาจในตัวของเขานั้นกระทำการต่างๆ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของพระผู้อภิบาล  และสิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาเป็น “ทรราช” ซึ่งมีความไม่ถูกต้องและโหดร้าย  อะไรอีกเล่าที่จะชั่วร้ายไปกว่าไม่ความถูกต้อง ไม่ยุติธรรม อันเกิดขึ้นจากผู้ที่ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาตินั้นอย่างผิด โดยการท้าทายดูถูกธรรมชาติและความยุติธรรม

              กุฟรฺนั้นไม่ใช่แต่เพียงเป็นทรราชเท่านั้น  ยังจะเป็นผู้คิดอกตัญญูและไม่ซื่อสัตย์อีกด้วย  อะไรเล่าที่จะเป็นความจริงแท้ของมนุษย์ ?  อำนาจและความสามารถของมนุษย์คืออะไร ?  มนุษย์เราเป็นผู้สร้าง ชีวิต จิตใจ สมอง วิญญาณและส่วนต่างๆ ของร่างกายตัวเองกระนั้นหรือ ?  หรือพระผู้อภิบาลเป็นผู้ทรงสร้างมันขึ้นมา  มนุษย์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล  หรือว่าพระผู้อภิบาลเป็นผู้สร้าง ?  และใครเล่าที่ใช้อำนาจและกำลังเพื่อเป็นผลประโยชน์ให้แก่มนุษย์  มนุษย์เองหรือพระผู้อภิบาล ?  ถ้าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาแต่ลำพังพระองค์เดียว แล้วสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะเป็นของใครได้เล่า ? ใครที่สมควรเป็นเจ้าของที่แท้จริง?  ใครที่สมควรจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอย่างถูกต้อง ? 

         ถ้าพูดกันตามจริงแล้วผู้ที่มีสิทธิและอำนาจอย่างแท้จริงก็คือพระผู้อภิบาลองค์เดียวเท่านั้น  ไม่มีใครอื่น  ถ้าพระผู้อภิบาลเป็นผู้สร้าง  เป็นนาย  เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดแล้ว  ผู้ใดอีกเล่าที่จะทรยศยิ่งไปกว่าผู้ที่คิดต่อต้านพระองค์  ถ้าคนใช้ทรยศต่อนายเราก็เรียกว่าเป็นผู้ไม่มีความสัตย์ชื่อ  ถ้าทหารไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติเราก็กล่าวว่าเขาเป็นคนทรยศขบถต่อชาติ  ถ้าผู้ใดหลอกลวงผู้มีพระคุณเราก็ไม่ลังเลที่จะประณามเขาว่าเป็นคนอกตัญญู ส่วนการทรยศอกตัญญูต่อต้านพระผู้อภิบาล  อย่างเช่นผู้ที่ไม่เชื่อถือความจริงที่ปรากฏอยู่นั้นจะเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้เล่า ! 

นอกจากนั้นใครเล่าจะเป็นต้นกำลังและอำนาจ  ใครเล่าเป็นผู้ออกคำสั่งเหนือทุกๆ สิ่ง  ใครเล่าที่ยกฐานะของมนุษย์ขึ้นสู่ความมีกำลัง  และความมีอำนาจ ทุกๆสิ่งซึ่งมนุษย์มีใช้เป็นสิ่งซึ่งเขาได้รับมาจากพระผู้อภิบาลทั้งสิ้น  หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์มีนั้นคือหนี้ที่มีต่อผู้ให้กำเนิด  แล้วใครเล่าที่ปลูกฝังความรักบุตรให้เกิดขึ้นในใจของบิดามารดา ใครเล่าได้มอบความปรารถนาที่จะโอบอุ้มปกป้องเลี้ยงดูบุตรให้เกิดขึ้นในใจของมารดา ?   ใครเล่าที่ดลใจบิดามารดาให้ยอมมอบและสละทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อความเจริญรุ่งเรื่องของบุตร ? 

