มนุษย์ และ นะบี เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
  จำนวนคนเข้าชม  7419

           

 

มนุษย์ และ นะบี เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

แปลและเรียบเรียง  “จินตนา”


          ขณะนี้ขอให้เราหันมาสนใจกับ  เรื่องราวของความเป็นนะบี ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ?  และทำอย่างไรจึงได้ขยายตัวออกทีละน้อยๆ จนในที่สุดบรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งความเป็นนะบี ในสมัยของนะบีมุฮัมมัด 
             

 

           มนุษย์ชาตินั้นเกิดขึ้นจากมนุษย์คนแรกคือ "อาดัม"  จากอาดัมนี่เองที่ครอบครัวมนุษย์ได้เจริญเติบโตขึ้นและมนุษยชาติได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น  มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คู่แรก  คือ อาดัมและฮาวา (อีฟ) ทั้งทางประวัติศาสตร์และทางศาสนาต่างยอมรับความจริงข้อนี้   และจากการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกำเนิดของมนุษย์ ได้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ไม่ได้เกิดมาจากเผ่าพันธุ์ต่างกัน  นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากคาดการณ์ว่ามีมนุษย์คนหนึ่งเกิดขึ้นมาก่อน และเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายได้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ผู้นั้น
              

          “อาดัม” มนุษย์คนแรกในโลกก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนะบีท่านแรกของพระผู้เป็นเจ้า เช่นกัน  พระองค์ได้ทรงประทานศาสนาอิสลามของพระองค์ให้แก่อาดัม  และสั่งให้อาดัมนำหลักศาสนาไปเผยแผ่แก่ผู้สืบเชื้อสาย โดยให้สั่งสอนว่าอัลลอฮ์เป็นพระเจ้าองค์เดียว  พระองค์เป็นผู้สร้างผู้ปกปักษ์รักษาโลก  พระองค์เป็นใหญ่ในจักรวาล  และพระองค์เท่านั้นควรเป็นที่เคารพภักดีและปฏิบัติตาม  แล้ววันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปหาพระองค์  พระองค์เท่านั้นที่เขาจะวิงวอนขอความช่วยเหลือ  เขาควรดำรงชีวิตอยู่ด้วยความดี-เคร่งครัดในศาสนา  และปฏิบัติในทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า  ถ้าเขาปฏิบัติตามนั้นแล้วพระองค์จะทรงมีรางวัลตอบแทน  แต่ถ้าหากเขาหันเหไปจากทางของพระองค์และไม่ยอมปฏิบัติตามพระองค์แล้ว เขาก็จะเป็นผู้ที่ขาดทุน  และต่อจากนั้นไปเขาจะถูกลงโทษในฐานะที่ไม่ศรัทธาและดื้อดึง
             

 

           ผู้สืบเชื้อสายของอาดัมซึ่งเป็นคนดีได้ปฏิบัติตามที่อาดัมได้ชี้แนะไว้  แต่พวกที่ชั่วร้ายไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของบิดาค่อยๆ หันเหไปในทางที่ชั่ว  บางคนเริ่มบูชาดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  และดวงดาว  บ้างก็บูชาต้นไม้  สัตว์และแม่น้ำ  บางกลุ่มก็เชื่อว่าอากาศ น้ำ ไฟ  สุขภาพที่สมบูรณ์  ความดีงามและกำลังต่างๆ ของธรรมชาตินั้นต่างก็อยู่ในความคุ้มครองของเทพเจ้าต่างๆ กัน  และทางที่จะเอาใจเทพเจ้าเหล่านั้นก็คือ การบูชา และโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงได้เกิดศรัทธาต่างๆ ขึ้นมามากมาย  อันได้แก่การบูชาพระเจ้าหลายองค์  และการบูชารูปเคารพ  นอกจากนั้นยังได้เกิดศาสนาต่างๆ ขึ้นอีกมากมาย

 

