ความยิ่งใหญ่ของอัลกุรอาน 2
  จำนวนคนเข้าชม  11378

ความยิ่งใหญ่ของอัลกุรอาน 2


โดย... ซัยคฺ มูฮำหมัด บินญามีล ซัยนู


                 อัลกุรอาน เป็นพระดำรัสของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ประทานแด่ท่าน นบีมูฮำหมัด เพื่อเป็นทางนำและแนวทางดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขแก่มวลมนุษยชาติ อัลกุรอานมีทั้งหมด 114 ซูเราะฮ์ เริ่มต้นด้วยซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ และจบท้ายด้วยซูเราะฮ์อันนาส และมีทั้งหมด 30 ยุซ   จะขอกล่าวถึงส่วนหนึ่งจากความยิ่งใหญ่ของอัลกุรอาน ซึ่งมีดังนี้

         12. ข่าวคราวต่างๆที่อยู่ในอัลกุรอานย่อมเป็นสัจธรรมและบทบัญญัติต่างๆย่อมเป็นบทบัญญัติที่ยุติธรรม อัลลอฮ์ ตรัสความว่า

“และถ้อยคำแห่งพระเจ้าของฉันนั้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งความสัจจะและความยุติธรรม

ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงบรรดาถ้อยคำของพระองค์ได้ และพระองค์นั้นคือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้”

(อัลอันอาม : 115)

 ท่านกอตาดะฮ์(รอฮิมาฮุลลอฮ์) ได้กล่าวว่า

         “เมื่อกล่าวถึงอัลกุรอาน แน่นอนย่อมเป็นสิ่งที่สัจธรรม และทุกๆคำตัดสินที่อยู่ในอัลกุรอานย่อมเป็นสิ่งที่ยุติธรรม ในที่นี้หมายถึง สัจธรรมในเรื่องของการแจ้งข่าวคราวต่างๆและความยุติธรรมในเรื่องของบทบัญญัติต่างๆ ดังนั้นข่าวคราวต่างๆที่ถูกระบุไว้ในอัลกุรอาน ย่อมเป็นสัจธรรมและปราศจากความเท็จและความสงสัย และทุกๆบทบัญบัญญัติที่ถูกบัญญัติไว้ ย่อมเป็นบทบัญญัติที่ยุติธรรม และจะไม่มีความยุติธรรมใดๆอีกแล้ว และทุกสิ่งที่ถูกห้ามไว้ในอัลกุรอาน สิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย เพราะอัลกุรอานจะไม่ห้ามสิ่งหนึ่งสิ่งใดนอกจาก สิ่งนั้นจะเป็นปัญหาต่อมนุษย์
  
  อัลลอฮ์ ตรัสความว่า

“จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิ่งที่ชอบและห้ามพวกเขามิให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบ

และจะอนุมัติให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งดี ๆ ทั้งหลาย และจะให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย”

(อัลอะอ์รอฟ : 157) (ดู ตัฟซีรอัลกุรอานุลอะซีม เล่ม 2 หน้า 167)

 

         13. ในอัลกุรอานมีเรื่องราวต่างๆที่เป็นสัจธรรม และปราศจากการจินตนาการแบบผิดๆ เช่น เรื่องราวของนบีมูซากับฟิรเอาน  ย่อมเป็นเรื่องราวที่เป็นสัจธรรม  อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“เราจะอ่านแก่เจ้า บางส่วนจากเรื่องราวของมูซาและฟิรเอาน ด้วยสัจธรรมเพื่อหมู่ชนผู้ศรัทธา”

(อัลเกาะศ็อศ : 3)

เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของ ชาวถ้ำ ก็ย่อมเป็นเรื่องราวที่เป็นสัจธรรม อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาแก่เจ้าด้วยสัจธรรม แท้จริงพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา

และเราได้เพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา”

(อัลกะฮ์ฟ : 13)

และทุกๆเรื่องราวที่อัลลอฮ์ทรงเล่าไว้ในอัลกุรอานย่อมเป็นสิ่งที่ชัดเจนและมีสัจธรรม อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“แท้จริงเรื่องราวนี้เป็นความจริง”

(อาลิอิมรอน : 62)

 

         14. อัลกุรอานสามารถตอบสนองความต้องการบนโลกนี้ และความต้องการในโลกหน้าอัลลอฮ์ตรัสความว่า

“และจงแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานแก่เจ้าเพื่อปรโลก และอย่าลืมส่วนของเจ้าแห่งโลกนี้ และจงทำความดีเสมือนกับที่อัลลอฮ์ได้ทรงทำความดีแก่เจ้า”

(อัลเกาะศ็อศ : 77 )

