เด็กปอเนาะในยุคปัจจุบัน
  จำนวนคนเข้าชม  17420

  

เด็กปอเนาะในยุคปัจจุบัน


อับดุลลาตีฟ บินมูฮำหมัดซอและห์


ด้วยพระนามของอัลเลาะห์  ผู้ทรงกรุณาเมตตาปราณีเสมอ


“จงอ่านด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสร้าง  ทรงสร้างมนุษย์มาจากก้อนเลือด  

จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงมีเกียรติยิ่ง   ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้”

(อัล-อะลัก 96/1-5)


          โรงเรียนสอนศาสนา   หรือที่ผู้หลักผู้ใหญ่เรียกขานกันในนาม “ปอเนาะ”  คือรากเหง้าของการเรียนรู้เรื่องราวของศาสนาในประเทศไทย สังคมมุสลิมจะรู้ว่า ปอเนาะ คือแหล่งค้นคว้าหาวิชาความรู้ทางศาสนาอย่างแท้จริง   จึงได้พร้อมใจกันส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาหาความรู้ทางศาสนาเหมือนดังที่ผ่านมาในอดีต    

การศึกษาในระบบปอเนาะจึงไม่ใช่เหตุผลอื่นใด   เพียงเพื่อให้ลูกหลานได้รู้จักการประคับประคองชีวิตให้อยู่ในระบบศาสนา   และเป็นการเติมเต็มในหัวใจของลูกหลานให้ศรัทธาในอัลเลาะห์  พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงรอบรู้   นั้นคือเป้าหมายหลักของการศึกษาในระบบปอเนาะ

 
         ในอดีตที่ผ่านมาโรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ คือเป้าหมายหลักและเป้าหมายแรกที่ผู้ปกครองจะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาหาความรู้     แต่ ณ ปัจจุบันกลับอยู่ในทางตรงกันข้าม  แนวความคิดหรืออุดมคติกลับเดินสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ คือเป้าหมายสุดท้ายและท้ายที่สุดของคนในสังคมที่จะตัดสินใจส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาในระบบปอเนาะ 

บางครอบครัวที่มีลูกหลานหลายคน  ความสามารถทางสมองหรือ IQ แตกต่างกัน ผู้ปกครองจะสนับสนุนลูกหลานคนที่เรียนดีเรียนเก่ง มีมารยาทเรียบร้อย  ให้มีการศึกษาทางด้านสามัญเรียนวิศวะ ,สถาปนิก ,แพทย์ พยาบาล ,เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม  มีเงินเดือนสูงๆ   ส่วนลูกหลานที่เกเร  มารยาทไม่ค่อยดี เรียนไม่ค่อยได้ มีแนวโน้มว่าอยู่ในกลุ่มเสียงเรื่องสิ่งเสพติด  คงจะหวังพึ่งพาอะไรไม่ได้   ก็ไม่รู้ว่าจะส่งไปเรียนที่ไหนดี   เลยมองโรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ เป็นความหวังเล็กๆ ความหวังสุดท้าย จึงตัดสินใจส่งลูกหลานคนดังกล่าวเข้าสู่รั้วของโรงเรียนสอนศาสนา    

คนที่เรียนดีเรียนได้  ก็ตั้งใจเรียนกันอย่างจริงจังรับเอาวิชาความรู้วิชาการทางศาสนาไปเรียนต่อเมืองนอกประสบความสำเร็จกันก็มีมาก     ส่วนประเภทที่เรียนไม่ดี  เรียนไม่ได้   ก็ไม่อยากร่ำไม่อยากเรียนแต่กับมาตั้งกลุ่มตั้งแก๊งค์  เป็นจุดเปลี่ยนความรู้สึกของสายตาผู้คนทั่วๆไปที่พบเห็น    เพียงเพราะคนไม่กี่คนที่ทำให้ทัศนคติของคนอื่นๆมองเด็กปอเนาะผิดแปลกแหวแนวออกไปจากเดิม

 


         โรงเรียนสอนศาสนา หรือ ปอเนาะ ในยุคปัจจุบันนี้  มีการผสมผสานและพยายามผลักดันวิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่  ให้เด็กปอเนาะก้าวทันโลก  ก้าวทันเทคโนโลยี  โรงเรียนปอเนาะบางที่จึงเรียกว่าเป็นระบบบูรณาการ คือมีการผสมผสานวิชาการทางด้านศาสนาและทางด้านสามัญไว้ด้วยกัน     ไม่ได้เป็นแบบระบบปอเนาะเฉกเช่นเหมือนในอดีต  แต่จะเรียกว่าเป็นโรงเรียนสอนศาสนา  เพราะเขาถือว่าการเรียนแบบบูรณาการเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ที่ว่า “ให้ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม” 

