แนวทางการเผยแพร่และการทำความเข้าใจในวิถีอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  13714

 

แนวทางการเผยแพร่และการทำความเข้าใจในวิถีอิสลาม


โดย...อ.อรุณ  บุญชม


“จงประกาศเชิญชวนสู่แนวทางขององค์อภิบาลของเจ้าด้วยวิทยปัญญา ด้วยคำสั่งสอนที่ดีงาม  และจงถกเถียงกับพวกเขาด้วยเหตุผลเป็นอย่างดีเถิด”

{النحل: 125}

การเผยแพร่มี 3 ระดับ

1- ด้วยวิทยปัญญา ตามสภาพของผู้ที่ถูกเชิญชวน (ความรู้,ความขันติ,ความอ่นโยน,ความสุภาพ,และความอดทน)

2- ด้วยคำตักเตือนสั่งสอนที่ดีงาม(ส่งเสริมให้ทำความดียับยั้งการทำความชั่ว)

3- ด้วยการถกเถียงที่มีเหตุผล เพื่อให้ได้รับการยอมรับ

“โอ้ มุฮำหมัด จงกล่าวเถิดว่า การประกาศเชิญชวนที่ฉันดำเนินการนี้เป็นแนวทางของฉัน

ที่จะประกาศเชิญชวนสู่อัลเลาะห์แต่เพียงพระองค์เดียวอย่างรู้แจ้งเห็นจริง ทั้งตัวฉันเองและผู้ที่ดำเนินตามฉัน”

{يوسف:108}


ผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ต้องรู้แจ้งเห็นจริง

สื่อของการเผยแพร่ที่สำคัญคือ จริยธรรมอิสลามอันสูงส่ง“การกระทำดีกว่าคำพูด”

         เมื่อประมาณห้าสิบปีมาแล้ว ในประเทศฝรั่งเศส  มีผู้ชายชาวตุรกีคนหนึ่งอายุห้าสิบปี เขาชื่ออิบรอฮีม  เขาเป็นคนขายของอยู่ในร้านชำ  และร้านแห่งนี้อยู่ภายในอาคารที่มีชาวยิวครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ ครอบครัวชาวยิวมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ  “ญาด”เขามีอายุ 7 ปี  เด็กชาย “ญาด” จะมาที่ร้านลุงอิบรอฮีม เป็นประจำทุกวัน เพื่อซื้อสิ่งที่จำเป็นในบ้าน  ทุกครั้งขณะที่เขาออกไปจากร้าน และลุงอิบรอฮีมเผลอ เขาจะขโมยช็อคโกแลตแท่งหนึ่งไปด้วย

          วันหนึ่ง ญาด มาที่ร้าน และออกไปโดยไม่ได้หยิบช็อคโกแลตไปด้วยเหมือนเช่นที่เคยทำขณะออกไปจากร้าน  ลุงอิบรอฮีม จึงเรียกเขา และบอกเขาว่าเขาลืมหยิบช็อคโกแลต ที่เขาเคยหยิบไปด้วยทุกวัน

         ญาด ตกใจ เพราะเขาคิดว่าลุงอิบรอฮีม ไม่รู้เรื่องที่เขาขโมยช็อคโกแลตไปทุกวัน  เขาได้ขอร้อง ลุงอิบรอฮีม ให้ให้อภัยเขา และให้สัญญาว่าจะไม่ขโมยอีก ลุงอิบรอฮีม ได้กล่าวว่า  ไม่ , แต่เธอจะต้องให้สัญญาว่า เธอจะไม่ขโมยสิ่งใดอีกในชีวิตของเธอ และทุกวันที่เธอออกจากร้านฉัน  เธอจงเอาช็อคโกแลตไปหนึ่งแท่ง  ฉันยกให้เธอ  ญาดตกลงด้วยความดีใจ หลายปีผ่านไปความสัมพันธ์ของลุงอิบรอฮีมกับญาด ได้กลายเป็นทั้ง พ่อ เพื่อน และแม่ ของเด็กชายญาด เด็กชายชาวยะฮูดีย์คนนั้น

