1 เท่ากับ 10
  จำนวนคนเข้าชม  7784

1 เท่ากับ 10


โดย อาจารย์ สมาน แสงเราะหมัด

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

          พี่น้องศรัทธาชนที่เคารพรักทุกท่าน ขอเราท่านทั้งหลายได้ยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งแนวทางอันเที่ยงตรงแห่งผู้ศรัทธา จุดยืนแห่งความยำเกรงที่มีต่อพระองค์อัลเลาะห์ อย่างเปี่ยมล้น เป็นความยำเกรงที่นับวันจะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ความยำเกรงที่เรากำลังพูดถึง หมายถึงเราพยายามปฏิบัติในสิ่งที่เป็นพระบัญญัติใช้ของพระองค์ และออกห่างไม่สนใจ ละเลย ละทิ้ง อย่างเด็ดขาด ในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม

         ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เป็นความกรุณาจากองค์พระผู้อภิบาลของเรา ที่มีต่อเราอย่างล้นพ้น ที่พระองค์นั้นทรงสร้างเราขึ้นมาเป็นมนุษย์ผู้ศรัทธา เป็นมนุษย์ที่รู้จักพระองค์ เป็นมนุษย์ที่ไม่ได้หลงทางไปในทางที่มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นอยู่ สิ่งนี้ถือเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ ที่จำเป็นจะต้อง ซุโก้ร สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันล้นพ้นของพระองค์ที่มีต่อพวกเรา

         เราได้รู้จักพระองค์เพื่อที่จะได้ปฏิบัติในสิ่งที่ คู่ควรต่อพระองค์ เราได้ศรัทธาและมีการแสดงออกโดยสักการะในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งมงายไร้สาระ ไม่ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆพร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านไป สิ่งนี้ถือเป็นความกรุณาของพระองค์ ถ้าเราจะนับในความกรุณาของพระองค์ที่มีต่อเราแล้ว เราไม่สามารถที่จะคำนวณนับได้เลย ว่ามันมากมายเหลือเกิน แม้กระทั่งการที่พระองค์สร้างเราขึ้นมานั้น พระองค์มิได้ปล่อยปละละเลยให้พวกเราเกิดขึ้นมาตามยถากรรม ต้องทำมาหากินโดยลำพัง โดยการขาดการใส่ใจจากพระองค์ หามิได้ พระองค์เป็นผู้ประทานปัจจัยให้กับเรา ให้มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ในการที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้

          พระองค์ ได้ส่งศาสนทูต ส่งพระคัมภีร์ เพื่อที่เราจะได้นำมาเป็นดวงประทีปที่จะฉายทางเดินของเราไม่ให้หลงทางหรือหลงผิด มากมายเหลือเกินถ้าเราจะสาธยายในเรื่องความกรุณาของพระองค์ ที่มีต่อเรา มันมากมายขนาดนั้นแล้วยังไม่พออีก พระองค์เป็นห่วง พระองค์ทรงมีความรักต่อปวงบ่าวของพระองค์ รักถึงขนาดที่พยายามที่จะบัญญัติทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นวิถีทางที่จะผลักดันให้บ่าวของพระองค์นั้นได้รับความสุข ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ข้อที่เป็นบัญญัติของพระองค์ไม่ว่าจะเป็นข้อใช้หรือข้อห้าม ล้วนแล้วแต่ที่จะก่อประโยชน์ กับตัวของผู้ที่ปฏิบัติทั้งสิ้น มันเป็นความกรุณาของพระองค์โดยแท้

         และพระองค์ได้วางมาตรการในการที่จะตอบแทนคุณงามความดี หรือการทรยศคิดคดต่อพระองค์ ด้วยความกรุณาอีกเช่นกัน ในครั้งนี้จะขอหยิบยกนำเอา หะดิษกุรซีย์ เป็นหะดิษที่พระองค์ทรงมีวะฮีย์มาถึง ท่านนบีมูฮัมมัด  เป็นหะดิษที่ตรัสโดยที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ เป็นผู้ที่ถ่ายทอด เมื่อเราได้รับรู้หะดิษนี้แล้ว เราจะเพิ่มความรักที่ตัวเรามีต่อ พระองค์ เราจะเพิ่มการปฏิบัติในสิ่งที่ดีต่อตัวเรา ในข้อห้ามข้อใช้ของเราอย่างแน่นอน

