ให้รีบละศีลอดทันทีเมื่อถึงเวลา
  จำนวนคนเข้าชม  8100

ให้รีบละศีลอดทันทีเมื่อถึงเวลา


อ.อาหมัด อัลฟารีตีย์

 
عَنْ سَهْلِ بْنِ سَعْدٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنَّ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : «لاَ يَزَالُ النَّاسُ بِخَيْرٍ مَا عَجَّلُوا الْفِطْرَ». (البخاري رقم 1821، مسلم رقم 1838)
                                                           
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : «لاَ يَزَالُ الدِّينُ ظَاهِرًا مَا عَجَّلَ النَّاسُ الْفِطْرَ، لأََنَّ الْيَهُودَ وَالنَّصَارَى يُؤَخِّرُونَ». (أبو داود رقم 2006، صحيح سنن أبي داود للألباني رقم2063: حسن)

 จากท่าน สะหฺล์ อิบนุ สะอฺด์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า

“ผู้คนทั้งหลายจะยังคงมีสุขภาพดี ตราบใดที่พวกเขารีบละศีลอดทันที(ที่ถึงเวลา)

 (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ เลขที่ 1821 และมุสลิม เลขที่ 1838)

และจากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า

“ศาสนาจะยังคงเชิดเด่น ตราบใดที่ผู้คนยังรีบละศีลอดทันที(เมื่อถึงเวลา) เพราะพวกยิวและคริสต์จะชักช้า(ไม่รีบละศีลอดทันทีเมื่อถึงเวลา)

(รายงานโดย อบู ดาวูด เลขที่ 2006 ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด ของอัล-อัลบานีย์ หมายเลข 2063 เป็นหะดีษหะสัน)


คำอธิบายหะดีษ

            จากหะดีษข้างต้นชี้ให้เห็นว่า ในเรื่องการให้รีบละศีลอดเป็นความประเสริฐในหลักคำสอนอิสลามที่ต่างจากหลักคำสอนของศาสนาอื่นๆ เช่น ยิวและคริสต์ และศาสนาอิสลามส่งเสริมให้มุสลิมมีคุณลักษณะแตกต่างไปจากผู้ที่นับถือในศาสนาคริสต์และยิว

ซึ่งในรายงานของอบู ฮุร็อยเราะฮฺได้ระบุเพิ่มเติมว่า “เพราะว่าบรรดาชาวยิวและคริสต์นั้นจะล่าช้าในการละศีลอด”
          
ในรายงานอิบนุ หิบบาน และอัล-หากิมระบุว่า

 “ประชาชาติของฉันจะคงอยู่บนสุนนะฮฺของฉัน ตราบใดพวกเขาไม่รอคอยการละศีลอดกระทั่งดวงดาวโผล่ออกมา”

         อัล-มุฮัลลับ กล่าวว่า วิทยปัญญาดังกล่าวเพื่อมิให้การเพิ่มเวลากลางวันในเวลากลางคืน  และให้ละศีลอดทันที ซึ่งเป็นการเพิ่มความอ่อมน้อมถ่อมตนแก่ผู้มีศีลอด ขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มพลังในการประกอบอิบาดะฮฺ

(ฟัตหุลบารีย์ 4/194) 

ในรายงานบทหนึ่งของอบู ฮุร็อยเราะฮฺ กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึงพระดำรัสของอัลลอฮฺว่า

 “บ่าวของฉันที่รักฉันมากที่สุดก็คือผู้ที่ละศีลอดทันที(เมื่อถึงเวลา)

อัต-ติรมีซีย์มีทัศนะว่า เป็นหะดีษหะสันเฆาะรีบ
 

         อัฏ-ฏ็อยบีย์ กล่าวว่า เป็นการหวังว่าจะได้รับความกรุณาปรานีจากอัลลอฮฺ อันเนื่องมาจากการเจริญรอยตามสุนนะฮฺของท่านรอซูลและห่างไกลจากบิดอะฮฺ และเป็นการขัดแย้งกับชาวคัมภีร์
 

         อัล-กอรีย์ กล่าวว่า ในหะดีษข้างต้นชี้ให้เห็นถึงความประเสริฐของประชาชาติของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม การเจริญรอยตามซุนนะฮฺ และเป็นการยืนยันว่าจะได้รับความกรุณาปรานีจากอัลลอฮฺ ตามที่พระองค์ได้ตรัสว่า

﴿قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللهُ﴾ (آل عمران : 31 )

“จงกล่าวเถิดมุหัมมัด หากพวกท่านรักใคร่อัลลอฮฺอย่างแท้จริงแล้ว ดังนั้นพวกท่านก็จงตามฉัน แน่แท้อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน”

(อาล อิมรอน 31)

         อัมร์ บิน มัยมูน อัล-เอาดีย์ กล่าวว่า แท้จริงบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบีนั้น จะละศีลอดทันที (เมื่อถึงเวลาละศีลอด) และเป็นผู้ที่ล่าช้าที่สุดในการรับประทานอาหารสะหูรฺ   

  (ตุหฺฟะตุล อะหฺวะซีย์ 3/386)
 
 

บทเรียนจากหะดีษ

        1.      ศาสนาอิสลามยังคงเป็นศาสนาที่สูงส่งและประสบชัยชนะเหนือศาสนาอื่น ด้วยความสัจธรรมและการยอมรับจากอัลลอฮฺอันเป็นศาสนาที่พระองค์ทรงโปรดปราน

        2.      อิสลามยังคงเป็นศาสนาแห่งสัจธรรม ตราบใดที่ผู้ที่นับถืออิสลามยังคงยึดมั่นในหลักคำสอนอิสลามอย่างมั่นคง ประการหนึ่งคือ ด้วยการรักษาเวลาในการละศีลอด (ละทันทีเมื่อถึงเวลา)

3.      ฝึกฝนให้มุสลิมมีความเคยชินกับระเบียบและการตรงต่อเวลาในการประกอบอิบาดะฮฺ

4.      อิสลามเอาใจใส่ต่อผู้ที่ถือศีลอดและส่งเสริมให้ประกอบอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ

        5.      ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะไม่พึงพอใจหากประชาชาติของท่านล่าช้าในการละศีลอด ฉะนั้นด้วยเหตุการล่าช้าในการละศีลอดจะนำไปสู่ความเสียหายต่อศาสนาได้

        6.      เพื่อให้เกิดความแตกต่างไปจากการดำเนินชีวิตของชาวยิวและคริสต์ โดยเฉพาะวิธีการละศีลอด ซึ่งหลักฐานจากหะดีษพบว่าพวกเขาจะล่าช้าในการละศีลอด

7.      การละศีลอดทันทีเมื่อถึงเวลานั้นเป็นซุนนะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม 

8.      การละศีลอดทันทีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ถือศีลอด