แต่ระบบปอเนาะที่สอนเฉพาะศาสนาก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของท่านรอซูลได้เช่นกัน ผู้บริหารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาจึงมีการเปิดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนหรือที่เรียกกันว่า กศน. และมีการสนับสนุนส่งเสริมให้ศึกษาในระดับปริญญาตรีแบบเก็บหน่วยกิตในมหาวิทยาลัยเปิด หรือบางคนสนใจทางด้านวิชาชีพ ก็มีการส่งเสริมให้เรียนในสายอาชีวะแบบภาคค่ำ  นี่ก็เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านร่อซูล ได้เช่นเดียวกัน  

เราเรียนสามัญทางโลกเพื่อดำรงชีพและเอาตัวรอดบนโลกดุนยาที่ทุกวันมีแต่การแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน   เรียนศาสนาเพื่อเป็นเสมือนการฉีดวัคซีนอีหม่าน ปลูกฝังการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้หนักแน่นต่อศาสนาของพระองค์  ประพฤติปฏิบัติและประกอบศาสนกิจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์    เอาวิชาความรู้ทางศาสนามาเป็นเสมือนบัตรผ่านพิเศษเข้าสู่สรวงสวรรค์ของอัลเลาะห์ ในโลกอาคิเราะห์

 


          อีกประการที่สำคัญสำหรับมุมมองเด็กปอเนาะที่เปลี่ยนไป คือ เด็กปอเนาะในปัจจุบันนี้  ถูกมองว่าเป็นคนที่มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด  เพราะในสังคมยุคปัจจุบันที่เป็นแบบปากกัดตีนถีบ  หลังจากลูกหลานจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็จะส่งลูกหลานเข้ามาสู้รั้วปอเนาะ  เพื่อส่งมอบให้โต๊ะครูรับช่วงต่อโดยไม่จ้ำจี้จ้ำชัยให้ลูกหลานของตนหาหนทางในการศึกษาต่อทางด้านสามัญ ให้มีวุฒิการศึกษา มีปริญญา หากเรียนปอเนาะทางเดียวเมื่อจบออกมาสู่สังคมเมืองก็ไม่มีงานรองรับ เด็กที่เรียนปอเนาะส่วนมากจะทำหน้าที่ครูสอนศาสนา  เป็นงานที่รองรับเด็กเรียนศาสนามาอย่างยาวนาน 

และที่สำคัญเด็กปอเนาะ  เด็กเรียนศาสนาที่มีฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี การที่จะไปขอลูกสาวบ้านไหนมาเป็นภรรยานั้นจึงเป็นเรื่องยาก  เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่กล้าที่จะให้ลูกสาวของตนมากัดก้อนเกลือกิน  อยู่กับเด็กเรียนศาสนาที่ไม่มีการงานอะไรมารับรองถึงอนาคตในวันข้างหน้าได้  เป็นห่วงว่าลูกสาวหลานสาวจะลำบากหากต้องมาใช้ชีวิตคู่ด้วย   แต่ถ้าเป็นในสมัยอดีตเด็กปอเนาะเด็กเรียนศาสนาจะเป็นเป้าหมายแรกๆของผู้คนส่วนใหญ่ที่จะฝากชีวิตของลูกสาวไว้กันคนที่เรียนศาสนา    แต่เดี๋ยวนี้คงไม่ใช่แล้วมีศาสนาอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ

 

         คนปัจจุบันนี้ส่วนมากพิจารณาตั้งแต่หลังคาบ้านยันเสาเข็ม  หน้าบ้านยันหลังบ้าน  มีการมีงานที่มั่นคงเพียงใด มีฐานะที่มั่นคงที่รับรองถึงอนาคตได้ไหม   มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คนปัจจุบันคิดหวังแบบนี้ด้วยปัจจัยหลายๆประการ  ทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น เศรษฐกิจที่ต้องแก่งแย่งกัน ความเจริญทางด้านวัตถุและเทคโนโลยี และค่านิยมที่กำลังเข้ามากลบค่าความคิดของอิสลาม   ทำให้ความคิดขอคนส่วนใหญ่เปลี่ยนทัศนคติไป เด็กปอเนาะต้องหนักอกหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก  คำพูดที่ว่า “อยู่กับคนเรียนศาสนา  อัลเลาะห์เลี้ยง” คงจะถูกลืมกันไปหมดแล้ว  