          มีรายงานมาจากท่านอับดุลลอฮฺอิบนิอับบาส รอฎิยัลลอฮฺอันฮุมา ได้เล่าว่า ท่านได้รับรายงานจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ซึ่งท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้รับจากอัลเลาะห์ โดยตรง ที่เรียกว่าหะดิษกุรซีย์ ดังนี้


إِنَّ اللهَ كَتَبَ الْحَسَنَاتِ وَالسَّيِّئَاتِ ثُمَّ بَيَّنَ ذَلِكَ فَمَنْ هَمَّ بِحَسَنَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْهَاكَتَبَهَااللهُ عِنْدَهُ حَسَنَةً كَامِلَةً وَإِنْ هَمَّ بِهَافَعَمِلَهَا كَتَبَهَااللهُ عِنْدَهُ عَشَرَحَسَنَاتٍ إلَى سَبْعِمِائَةِ ضِعْفٍ إِلَى أَضْعَافٍ كَثِيْرَةٍ وَإِنْ هَمَّ بِسَيِّئَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْهَاكَتَبَهَااللهُ عِنْدَهُ حَسَنَةً كَامِلَةً وَإِنْ هَمَّ بِهَافَعَمِلَهَا كَتَبَهَااللهُ سَيِّئَةً وَاحِدَةٍ [ رَوَاهُ اْلبُخَارِيُّ وَمُسْلِمٌ ]


        มีใจความสรุปดังนี้ แท้จริง อัลเลาะห์ ได้ทรงบันทึก ทรงกำหนด ในเรื่องของการตอบแทน คุณงามความดี และความชั่วทั้งหลาย เมื่อบันทึกเสร็จแล้ว พระองค์จะอธิบายในสิ่งดังกล่าว คือ

         ความดีความชั่วนั้น ใครก็ตามที่มีความตั้งใจที่จะทำความดี และเขาไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ ในสิ่งที่เขาตั้งใจ อัลลอฮฺจะทรงบันทึกความดีอันนั้น แม้ว่าเขาจะยังมิได้ปฏิบัติ 1 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และ ใครก็ตามที่มีความตั้งใจที่จะทำความดี และเขาสามารถที่จะปฏิบัติได้ ในสิ่งที่เขาตั้งใจ อัลลอฮฺจะทรงบันทึก ความดีอันนั้น ให้ 10 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หรือถึง 700 เท่า หรือมากกว่า

         ส่วนใครก็ตามที่มีความตั้งใจที่จะทำในสิ่งไม่ดี มีความตั้งใจที่จะทำความผิด ที่เป็นการทรยศต่อพระองค์ เสร็จแล้วไม่ได้กระทำ ไม่ได้ทำเพราะความยำเกรงต่อพระองค์ ที่ไม่ได้ทำนั้นเพราะมีความกลัวการลงโทษของพระองค์ ที่ไม่ได้ทำนั้นหาใช่เพราะกลัวตำรวจ ที่ไม่ได้ทำนั้นเพราะมีความกลัวเกรงพระองค์อัลเลาะห์ กลัวว่าพระองค์จะบันทึกความชั่ว  แต่ความคิดที่จะกระทำความชั่วแล้วไม่ได้กระทำตรงนั้น กลับถูกบันทึกเป็น 1 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ คิดชั่ว คิดไม่ดี แล้วมีสติคิดขึ้นได้ ว่ามันเป็นเรื่องบาป มันเป็นเรื่องที่จะนำมาซึ่งความพิโรธของพระผู้เป็นเจ้า เขาได้ละทิ้งไม่ทำ อัลเลาะห์  ให้ 1 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ส่วนผู้ใดที่ตั้งใจทำความไม่ดี และสามารถปฏิบัติได้สำเร็จลุล่วงตามที่ได้ตั้งใจไว้ อัลลอฮฺ ก็จะบันทึกในการกระทำความชั่ว ในความผิดของเขา 1 ความชั่ว