          ยุคนี้เองเป็นยุคที่เชื้อสายของอาดัมได้แผ่กระจายไปทั่วโลก  ได้จัดตั้งเผ่าพันธุ์และชาติต่างๆขึ้นมากมาย  และแต่ละชาติก็ได้ตั้งลัทธิศาสนาของตน  มีรูปแบบและวิธีการปฏิบัติทางศาสนาของตนเอง  มนุษย์เหล่านั้นต่างพากันหลงลืมพระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นใหญ่และเป็นผู้สร้างมนุษย์และจักรวาลจนหมดสิ้น  ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้นเชื้อสายของอาดัมยังลืมแม้กระทั่งทางดำเนินชีวิตซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเปิดเผย  โดยให้ทราบแต่เพียงแนวทางที่บรรพบุรุษได้สั่งสอนไว้  มนุษย์เหล่านั้นได้ทำตามอำนาจฝ่ายต่ำของตนเอง   ประเพณีที่ไม่ดีงามทุกชนิดได้เพิ่มมากขึ้นและเป็นบ่อเกิดแห่งอวิชา ซึ่งได้แผ่ปกคลุมไปทั่ว พวกเขามองเห็นความชั่วเป็นความดี  และไม่ใช่แต่เพียงละเลยการกระทำดีเท่านั้น  เขายังมองความดีกลายเป็นความชั่วอีกด้วย

 

           ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าจึงเริ่มเลือกนะบีจากกลุ่มชนทุกๆกลุ่ม เพื่อให้ได้เผยแผ่ระบอบอิสลามให้แก่ชนเหล่านั้น  นะบีแต่ละท่านได้กล่าวย้ำและฟื้นฟูคำสอนที่มนุษย์หลงลืมละเลยไป  ท่านนะบีได้สอนให้รู้จักเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า และให้ยุติการบูชารูปเคารพและการชิรฺก  กล่าวคือ  การบูชาเทพเจ้าอื่นๆนอกจากอัลลอฮ์  ให้ละทิ้งประเพณีที่โง่เขลา  สั่งสอนให้มวลมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ในทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า  ให้ได้รู้กฎของกการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนในสังคม

 

          นะบีที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า  ได้รับเลือกขึ้นในทุกๆ ประเทศในทุกๆ ดินแดนและกลุ่มชน  นะบีทั้งหลายยึดถือศาสนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น  และศาสนานั้นก็คือ “อิสลาม”  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการสั่งสอน  และประมวลคำสอนของนะบีแต่ละท่านจะแตกต่างกันไปบ้างตามความเหมาะสม  ความต้องการและสภาพของขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชน  คำสอนแต่ละแบบเป็นผลสืบเนื่องมาจากความชั่วร้ายที่นะบีได้พบประสบอยู่  และพยายามที่จะกำจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป  วิธีการที่จะปฏิรูปสังคมของแต่ละท่านก็ย่อมแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม   เพื่อที่จะให้สามารถต่อต้านความคิดเห็นของชนแต่ละกลุ่มได้ 

 

          ถ้าสังคมมนุษย์ยังอยู่ในลักษณะที่ป่าเถื่อน  อยู่ในระยะแรกของความเจริญและวิวัฒนาการทางสติปัญญา  กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็คงต้องเป็นเพียงกฎง่ายๆ  วิวัฒนาการและกฎเกณฑ์ต่างๆ จะได้รับการขยายและปรับปรุงให้ดีขึ้น  ต่อเมื่อสังคมนั้นขยายใหญ่ขึ้นหรือก้าวหน้าขึ้น  อย่างไรก็ตามความแตกต่างเพียงดูเหมือนว่าแตกต่างแต่มันเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น  พื้นฐานแห่งการสั่งสอนของศาสนาทุกศาสนานั้น  ก็เป็นแบบเดียวกันคือให้เชื่อมั่นในความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า  ให้ยึดมั่นอยู่กับชีวิตที่ทรงคุณธรรมในทางศาสนา  ความดี  ความสันติ ให้เชื่อถือชีวิตอีกชีวิตหนึ่งภายหลังความตายและความเที่ยงแท้ แห่งการได้รับรางวัล และ การถูกลงโทษ

 

 

จากหนังสือ “มาเข้าใจ ‘อิสลาม’ กันเถิด”