         เมื่อญาดเกิดความคับข้อง หรือเผชิญกับปัญหา เขาจะมาหาลุงอิบรอฮีม และเล่าปัญหาให้ลุงอิบรอฮีมฟัง เพื่อหาทางแก้ไขให้ ลุงอิบรอฮีม จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากหิ้งในร้าน และส่งให้เขาเปิดแบบสุ่มๆ  เมื่อเขาเปิดแล้ว ลุงอิบรอฮีมก็จะอ่านจากหนังสือเล่มนั้นสองหน้า  หลังจากนั้นเขาจะปิดหนังสือและร่วมกับญาดหาทางแก้ไขปัญหาของเขา  ญาดจะมีความรู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบ และปัญหาของเขาก็ถูกแก้ไข


         หลายปีผ่านไปความสัมพันธ์ระหว่าง ลุงอิบรอฮีม ชาวตุรกี มุสลิมที่ไม่มีการศึกษา กับญาดก็ยังคงดำเนินไปอย่างแน่นแฟ้น สิบเจ็ดปีผ่านไป ญาดกลายเป็นหนุ่มวัย 24  ปี  ขณะที่ลุงอิบรอฮีมมีอายุ  67  ปี

          ลุงอิบรอฮีม ได้เสียชีวิตลง และก่อนเสียชีวิตเขาได้ทิ้งหีบใบหนึ่งไว้ให้แก่ลูกๆของเขา ในหีบใบนั้นเขาได้ใส่หนังสือเล่มที่ ญาดเคยเห็นขณะมาที่ร้านของเขาไว้ด้วย  และได้สั่งเสียแก่ลูกๆให้มอบหีบใบนั้นแก่ ญาด หนุ่มชาวยิว เพื่อเป็นของขวัญแก่เขา  ญาดทราบข่าวการเสียชีวิตของลุง อิบรอฮีม  ขณะที่ลูกๆของเขาส่งหีบใบนั้นไปให้  เขาเสียใจมาก และเศร้าหมอง  เพราะลุงอิบรอฮีมเป็นคนสนิทของเขา และเป็นผู้ที่คอยแก้ไขปัญหาต่างๆให้แก่เขามาโดยตลอด.

          อยู่มาวันหนึ่งญาด เกิดปัญหา เขานึกถึงลุง อิบรอฮีม พร้อมกับนึกถึงหีบที่เขาได้ทิ้งไว้ให้ เขาไปที่หีบและเปิดมันออก  เขาได้พบหนังสือเล่มที่เขาเคยเปิดทุกครั้ง ที่เขาไปเยี่ยมลุงที่ร้านของเขา  ญาดได้เปิดหน้าหนึ่งในหนังสือเล่มนั้น  แต่หนังสือเล่มนั้นเขียนเป็นภาษาอาหรับ   และเขาไม่รู้ภาษาอาหรับ เขาได้นำหนังสือเล่มนั้นไปหาเพื่อนของเขาเป็นมุสลิมชาวตูนิเซีย  และได้ขอให้เขาอ่านหนังสือเล่มนั้นสองหน้า  เพื่อนได้อ่านให้เขาฟัง  และภายหลังจากญาด ได้อธิบายปัญหาให้เพื่อนของเขาฟัง  เขาทั้งสองได้อภิปราย  และแก้ไขปัญหานั้นได้

ญาดรู้สึกทึ่ง และถามเพื่อนของเขาว่า นี่คือหนังสืออะไร ?

เพื่อนเขาตอบว่านี่คือ อัลกุรอาน คัมภีร์ของมุสลิม

ญาด กล่าวว่า ฉันจะเป็นมุสลิมได้อย่างไร ?

                เพื่อนของเขากล่าวว่าคือการที่ท่านกล่าวปฏิญาณว่า " ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะโดยเที่ยงแท้ เว้นแต่อัลเลาะห์เท่านั้น และมุฮำหมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์ "  และหลังจากนั้นท่านจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของอิสลาม 

ญาดได้กล่าวคำปฏิญาณว่า " ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะโดยเที่ยงแท้เว้นแต่อัลเลาะห์เท่านั้น และมุฮำหมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์ "

          ญาดได้เข้ารับอิสลาม และได้เลือกชื่อให้แก่ตัวเขาเองว่า ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์  เขาเลือกชื่อนี้เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติแก่คัมภีร์อัลกุรอานที่ให้ทางนำแก่เขา  เขาตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลือรับใช้คัมภีร์ของอัลเลาะห์ เขาได้ศึกษาอัลกุรอาน ทำความเข้าใจกับความหมายอัลกุรอาน และเริ่มเชิญชวนผู้คนเข้าสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ในทวีปยุโรป  จนมีผู้เข้ารับอิสลามจำนวนมากถึงหกพันคน