(รายงานโดย บุคคอรีย์ และ มุสลิม)


         จากหะดิษบทนี้ ทำให้เราได้เข้าใจทันทีเลยว่า มันเป็นความเมตตากรุณาปรานีของ อัลลอฮฺอย่างยิ่งยวด ที่มีต่อพวกเรา ประสงค์ที่จะให้พวกเรานั้นได้รับแต่บุญกุศล ได้รับแต่การตอบแทนที่ดี เป็นตัวส่งเสริมที่จะผลักดันทำให้ เราได้เข้าสวรรค์ของพระองค์อย่างเร่งด่วน ตั้งใจทำความดีแล้ว แต่มิได้ทำ เราได้แล้ว 1 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ได้ลดหย่อนแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าหากเราตั้งใจกระทำในสิ่งที่ตั้งใจ ในความดีสิ่งนั้นเป็นผลสำเร็จ อัลลอฮฺ บันทึกให้ถึง 10 เท่า ถึง 700 เท่า หรือมากกว่า ซุบฮานัลลอฮฺ มันเป็นเรื่องที่ควรนำมาตรึกตรองและควรสำเหนียก ในความกรุณาของพระองค์ ซึ่งเป็นการต่อยอดความดีของเราให้เพิ่มพูนเป็นทวีคูณ ในขณะเดียวกัน ที่เราคิดที่จะกระทำในสิ่งไม่ดี คิดที่จะทำในสิ่งที่เป็นการทรยศต่อพระองค์นั้น เราไม่กระทำ อัลเลาะห์ จะตอบแทนให้ 1 ความดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่หากเราหลงระเริงไปกระทำมัน ในเรื่องความชั่ว อัลเลาะห์  ผู้มีความเมตตากรุณาปรานี จะตอบแทนให้ 1 ความชั่วเท่านั้น

          1 ความชั่วนี้ใน หะดิษ ไม่ได้บอกว่า ซัยยีอะห์กามีละห์ سيئة كاملة เหมือนกับสำนวนที่กล่าวไว้แล้ว พอเป็นการตอบแทนความดี ฮาซานะห์กามีละห์ حسنة كاملة จะบอกเพียงว่า ซัยยีอะห์วาฮิดะห์ سيئة واحدة ความไม่ดี มีเพียง 1 เท่านั้น ทั้งๆที่ความจริงแล้ว น่าที่จะตอบแทนให้สาสมมากกว่านี้ เพราะว่าก่อนที่จะทำมีการคิด มีการวางแผน มีการเตรียมการ  เสร็จแล้วเมื่อทำ อัลลอฮฺ กลับจดบันทึกความผิดของเขาเพียงแค่ 1 ความชั่วเท่านั้น จะหาใครที่มีความกรุณา มีความใจดีเหมือนกับพระองค์ อัลลอฮฺ อีกหรือ นี่คือความเมตตากรุณา


           บรรดานักมุฮัดดิซีน المحدثين จึงบอกว่า หะดิษนี้ เป็นกุญแจสำคัญที่บ่งบอกถึงเนียะมัตของอัลลอฮฺ ที่มีต่อพวกเราที่เป็นปวงบ่าวของพระองค์ มันไม่มีสิ่งใดอีกแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีปรากฏในคำกล่าวของบรรดา สลัฟซอและห์ ทั้งหลาย ซึ่งมีบอกว่า

 آحَادُهُ أَعْشَارَهُ اَلْوَيْلُ لِمَنْ غَلَبَتْ

"ความหายนะจะประสพกับบุคคลผู้ซึ่งที่ หนึ่งเดียวของเขานั้นไปชนะสิบของเขา"