เพียงแต่รองคิดดูนิดเดียวเท่านั้นก็จะได้รู้ว่าผู้นั้นคือพระผู้อุปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์  พระองค์เป็นผู้สร้าง  ผู้คุ้มครอง  ผู้อภิบาล  ผู้ให้  และเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล  เมื่อพระองค์มีบุญคุณต่อมนุษย์เช่นนี้แล้ว  จะมีสิ่งใดอีกเล่าที่จะเลวร้ายไปกกว่าการทรยศ  อกตัญญู  ของกุฟรฺ  ซึ่งทำให้มนุษย์ไม่ยอมรับและขัดขืนแม้กระทั่งผู้ที่พระคุณสูงสุดของตนเอง
 
             แต่อย่าคิดเลยว่า  การที่มนุษย์เป็นกุฟรฺ(ผู้ปฏิเสธ)นั้นจะสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อพระผู้อภิบาลได้  เปล่าเลย !  ไม่สามารถเป็นภัยต่อพระองค์เลยแม้แต่น้อย มนุษย์เราเป็นเพียงจุดเล็กๆที่ปรากฏขึ้นบนโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาจักรวาลเท่านั้น เหตุใดเล่า - มนุษย์จะสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อพระผู้สร้างจักรวาลได้  จักรภพของพระองค์นั้นกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด  จนกระทั่งเราไม่สามารถที่จะสำรวจอาณาเขตได้  แม้จะใช้กล้องโทรทรรศน์ที่วิเศษเพียงใด 

อำนาจของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ เพียงแต่คำสั่งของพระองค์เท่านั้น ดวงดาวน้อยใหญ่ในจักรวาลนับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านดวง รวมทั้งโลก  ดวงอาทิตย์   และดวงจันทร์ ต้องหมุนคว้างอยู่รอบๆเหมือนกับลูกบอลเล็กๆ สมบัติของพระองค์มากมายไม่มีขอบเขต  พระองค์เป็นนายคนเดียวของจักรวาล  พระองค์เป็นผู้จัดหาทุกสิ่ง  และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใดเลย  การที่มนุษย์ทรยศต่อพระองค์นั้น  ไม่เคยเป็นภัยต่อพระองค์  ตรงกันข้าม  โดยการไม่เชื่อฟังของมนุษย์เอง  เขาจะต้องก้าวย่ำลงไปในทางของความเสื่อม  และหายนะ

               ผลที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ของการทรยศและการปฏิเสธความจริงคือ  การประสบความล้มเหลวในอุดมการณ์ที่สูงสุดของชีวิต  การทรยศจะไม่มีวันแสวงหาความรู้ที่แท้จริงได้พบเลย อีกทั้งจะไม่สามารถพบความสว่างทางปัญญา  เพราะความรู้ใดก็ตามที่ไม่อาจให้ความกระจ่างแม้แต่เรื่องพระผู้ให้กำเนิดได้นั้น  จะเปิดเผยความจริงได้อย่างไร  ความสามารถและเหตุผลของผู้ทรยศจะหันเหไปในทางที่ผิด มีสิ่งที่บดบัง  ความรู้จักผู้สร้างนั้นไม่อาจจะส่องทางชีวิตของเขาได้  คนเช่นนั้นจะประสบแต่ความล้มเหลวในชีวิต ทั้งจรรยามารยาท ทั้งทางสังคม ในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวเองและครอบครัวหรือจะพูดสั้นๆ ก็คือชีวิตของเขาทั้งชีวิตจะแปรปรวน นอกจากนั้นเขายังแผ่ความโกลาหลไปยังผู้อื่นด้วย 

เขาจะไม่ละอายแม้แต่น้อยในการใช้วิธีรุนแรงก่อกวนสิทธิของผู้อื่น ใช้ความคิดและความทะเยอทะยานอย่างผิดๆ สายตาที่พล่ามัว  และคุณธรรมที่ถูกบิดเบือน  การกระทำที่ถูกอิทธิพลชั่วร้ายครอบงำอยู่นั้น  จะทำให้ชีวิตของเขาและทุกๆ คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นมีแต่ความขมขื่น  ชีวิตของเขาจะเป็นชีวิตที่แบกไว้ด้วยความผิดทั้งมวลที่ได้กระทำไว้ 

ทุกส่วนในร่างกายของเขาคือ สมอง ตา จมูก มือ และเท้า  ก็จะร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้ปฏิบัติไว้อย่างโหดร้าย  และไม่ยุติธรรม  ทุกๆ ส่วนที่ประกอบเป็นชีวิตของเขาจะฟ้องร้องต่อพระผู้อภิบาล  ผู้ซึ่งเป็นหลักของความยุติธรรม พระองค์จะลงโทษเขาอย่างรุนแรงที่สุด  ให้สาสมกับความผิดที่เขาสมควรจะได้รับ  นี่แหละคือผลเสื่อมที่พวก กุฟรฺ จะได้รับ  การกุฟ รฺ จะนำไปสู่ความมืดมนและความผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง  ทั้งในโลกนี้  และโลกหน้า

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”