 

        15. อัลกุรอาน มีความครอบคลุมในเรื่องต่างๆในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ทั้งในเรื่องของหลักความเชื่อ การปฏิบัติศาสนกิจ บทบัญญัติต่างๆ สังคม มารยาท การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ  และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต

อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“เรามิได้ให้บกพร่องแต่อย่างใดในคัมภีร์(อัลกุรอาน)

 (อัลอันอาม : 38)

และอัลลอฮ์ตรัสความว่า

“และเราก็นำเจ้ามาเป็นพยานต่อเขาเหล่านั้น และเราได้ให้คัมภีร์แก่เจ้าเพื่อชี้แจงแก่ทุกสิ่ง

และเพื่อเป็นทางนำ และเป็นความเมตตา และเป็นข่าวดีแก่บรรดามุสลิม”

(อัลนะห์ล : 89)

 

        16. อัลกุรอาน มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อหัวใจของมนุษย์และญิน

          ส่วนหนึ่งจากอิทธิพลของ อัลกุรอานที่มีต่อหัวใจของมนุษย์ คือ ในช่วงแรกของการเผยแผ่อิสลาม อัลกุรอานได้ทำให้ผู้ปฏิเสธศรัทธาบางส่วนเข้ารับอิสลาม ส่วนในสมัยปัจจุบันก็มีผู้ปฏิเสธศรัทธาหลายคนเข้ารับอิสลามอันเนื่องมาจากเห็นถึงความมหัศจรรย์ต่างๆของอัลกุรอาน ซึ่งข้าพเจ้าเองได้เคยพบกับหนุ่มอดีดชาวคริสต์คนหนึ่งที่เข้ารับอิสลาม ซึ่งเขาบอกว่า สาเหตุหลักที่เขาเข้ารับอิสลาม คือ ความมหัศจรรย์ต่างๆของอัลกุรอาน 

ส่วนอิทธิพลของอัลกุรอานในหมู่ญิน คือ มีกลุ่มญินบางกลุ่ม กล่าวว่า

          “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟังฉัน (อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า

แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด นำไปสู่ทางที่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจึงศรัทธาต่ออัลกุรอานนั้น และเราจะไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระเจ้าของเรา”

 (อัลญิน : 1-2)

         ในหมู่ของผู้ปฏิเสธศรัทธาในช่วงแรกของการเผยแผ่อิสลาม อัลกุรอานได้สร้างอิทธิพลในหมู่พวกเขา เมื่อพวกเขาได้มัน ซึ่งท่าน วะลีด บิน มุฆีเราะฮฺ กล่าวว่า

         “ขอสาบานด้วยอัลลอฮ์ นี่มันไม่ใช่บทกวี และไม่ใช่มายากล และ ไม่ใช่คำพูดของคนบ้า แต่มันคือพระดำรัสของอัลลอฮ์  ที่เต็มไปด้วยความดีงามและความประเสริฐ และแท้จริงแล้วมัน(อัลกุรอาน) เป็นพระดำรัสที่สูงส่ง และจะไม่มีสิ่งไหนสูงส่งกว่านั้น ”

(ตัฟซีรอัลกุรอานุลอะซีม ยุซ 4 หน้า 443)

 

         17. บุคคลที่ศึกษาอัลกุรอานและสอนอัลกุรอาน เป็นบุคคลที่ดีที่สุด ดังหะดีษของท่านรอซูลุลลอฮ์ ว่า

“บุคคลที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่าน คือ บุคคลที่ศึกษาอัลกุรอานและบุคคลที่สอนอัลกุรอาน”

(หะดีษศอหี้ห บันทึกโดยมุสลิม)

 

         18.  ผู้ที่อ่านอัลกุรอานอย่างตะกุกตะกัก พยายามอ่าน จะได้รับผลบุญเพิ่มมากกว่าผู้ที่อ่านเป็นแล้ว

“ผู้ที่เชี่ยวชาญในการอ่านอัลกุรอานนั้นจะอยู่ร่วมกับมลาอิกะฮ์ ผู้จดบันทึกอีกทั้งมีเกียรติ

และผู้ที่อ่านอัลกุรอานอย่างตะกุกตะกัก (ไม่คล่อง) แต่เขาก็พยามยามอ่าน เขาจะได้สองผลบุญ”

(หะดีษศอหี้ห บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

 

          19. อัลลอฮ์ ได้ประทานอัลกุรอานเพื่อเป็นทางนำและข่าวดี  อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“แท้จริง อัลกุรอานนี้นำสู่ทางที่เที่ยงตรงยิ่ง และแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ประกอบความดีทั้งหลายว่า

