ความตายกับสุสาน
  จำนวนคนเข้าชม  6883

 

 

ความตายกับสุสาน


โดย อะห์หมัด  พ่วงสุข


          ความตาย คือ สัจธรรมที่มนุษย์ทุกคนจะต้องก้าวไปพบเผชิญหน้าไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยง  ไม่อาจมีใครรอดพ้นได้ อัลลอฮ์   ทรงมีมหาดำรัสว่า

كل نفس ذائقة الموت وانما توفون اجوركم يوم القيامة فمن زحزح عن النار وادخل الجنة فقد فاز وما الحياة الدنيا الا متاع الغرور   
 
“ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย   ความจริงพวกเจ้าทุกคนจะถูกตอบแทนให้โดยครบสมบูรณ์ในวันพิพากษา    

ฉะนั้นบุคคลใดถูกให้ดิ้นรนจนหลุดพ้นจากนรกอเวจี   และได้เข้าสวรรค์   แท้จริงผู้นั้นคือผู้ที่ไดรับชัยชนะ  

ชีวิตในโลกนี้หาใช่อื่นใดไม่ เว้นแต่เป็นเพียงความสุขอันจอมปลอม”

พระองค์อัลลอฮ์  ทรงฝากท่านบรมศาสดาบอกแก่พวกเราว่า
 

يا ابن آدم لا تغتر بشبابك فكم من شاب سبقك إلى الموت
يا ابن آدم لا تفرح بدنياك فلست بمخلد
يا ابن آدم استح مني عند معصيتي أستح منك فلا أعوذ بك
 

       ความว่า

โอ้ลูกหลานอาดัม อย่าหลงงมงายกับความหนุ่มแน่นมีมากเท่าใดที่คนหนุ่มกว่าพวกเจ้าตายไปก่อนหน้า

โอ้ลูกหลานอาดัมอย่าหลงระเริงกับโลกีย์นี้ พวกเจ้าไม่ได้ถูกสร้างให้เป็นอมตะ

โอ้ลูกหลานอาดัมจงละอายต่อฉันบ้างเมื่อทำชั่วต่อฉัน ฉันจะได้ละอายพวกเจ้าบ้างและไม่ลงโทษพวกเจ้า

          เป้าหมายสูงสุดของการใช้ชีวิตในดุนยา คือการตระเตรียมสรรพเสบียงแห่งคุณงามความดี จงรีบตื่นจากความหลงใหลในดุนยาก่อนที่ความตายจะมาเผชิญแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจ ซึ่งภาษาอาหรับเรียกว่า سوءالعاقبة คือการจบชีวิตอย่างน่าอนาถ มนุษย์เราทุกคนจะถูกให้ฟื้นคืนชีพมาในสภาพการที่เขาเคยเป็นก่อนที่จะตาย กล่าวคือถ้าทำดีก่อนตายย่อมได้พบเจอสิ่งดีๆแต่ถ้าทำกลับกัน ก่อนตายทำแต่ความชั่วผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน

          ความตายคือการย้ายสภาวะความไม่จีรังไปสู่สภาวะการรอคอยความจีรัง คือเมื่อหลังจากฟื้นก็จะต้องไม่มีความตายอีก ฉะนั้นเราจะต้องตักตวงกอบโกยช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และชาญฉลาดมากสุดเท่าที่จะทำได้        

ท่านบรมศาสดาทรงมีวจนะว่า

“ไม่มีวันหรอกจากวันใดๆที่เมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงขึ้นเว้นแต่มันจะป่าวร้องว่า

โอ้ลูกหลานอาดัม ฉันคือวันใหม่ ฉันเป็นพยานพฤติกรรมพวกท่าน จงกอบโกยจากตัวฉัน

เพราะฉันจะมิหวนคืนกลับมาอีกจนวันกิยามะห์"

 

          แต่เหตุเพราะความดีการเป็นบ่าวที่ดีไม่อยู่ในวิสัยที่มนุษย์จะผูกขาดเอาไว้ จึงต้องวอนขอกับพระผู้เป้นเจ้าให้ทรงโปรดเอื้ออำนวยการให้เราได้เป็นคนดีและทำดีด้วยท่านบรมศาสดาทรงมีพจนารถว่า

"เมื่ออัลลอฮ์ทรงปรารถนาดีแก่บ่าวคนใดพระองค์จะทรงใช้งานเขา

หลังจากมนุษย์ข้ามผ่านพ้นความตายมาเรียบร้อยสิ่งที่ต้องประสบพบเจอเป็นลำดับถัดไปคือ

หลุมสุสานที่จะใช้ฝังสังขารของตนไปจวบจนวันแห่งการชำระบัญชี"

 

         ท่านนบีมูฮัมมัดได้บอกเล่าไว้ว่า เมื่อศพถูกวางใส่โลงและผู้แบกหามยกขึ้นบ่า หากศพนั้นเป็นคนดีก็จะกล่าวว่า “จงเอาฉันขึ้นแซงหน้า”

         แต่หากศพนั้นเป็นคนชั่วช้าก็จะกล่าวว่า “หายนะแล้วจะเอาไปไหนกัน” ทุกสรรพสิ่งได้ยินเสียงของศพยกเว้นมนุษย์เพราะหากมนุษย์ได้ยินก็จะหมดสติ

 

         ท่านพี่น้องที่รักทุกท่านเมื่อศพถูกนำไปยังสุสานจะมีเพียง ๓ ประการที่ติดตามศพไป ๓ประการนั้นก็คือ ครอบครัว ทร้พย์สิน ผลกรรมที่ทำไว้ สองสิ่งจะกลับคงเหลือเพียงสิ่งเดียว สองสิ่งที่กลับคือ ครอบครัวและทรัพย์สิน เหลือไว้เพียงผลกรรมส่วนตัว ฉะนั้นผู้ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ควรขอพรให้ศพมากๆ เพราะเป็นกิจสุนัต

          สุดทายนี้ขอฝากโอการหนึ่งจากซูเราะห์ยาซีน ซึ่งเป็นซูเราะห์ที่ฉายภาพเรื่องความตายและฟื้นคืนชีพได้อย่างชัดเจนซูเราะห์หนึ่ง จึงมีสุนัตให้อ่านซูเราะฮ์นี้ในทุกบรรยากาศที่เกี่ยวโยงกับความตายอัลลอฮ์ ทรงมีดำรัสว่า

اوام ير ا لإ نسا ن انا خلقنا ه من نطفة فإ ذ هو خصين مبين

"มนุษย์มิใด้มองเห็นหรอกหรือว่า แท้จริงเราได้ สร้างเขามาจากน้ำเชื้อเพียงหยดเดียว

แต่ ณ บัดนี้ เวลานี้ เดี๋ยวนี้ เขากลับมาเป็นผู้กำเริบ ฮึกเหิมเสียแล้ว"

 

http://www.miftahbandon.org/