          วันหนึ่งขณะที่เขากำลัง พลิกเอกสารเก่าๆอยู่นั้นเขาได้เปิดอัลกุรอาน ที่ลุงอิบรอฮีม ได้มอบให้เขาเป็นของขวัญ และได้พบว่าภายในนั้น มีแผนที่โลก และบนทวีปอัฟริกา ลุงอิบรอฮีมได้เซ็นชื่อกำกับไว้ข้างล่างอายะห์ ที่ว่า

“เจ้าจงเชิญชวนสู่แนวทาง ขององค์อภิบาลของเจ้า ด้วยวิทยปัญญาและด้วยคำสั่งสอน ที่ดีงาม”

         ญาด สะดุดใจและเกิดความมั่นใจว่านี่คือคำสั่งเสียจากลุงอิบรอฮีมมายังเขาโดยตรง และเขาตัดสินใจปฏิบัติตามคำสั่งเสียนั้น  เขาทิ้งยุโรป และไปทำหน้าที่เชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ เขาเดินทางไป กีเนีย ทางตอนใต้ของซูดาน อูกานดาและอีกหลายประเทศในอัฟริกา  ได้มีผู้คนจำนวนมากจากเผ่าซูลูเข้ารับอิสลาม

 

การเสียชีวิตของเขา

          ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ มุสลิม ผู้ทำหน้าที่เผยแพร่อิสลาม ด้วยความศรัทธาที่มั่นคง เขาได้ใช้ชีวิตสามสิบปีของเขาทุ่มเทให้กับการเผยแพร่ศาสนาอิสลามอยู่ในทวีปอัฟริกา และได้มีผู้เข้ารับอิสลามจากการเผยแพร่ของเขาเป็นจำนวนมากมาย  

          ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ เสียชีวิตปี ค.ศ. 2003 ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ที่เกิดขึ้นกับเขาในอัฟริกา ในเส้นทางการเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์  ขณะที่เขามีอายุได้ 54  ปี

          มารดาของเขาเป็นชาวยิว ที่เคร่งครัดศาสนาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย  ได้เข้ารับอิสลามเมื่อปีค.ศ. 2005 คือภายหลังจากญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ บุตรชายนักเผยแพร่ศาสนาอิสลาม เสียชีวิตได้ 2 ปี ขณะเข้ารับอิสลามนางมีอายุได้ 70  ปี นางกล่าวว่าได้ใช้เวลา 30 ปีซึ่งเป็นช่วงที่ลูกชายเป็นมุสลิม เกลี่ยกล่อมให้ลูกชายกลับไปนับถือศาสนายูดายตามเดิม นางได้ใช้ความชำนาญ และความสามารถที่จะทำให้เกิดความพอใจแต่ก็ไร้ผล

          ในขณะที่ลุงอิบรอฮีม มุสลิม ที่สูงอายุ และไร้การศึกษา สามารถผูกมัดหัวใจลูกชายของนางไว้กับศาสนาอิสลาม และเป็นศาสนาที่ถูกต้อง  ขออัลเลาะห์ ได้โปรดปกปักรักษานาง และให้นางยืนหยัดอยู่บนเส้นทางของความดีงามตลอดไป

 

แต่ทำไม ญาด จึงเข้ารับอิสลาม ?

          ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ กล่าวว่า  ตลอดระยะเวลา  27  ปี ลุงอิบรอฮีม ไม่เคยกล่าวคำว่า(ياكافر)    โอ้ คนนอกศาสนา (يايهودي) โอ้คนยิว  หรือ ( أسلم)   เจ้าจงเข้ารับอิสลาม ลองจินตนาการดู ตลอดเวลา  27 ปี เขาไม่เคยพูดกับญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์  ถึงเรื่องศาสนาเลย ไม่เคยพูดถึงเรื่องอิสลามและศาสนายูดายของยิว  แต่ชายชราผู้ไร้การศึกษารู้วิธีการที่จะผูกมัดหัวใจของชายหนุ่มไว้กับอัลกุรอาน

         อาจารย์คนหนึ่ง ได้ถามเขาขณะที่ได้มีการพบปะกันถึงความรู้สึกของเขาที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากเข้ารับอิสลาม ด้วยการเผยแพร่ของเขา  เขาตอบว่า เขาไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติ หรือความภูมิใจ  แต่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณลุงอิบรอฮีม (رحمه الله)

 

         ดร. ศอฟวัต ฮิญาซีย์ ได้กล่าวในระหว่างการประชุมที่กรุงลอนดอน ที่มีการอภิปรายเรื่องดาโฟร์  และวิธีการช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมที่นั่นให้พ้นจากการเชิญชวนข้ารีต และภัยสงคราม  ดร.ศอฟวัต ได้มีโอกาสพบกับหัวหน้าเผ่า ซูลู  เขาเป็นผู้ที่พำนักอยู่ในเขต ดาโฟร์ 

ในระหว่างที่สนทนากันดร.ฮิญาซีย์ ได้ถามเขาว่า ท่านรู้จักดร. ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ไหม? 