สำหรับพวกเขานั้นจะได้รับการตอบแทนอันยิ่งใหญ่”

(อัลอิสรออ์ : 9)

 

          20. อัลกุรอานจะทำให้หัวใจสงบและเพิ่มความมั่นใจในสัจธรรม ซึ่งผู้ศรัทธายึดมั่นว่าอัลกุรอานเป็นปฏิหารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮ์  ประทานแก่ท่าน นบีมูฮำหมัดและจะทำให้หัวใจของพวกเขาสงบด้วยการศรัทธาในสิ่งเหล่านี้  อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์ พึงทราบเถิด! ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์เท่านั้นทำให้จิตใจสงบ”

(อัรเราะด์ : 28)

                ดังนั้นเมื่อผู้ศรัทธารู้สึกไม่สบายใจ เสียใจ หรือประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ ก็จงฟังอัลกุรอานจากนักอ่านที่ไพเราะและถูกต้อง  ท่านรอซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า

“จงทำให้ดีในการอ่านอัลกุรอาน ด้วยเสียงของท่านที่ไพเราะ เพราะเสียงที่ไพเราะนั้น จะเพิ่มความงามของอัลกุรอาน ”

 (หะดีษศอหี้ห ในศอหี้หของซัยคฺ อัลบานีย์)

 

         21. เนื้อหาส่วนมากของอัลกุรอาน เป็นการเรียกร้องสู่หลักเตาฮีด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เตาฮีดอุลูฮิยะห์  เช่น ในการปฏิบัติศาสนกิจ การขอดุอาอฺ การขอความช่วยเหลือ  เช่น ซูเราะฮ์แรกของอัลกุรอาน คือ ซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์    อัลลอฮ์ตรัสความว่า

 (إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ)

“เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮ์ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ”

 (อัลฟาติหะฮ์ : 5)

และท้ายๆซูเราะฮ์ของอัลกุรอาน เช่น ซุเราะอ์อัลอิคลาส อัลฟาลัก อันนาส  ก็มีเนื้อหาที่เรียกร้องไปสู่เตาฮีด เช่น

(قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ).

“จงกล่าวเถิด มุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะ”

(قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ الْفَلَقِ)

“จงกล่าวเถิด มุฮัมมัด ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าแห่งรุ่งอรุณ”

قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ النَّاسِ

“จงกล่าวเถิด มุฮัมมัด ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าแห่งมนุษย์ชาติ”

  และยังมีหลายต่อหลายโองการที่ได้เรียกร้องไปสู่การเตาฮีดต่ออัลลอฮ์ ส่วนหนึ่ง คือ ในซูเราะฮฺอัลญิน อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ว่า แท้จริงฉันวิงวอนขอต่อพระเจ้าของฉัน และฉันจะมิตั้งผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์”

(อัลญิน : 20)

และอัลลอฮ์ตรัสความว่า

“และแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้น พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์”

(อัลญิน : 18)

 

          22. อัลกุรอาน เป็นแหล่งอ้างอิงแรกของบทบัญญัติอิสลาม ที่อัลลอฮ์ประทานแก่ท่าน นบีมูฮำหมัด เพื่อปลดปล่อยมนุษยชาติออกจากการปฏิเสธและตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ และสู่แสงสว่างแห่งความศรัทธา เตาฮีด และวิชาการ จากอัลลอฮ์ อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“อะลิฟ ลาม รอ คัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้านำมนุษย์ออกจากความมืดมนทั้งหลาย สู่ความสว่าง

ด้วยอนุมัติของพระเจ้าของพวกเขา สู่ทางของพระผู้เดชานุภาพ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ”

 
(อิบรอฮีม : 1)

 

         23. อัลกุรอานได้กล่าวถึงสิ่งเร้นลับที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้จะไม่มีใครรู้ได้ นอกจากสิ่งที่เป็นวิจรณ์(วะฮยู)จากอัลลอฮ์เท่านั้น  อัลลอฮ์ตรัสความว่า

“พลพรรคพวกนี้จะพ่ายแพ้ และพวกเขาจะผินหลังวิ่งหนี”

(อัลเกาะมัร : 45)

          ซึ่งโองการนี้เป็นเรื่องจริง เมื่อชาวมุซริกีน ได้พ่ายแพ้ในการทำสงครามบะดัร  และพวกเขาได้หนีออกจากสงคราม และยังมีหลายต่อหลายโองการที่กล่าวถึงสิ่งเร้นลับที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว และก็จะเกิดขึ้นจริงๆ

 

 


แปลและเรียบเรียงโดย มูฮำหมัดกามัล  อัลฟัจรีย์