การรู้จักความกรุณา
  จำนวนคนเข้าชม  7006

 

การรู้จักความกรุณา (นิอฺมะฮฺ)


โดย... อ. มาลิก โยธาสมุทร


          พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ  ทั้งหลาย การรู้จักความกรุณา (นิอฺมะฮฺ) ของอัลลอฮฺ นับเป็นหลักสำคัญของการกตัญญู เพราะเป็นการกตัญญูจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่รู้จักความกรุณา(นิอฺมะฮฺ)

          ด้วยเหตุนี้ การรู้จัก “นิอฺมะฮฺ” จึงเป็นหนทางที่จะทำให้รู้จักผู้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” เมื่อคนเรารู้จัก“นิอฺมะฮฺ” ก็จะส่งผลให้เขารู้จักผู้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” ด้วยแช่นกัน และเมื่อเขารูจักผู้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” มาให้ เขาก็จะรักอัลลอฮฺ ผู้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” และความรักของเขาก็จะเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เพื่อพระองค์ จึงจำเป็นที่เขาจะต้องกตัญญูต่อพระองค์นั่นเอง

          “นิอฺมะฮฺ” มิใช่มีความหมายเฉพาะแค่ อาหารหรือเครื่องดื่ม ดังที่ผู้คนทั่วๆไปนึกคิดเอาเองเท่านั้น ก็หาไม่ แต่ทว่า มีมากจนสุดที่จะคำนวณ นับได้ถ้วนทั่ว ทุกการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวของร่างกาย และทุกลมหายใจเข้าออก ล้วนแต่เป็น “นิอฺมะฮฺ” อันยิ่งใหญ่ ที่อัลลอฮฺ ประทานให้ทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ นอกจากพระองค์ ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงสูงส่งเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

ท่านอบู อัดดัรด๊าอฺ กล่าวว่า

         “ใครที่ไม่รู้จักความกรุณา “นิอฺมะฮฺ” ของอัลลอฮฺ  ที่มีต่อเขา นอกจากเพียงแค่อาหารและเครื่องดื่มที่เขาได้ดื่มกินเข้าไปเท่านั้น ก็เท่ากับว่า เขามีความรู้เพียงน้อยนิดมาก และการลงโทษย่อมประสบกับเขาผู้นั้น”

          ด้วยเหตุนี้ อาจกล่าวได้ว่า การกตัญญูโดยรวม จะเป็นในเรื่องยองอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และพละกำลัง ทางร่างกาย และการกตัญญู โดยเฉพาะ จะเป็นในเรื่องของการให้เอกภาพ (อัตเตาว์ฮีด) การศรัทธา (อีมาน) และพลังทางจิตใจนั่นเอง

 

สุดยอดของ “นิอฺมะฮฺ”


         ดังคำที่ได้กล่าวมาแล้วว่า “นิอฺมะฮฺ”(ความกรุณา)ของอัลลอฮฺ  นั้น ไม่สามารถจะนับได้ทั่วถ้วน แต่ทว่า เราสามารถที่จะกล่าวถึง “นิอฺมะฮฺ”ที่สำคัญๆได้ดังต่อไปนี้


         1. “นิอฺมะฮฺ” แห่งอิสลามและอีมาน ซึ่งเป็น “นิอฺมะฮฺ”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อัลลอฮฺ  ประทานมาให้กับเราโดยให้เราได้เป็นมุสลิมและมีหลักการ “เตาว์ฮีด” ไม่ให้เราต้องเป็นพวก “ยะฮู๊ด” (ยิว) ที่ด่าอัลลอฮฺ  และให้ภาพลักษณ์ (ซีฟาต)แก่อัลลอฮฺ  ไปในทางที่ต่ำช้า เลวทราม ไม่ให้เราต้องเป็นพวก “นะซอรอ” (คริสต์) ที่สักการะอื่นจากอัลลอฮฺ  และกล่าวเท็จว่า “พระองค์ทรงมีพระบุตร อัลลอฮฺ  นั้นทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาเหล่านั้นกล่าวอ้างด้วยประการทั้งปวง   

ท่านมุญาฮิด กล่าวถึงดำรัสของอัลลอฮฺ  ที่ว่า

“และพระองค์ได้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” อันมากมายของพระองค์อย่างครบครันให้แก่พวกเจ้า ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย” 

 (ลุกมาน 31:20)


          2. “นิอฺมะฮฺ”แห่งการปกปิดไม่เปิดเผย ก็นับว่าเป็น “นิอฺมะฮฺ” ที่ยิ่งใหญ่อีกประทานหนึ่ง เพราะหากอัลลอฮฺ  ทรงรีบลงโทษเรา เราก็จะพบกับความพินาศย่อยยับ ดังที่อัลลอฮฺ  ตรัสว่า

“และพระองค์ได้ประทาน “นิอฺมะฮฺ” อันมากมายของพระองค์อย่างครบครัน ให้แก่พวกเจ้า ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย”

(ลุกมาน31:20)

          “นิอฺมะฮฺ” ที่เปิดเผยก็คือ ศาสนาอิสลาม ส่วน “นิอฺมะฮิ”ที่ปกปิดซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย ก็คือ การที่อัลลอฮฺ ทรงปกปิดความชั่วร้ายให้พ้นไปจากเรานั้นเอง


         3. “นิอฺมะฮฺ”แห่งการตักเตือน ท่านอิมาม อิบนุล กอยยิม กล่าวว่า จาก “นิอฺมะฮฺ” อันละเอียดอ่อน ที่อัลลออฮฺ  ประทานให้แก่ผู้เป็นบ่าว คือ