          หนึ่งกับหนึ่งนั้น ใครจะเป็นผู้ชนะ ลองต่อสู้กันตัวต่อตัว อาจดูสูสี อาจจะแพ้ อาจจะชนะ กล้ำกึ่งกัน แต่ถ้า หนึ่ง ต่อ สิบ ใครจะเป็นผู้ชนะ แน่นอน สิบ ต้องชนะหนึ่ง บรรดาสลัฟซอและห์ จึงบอกว่า ความหายนะจะประสพกับคนที่ หนึ่ง นั้นไปชนะ สิบ ของเขา หนึ่งในที่นี้ คืออัซซัยยิอาด السيئات หนึ่งนั้นคือสิ่งที่ไม่ดีงาม ที่เขาปฏิบัติ ส่วนสิบของคือ อัลฮาซานาต الحسنات คุณงามความดี เพราะทำหนึ่งคุณงามความดีนั้นเท่ากับ สิบ แต่ถ้าทำชั่ว ทำหนึ่งความชั่วนั้นเท่ากับ หนึ่ง เมื่อนำไปขึ้นตาชั่งถ้าพบว่า หนึ่งนั้นไปชนะสิบ จะนำมาซึ่งความวิบัติ

          ในเมื่ออัลลอฮฺต่อขาให้กับเราแล้วในเรื่องของความดี เราได้ถึงสิบ มันย่อมที่จะชนะความไม่ดี เราทำความดีหนึ่งเดียว แต่ไปทำความไม่ดีสิบ อย่าง อย่างนี้เสมอกัน เพราะเราทำดีหนึ่ง ได้ สิบ ไปทำความชั่ว สิบ มันก็ได้ สิบ เสมอกัน กลายเป็นว่า ทำความดีแล้วไปแพ้ความชั่วเสียแล้ว ความชั่วมันมากกว่าความดีในตราชั่งวันกิยามะฮ์ ลักษณะนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายต่อชีวิตของเขา


          ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เห็นอย่างนี้แล้ว มันเป็นโอกาสทองของชีวิตที่เรา ต้องสร้างสมคุณงามความดีให้มาก พยายามปฏิบัติตามข้อใช้ ของอัลเลาะห์ อย่างเคร่งครัด และละทิ้งออกห่างจากสิ่งที่เป็นข้อห้าม เพียงแค่คิดดีเท่านั้น เราจะเป็นผู้ที่ได้รับกุศลแล้ว การคิดดีย่อมจะก่อกุศลกิจ ทำให้จิตของเราเป็นจิตที่สงบ ทำให้จิตของเราเป็นจิตที่สว่าง มีความสุข คิดดี คิดบวก นำมาซึ่งกุศลจิต ซึ่งก็คือ ความดีที่จะเกิดขึ้นต่อไป

          ส่วนคนที่คิดไม่ดี คิดลบ คิดอกุศล มันจะทำให้หัวใจของเขากลายเป็น อกุศลจิต ที่ในแต่ละวันมีแต่ความมัวหมอง มีแต่คิดชั่ว คิดไม่ดี คิดแต่อิจฉาริษยา ไม่มีความสุข จะมาบั่นทอนสุขภาพจิต สุขภาพกายของเขา ท้ายที่สุดในวันกิยามะฮ์ มันจะเป็นไฟที่จะเผาผลาญเราให้วอดวายอย่างแน่นอน


         ฉะนั้น คิดดี ทำดี พูดดี คบคนดี ย่อมนำไปสู่สถานพำนักที่ดี คือสรวงสวรรค์ของพระองค์อัลเลาะห์ ใครที่คิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดี และคบเพื่อนไม่ดี ย่อมนำไปสู่สถานพำนักที่ไม่ดี นั่นคือนรกอเวจีของพระองค์เช่นกัน

 

 

 

คุตบะห์ วันศุกร์  ณ มัสยิดท่าอิฐ