หัวหน้าเผ่าลุกขึ้นยืน แล้วถาม ดร. ฮิญาซีย์ ว่า ท่านรู้จักเขาด้วยหรือ?

ดร. ฮิญาซีย์ ตอบว่า ใช่ครับ ผมพบกับเขาที่สวิสเซอแลนด์  ขณะที่เขาไปรักษาตัวที่นั่น หัวหน้าเผ่าคว้ามือของดร. ฮิญาซีย์ มาจูบอย่างรุนแรง 

ดร. ได้กล่าวแก่เขาว่า ท่านทำอะไรอย่างนี้ ผมไม่เคยทำอะไรที่สมควรกับการกระทำนี้ 

หัวหน้าเผ่าตอบว่า ฉันไม่ได้จูบมือท่าน แต่ฉันจูบมือที่ได้สัมผัสกับมือของ ดร.ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์.

ดร. ฮิญาซีย์ ได้ถามว่า ท่านเข้ารับอิสลามด้วยการเผยแพร่ของ ดร.ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ หรือ? 

หัวหน้าเผ่าตอบว่า เปล่า ผมเข้ารับอิสลามด้วยการเผยแพร่ของผู้ที่เข้ารับอิสลามด้วยการเผยแพร่ของ ดร.ญาดุ้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ ขออัลเลาะห์ ทรงเมตตาเขา

          สุบฮานั้ลลอฮ์ จะมีจำนวนมากมายเท่าไหร่ที่เข้ารับอิสลามด้วยการเผยแพร่ของผู้ที่เข้ารับอิสลามด้วยการเผยแพร่ของ ดร. ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ ? ผลบุญเป็นของเขา และผู้ที่เป็นต้นเหตุ(หลังจากอัลเลาะห์) ให้เขาเข้ารับอิสลาม  ลุงอิบรอฮีม ผู้เสียชีวิตมาแล้วกว่าสามสิบปี ขออัลเลาะห์ ได้โปรดเมตตาลุง อิบรอฮีม, ญาดั้ลลอฮ์ อัลกุรอานีย์ มวลผู้มีศรัทธาทั้งชายหญิง และทั้งทีมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว

 

แนวทางของท่านนะบีมุฮัมมัด

     ท่านนบี จะโต้ตอบกับผู้คนตามระดับสติปัญญาของพวกเขา  ทั้งชาวเมือง และชาวชนบทจะสามารถเข้าใจคำพูดของท่านได้


     มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาขออนุญาตจากท่านละเมิดประเวณี

     ท่านกล่าวแก่เขาว่า“เจ้าพอใจให้ผู้อื่นมากระทำกับมารดาของเจ้า พี่สาวน้องสาวของเจ้า หรือน้าสาวของเจ้าไหม ? แน่นอนผู้คนทั้งหลายก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน”

     ท่านนบี ได้เอามือของท่านวางบนหน้าอกของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วกล่าวคำวิงวอนว่า

” اللهم اغفرله وحصن فرجه “  “ข้าแด่อัลเลาะห์ขอได้โปรดอภัยให้เขา และได้โปรดรักษาอวัยวะเพศของเขาด้วยเถิด”


           บุคอรีย์ ได้รายงานจากอะบู ฮุรอยเราะห์ว่า มีชาวอาหรับชนบทคนหนึ่งลุกขึ้นยืนปัสสาวะในมัสยิด  ผู้คนได้เข้าไปขัดขวางเขา แต่ท่านนบี  ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า :

" ท่านทั้งหลายจงปล่อยเขา และจงนำน้ำมาราดลงไปบนปัสสาวะนั้นหนึ่งกระป๋อง

ความจริงพวกท่านถูกบังเกิดมาเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ได้ถูกบังเกิดมาเพื่อให้เกิดความยุ่งยาก”