          " พระองค์ได้ทรงปิดประตูแห่งการตักเตือน แต่แล้วพระองค์ได้ทรงส่งผู้ที่มาเคาะประตูบ้านและมาขอแบ่งปันอาหารเป็นบางส่วน ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้รู้ถึง “นิอฺมะฮฺ” ของพระองค์ เป็นการเตือนให้รู้ถึงว่า มีผู้ด้อยกว่า มีความต้องการมากกว่า "


          4. “นิอฺมะฮฺ” แห่งการเปิดประตูจากการสารภาพผิด (เตาว์บะฮฺ) การที่อัลลอฮฺ ไม่ทรงปิดประตูแห่งการสาภาพผิด (เตาว์บะฮฺ) แม้ว่าเขาผู้นั้นจะเคยกระทำความผิด หรือเคยกระทำการฝ่าฝืนมาก่อนก็ตาม ดังที่ท่านนบี  กล่าวว่า

“แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงเปิดประตูแห่งการ “เตาว์บะฮฺ” ไว้ประตูหนึ่ง ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก เป็นเวลาถึง 40ปี

และจะไม่ทรงปิดประตูดังกล่าว จนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก”

(บันทึกโดย อีมาม อะฮฺมัด และอัตติรมิซีย์)

 พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ  ทั้งหลาย แล้วผู้ที่สารภาพผิดและกลับเนื้อกลับตัว ไปอยู่เสียที่ไหนกันเล่า?

 พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ  ทั้งหลาย แล้วผู้ที่ก้มรูกัวะฮฺ และสุญูด ไปอยู่เสียที่ไหนกันเล่า?

 พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ  ทั้งหลาย แล้วผู้ที่กล่าวสรรเสริญและผู้ที่กตัญญู ไปอยู่เสียที่ไหนกันเล่า?


          5. “นิอฺมะฮฺ” แห่งการคัดเลือก ซึ่ง “นิอฺมะฮฺ”ชนิดนี้ ผู้ที่มีความเที่ยงตรงและคนที่มีความเกรงกลัวอัลลอฮฺ เท่านั้น ที่จะรู้สึกได้ คนอื่นๆจะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ด้วย

          ดังนั้น อัลลอฮฺ จึงทรงให้พวกเหล่านี้ ยืนหยัดอยู่กับศาสนาของพระองค์ ในช่วงสมัยแห่งการทดสอบ (ฟิตนะฮฺ) ด้วยกับการเชื่อฟัง ปฏิบัติตาม (ฏออะฮฺ) พระองค์ ขณะที่ผู้คนหันห่างจากพระองค์ พวกเขารักใคร่พระองค์ ศรัทธาต่อพระองค์ พวกเขารังเกียจการปฏิเสธศรัทธา(กุฟุรฺ) การฝ่าฝืน(ฟุชู๊กฺ) และการละเมิด (อิศยาน) และนี่คือ “นิอฺมะฮฺ” พระมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ที่สมควรยิ่งที่บรรดามุสลิม มุอฺมิน จะต้องกตัญญู และสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ


         6. “นิอฺมะฮฺ” แห่งการมีสุขภาพดี มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีการกระทำที่ดี ท่านอบู อัดดัรด๊าอฺ  กล่าวว่า

“การมีสุขภาพดีนั้น ถือว่าเป็นสุดยอดของการมีอำนาจ”


          7. “นิอฺมะฮฺ”แห่งทรัพย์สิน อันได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม และเสื้อผ้าอาภรณ์ ชาวสลัฟบางคนกล่าวในคุฏบะฮฺ วันอีดว่า

          “พวกท่าน ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น สวยงาม ขณะที่ผู้คนตื่นขึ้นมาด้วยกับความเศร้าหมองขมุกขมัว ประชาชนเป็นผู้ถักทอ ขณะที่พวกเท่านเป็นผู้สวมใส่ ประชาชนเป็นผู้ผลิต ขณะที่พวกท่านเป็นผู้บริโภค ประชาชนเป็นผู้เพาะปลูก ขณะที่พวกท่านเป็นผู้บริโภค แล้วทันใดนั้น เขาก็ร้องไห้ และเขาก็ทำให้พวกเราร้องไห้ไปด้วย”

 

ประเภทต่างๆของ“นิอฺมะฮฺ”

 อิมาม อิบนิล กอยยิม กล่าวว่า “นิอฺมะฮฺ”นั้น มีสามประเภท คือ

1. “นิอฺมะฮฺ” ที่ผู้เป็นบ่าวได้รับและรู้จักดี

2. “นิอฺมะฮฺ” ที่ผู้เป็นบ่าวคาดหวัง และรอคอยจะได้พบ

3. “นิอฺมะฮฺ”  ที่ผู้เป็นบ่าวเกลือกกลิ้งอยู่ แต่เขากลับไม่รู้ถึงคุณค่า


 

          เมื่ออัลลอฮฺ  ประสงค์จะประทาน “นิอฺมะฮฺ” ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ให้แก่ผู้เป็นบ่าวคนใด พระองค์ก็จะทรงให้เขาผู้นั้นได้รับรู้ถึง“นิอฺมะฮฺ”ที่ได้รับ แล้วบ่าวผู้นั้น ก็กตัญญูต่อพระองค์ ไม่เนรคุณ พระองค์ให้การกระทำของผู้นั้น ล้วนแต่ถูกต้องดีงาม เหมาะสมไปเสียทั้งหมดเป็นไปตามกำหนดแนวทางที่ได้ทรงวางเอาไว้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ทุกประการ ในสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ ทั้งที่เขารู้หรือไม่รู้ก็ตาม

 

 


วารสารอัลอิศลาห์ สมาคม

 อันดับที่ 369-371