         สื่อต่างๆมากมาย  เทคโนโลยีที่ทันสมัย  ค่านิยมและแฟชั่น  ของสังคมในทุกวันนี้เป็นเสมือนแม่เหล็กที่คอยจะดึงดูดเด็กปอเนาะให้ออกนอกรั้วโรงเรียน   หรือเรียนก็ไม่ตั้งใจเรียนจิตใจคิดวุ่นวายอยู่กับสิ่งเร้าสิ่งยั่วยุ ไม่เหมือนเมื่อ 10-20 ปีก่อนหน้านี้คนที่เรียนศาสนา มีแต่ความลำบากเป็นเพื่อนในการเรียน การเดินทางการคมนาคมลำบากไม่มีถนนหนทางที่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้  รถไฟฟ้า รถเมล์ก็ยังไม่มี จะใช้การเดินทางโดยสารทางเรือเป็นส่วนใหญ่ ใช้ตะเกียงให้แสงสว่าง แต่เขาเรียนกันอย่างจริงจัง เรียนตั้งแต่เช้ามืด(ซุบฮิ) ยันดึกดื่น ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งแชท   เล่นเกมส์ หรือออนเฟสบุ๊ค  เหมือนเด็กปอเนาะสมัยนี้ คนที่เรียนหนังสือในอดีตมีโอกาสเรียนน้อย แต่คนในอดีตที่เรียนศาสนาเรียนกันแค่ 3-5 ปี ก็อาเล็ม(มีความรู้) นำเอาวิชาการที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโต๊ะครูไม่ว่าจะมากหรือเล็กน้อยเพียงใด มาปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเด็กปอเนาะในอดีตเรียนกันอย่างเอาจริงเอาจังหนักแน่นมั่นคงอยู่กับการเรียนอย่างยิ่ง

 
          การศึกษาของเด็กเรียนศาสนาหรือเด็กปอเนาะ   บางคนอาจรังเกียจการแต่งกายอาจดูไม่ดี ไม่หรูหรา หนวดเคราน่ากลัว   แต่...อย่าเพิ่งตัดสินเพียงเปลือกภายนอก เมื่อใดก็ตามที่ได้เข้ามาสัมผัสจะทำให้ท่านรู้ถึงแก่นแท้และเข้าใจว่าระบบปอเนาะ คือสิ่งที่ดีและบริสุทธิ์ที่สุดระบบหนึ่ง   และจะบอกกับทุกคนที่มองเด็กเรียนศาสนาเปลี่ยนไปว่า การศึกษาในระบบปอเนาะหรือระบบโรงเรียนสอนศาสนา ฝึกให้คนอยู่กับศาสนาไม่ฟุ่มเฟือยและมีความพอเพียงเจริญรอยตามพระวจนะของท่านศาสดามุฮำหมัด  และมีคัมภีร์อัลกรุอาน เป็นแนวทางแห่งสัจธรรมในการดำเนินชีวิต  เสมือนกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปัจจุบัน นี่คือแก่นแท้ที่สุดของระบบปอเนาะ

 


         ปอเนาะ   คือ แหล่งที่มาของการเรียนรู้วิชาการทางศาสนา  ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับศาสนาและเรียนรู้ความเป็นคนเพื่อดำรงตนอยู่ในสังคมได้ ปอเนาะไม่ได้เป็นแหล่งมั่วสุมชักนำคนให้เสีย เด็กเรียนปอเนาะเด็กเรียนศาสนาในวันนี้มีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่นับวันจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะเด็กเรียนศาสนาเก่งแต่เป็นเพราะหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธามั่นต่ออัลเลาะห์ และความรักที่บริสุทธิ์ที่มีเผื่อแผ่ให้กับคนรอบข้างทุกคน  

 

         ดังนั้น   อยากจะฝากกับเด็กปอเนาะ  และเด็กเรียนศาสนาว่า   ท่านคือความหวังที่สำคัญของอิสลาม   ท่านจะต้องพิสูจน์ตัวของพวกท่านถึงวิชาความรู้  ความสามารถ และทำให้สายตาผู้ที่กำลังจ้องมองรอคอยด้วยความหวัง  ทำให้พวกเขาเห็นถึงศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ ในฐานะที่พวกท่านได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของบรรดาอุลามาอ์  เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของบรรดานบี ตำแหน่งหน้าที่การงาน เกียรติยศชื่อเสียงไม่จีรังยั่งยืนเสมอไป   หากแต่หัวใจที่เป็นปถุชนคนธรรมดาและหัวใจที่เอิบอิ่มจากการขัดเกลาด้วยศาสนาต่างหาก  ทำให้เราเข้าใจโลก  เข้าใจคนรอบข้าง  หนักแน่นในศาสนาของอัลเลาะห์ นั้นคือสิ่งที่จีรังยั่งยืน ตราบนานเท่านาน

 

.............................................................


http://miftahbandon.org