ที่มาของความสุข
  จำนวนคนเข้าชม  9124

ที่มาของความสุข 


 

แปลและเรียบเรียง อ.อนันต์( มูฮำหมัด ) ม่วงอุมิงค์


 

          แท้จริงความสุขนั้นเป็นความต้องการ และเป็นเป้าหมายของมนุษย์ทุกคน มนุษย์ทุกคนมีความหวัง ทุกคนต่างแสวงหาและขวนขวาย ในการให้ได้รับ และให้ได้มาซึ่งความสุขนั้น

 
         เมื่อพิจารณาถึงสภาวะการณ์ของมนุษย์ และทัศนะความคิดของพวกเขา ในหนทางและวิธีการ ให้ได้รับความสุข จะพบว่าวิถีทาง และทัศนคตินั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะมนุษย์บางคนแสวงหาความสุข ต้องการความสุข โดยการมีเกียรติ และการเป็นผู้นำ และบางคนแสวงหาความสุข ด้วยความร่ำรวย และทรัพย์สินเงินทอง และส่วนบางคนแสวงหาความสุข ด้วยความสนุกเพลิดเพลิน การเล่นสนุกสนานไร้สาระ และถึงแม้จะเป็นของฮารามผิดหลักศาสนาก็ตาม และบางคนแสวงหาความสุข ด้วยการเสพติดสิ่งที่ฮาราม เช่น เหล้า และสิ่งเสพติดต่าง ๆ สารมึนเมา และสิ่งที่ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมต่าง ๆนานา ตามความต้องการของแต่ละคน

 
และหากมีคนถามเขาว่า “ ท่านกำลังค้นหาอะไร ? และท่านต้องการสิ่งใด ?
 

       เขาก็จะตอบว่า "ฉันกำลังค้นหาความสุข...... ฉันต้องการความสบาย..... ฉันต้องการความสนุกสนาน...... ฉันต้องการความสุขความเบิกบานใจ....... ฉันต้องการขจัดความเศร้าโศกความเศร้าหมอง และต้องการออกห่างไกลจากความเสียใจ และความเจ็บปวด"
 

         แต่ทว่าความคิดและความเข้าใจแตกต่างกัน สติปัญญา การคิดวิเคราะห์เหลื่อมล้ำกัน และทุก ๆวิถีทางของเขา เขาเป็นผู้รับผิดชอบ ควบคุมดูแล  ยิ่งกว่านั้นมนุษย์จำนวนมาก แสวงหาความสุข ในสิ่งที่สร้างความโชคร้าย และความวิบัติให้กับตัวเองในโลกดุนยา และในโลกอาคิเราะฮ์ เปรียบเสมือนกับผู้ที่ค้นหาทางรอดจากความตาย แต่มันก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
 

          แต่สำหรับมุสลิมแล้ว ด้วยกับสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ ได้ประทานให้กับเขาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวของศาสนาอย่างถ่องแท้ โดยการฮิดายะฮ์ ประทานทางนำจากพระผู้เป็นเจ้า ทำให้เขาได้รู้และเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ในอำนาจของอัลลอฮ์  และแท้จริงเขาจะไม่ได้รับความสุขยกเว้นด้วยกับความพึงพอใจจากองค์อัลลอฮ์  เท่านั้น
 

          ความหมายโดยสรุป คือ มุสลิมจะต้องตระหนักและรับรู้ว่า แท้จริงความสุขที่เขาจะได้รับนั้นอยู่ในกรรมสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์แต่เพียงผู้เดียว และแท้จริงเขาจะไม่ได้รับมันนอกเสียจากความพึงพอพระทัยจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

 

{  فمن اتبع هداي فلايضل ولايشقى } 

 

"บุคคลใดก็ตามที่ปฏิบัติตามทางนำของฉัน เขาจะไม่หลงทาง และจะไม่พบกับความโชคร้าย"
 

(ซูเราะฮ์ ตอฮา ) 

 

         การปฏิเสธการหลงทางในโองการนี้ เป็นการยืนยันในการได้รับทางนำ และการปฏิเสธความโชคร้ายในโองการนี้เป็นการยืนยันของการได้รับความสุข
 

พระองค์อัลลอฮ์  ได้ตรัสอีกว่า

 

{  ماأنزلنا عليك القرآن لتشقى }

 

"เราไม่ได้ประทาน อัลกุรอานแก่ท่าน เพื่อให้ท่านได้รับความโชคร้าย"
 

 ( ซูเราะฮ์ ตอฮา ) 
 

หมายถึง เราได้ประทานอัลกุรอานแก่ท่านเพื่อให้ท่านได้รับความสุข
 

 

          ความสุขที่แท้จริงนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และบ่าวจะไม่ได้รับความสุขนอกเสียจากด้วยการทำการภักดีต่ออัลลอฮ์ ไม่ว่ามนุษย์จะค้นหาความสุขให้เกิดขึ้นกับตัวของเขาในหนทางใด เขาก็จะไม่ได้รับไม่ได้พบกับความสุข นอกเสียจากความโชคร้าย ความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก ความเหน็ดเหนื่อย สภาวการณ์ที่เลวร้าย และการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์  ความสุขนั้นอยู่ในอำนาจของอัลลอฮ์ ผู้ให้กิจการงานต่าง ๆ เกิดความสะดวกง่ายดาย ผู้ที่ทำให้หัวอกหัวใจปลอดโปล่ง ผู้ให้ความช่วยเหลือ ผู้ชี้นำ ผู้ประทานความสำเร็จ อยู่ในอำนาจของพระองค์ การบริหารจัดการกิจการงานต่าง ๆ พระองค์จะให้ จะขัดขวาง จะยกเกียรติ จะให้ต่ำต้อย จะยับยั้ง จะช่วยเหลือ จะชี้นำ จะให้หลงทาง จะให้ร่ำรวย จะให้ยากจน จะให้หัวเราะ จะให้ร้องไห้ 
 

ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ได้ตรัสว่า
 

 { وأنه هو أضحك وأبكى  }

" พระองค์คือผู้ที่ ให้หัวเราะ และให้ร้องไห้ "
 

( ซูเราะฮ์ อันนัจมฺ )


          กิจการงานทั้งหมดอยู่ในอำนาจการบริหารการจัดการของพระองค์อัลลอฮ์ แต่เพียงผู้เดียว และสิ่งใดที่พระองค์ทรงพระประสงค์ พระองค์ก็จะให้บังเกิด และสิ่งใดที่พระองค์ไม่ทรงพระประสงค์สิ่งนั้นก็ไม่บังเกิดขึ้นมา ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า


 { قل اللهم مالك الملك تؤتي الملك من تشاء ونتزع الملك ممن تشاء وتعزمن تشاء وتدل من تشاء بيدك الخير إنك على كل شيئ قدير }
 

"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าข้าแต่อัลลอฮ์ผู้ทรงอภิสิทธ์แห่งอำนาจทั้งปวง

พระองค์นั้นจะทรงประทานอำนาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงถอดถอนอำนาจจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์

และพระองค์จะทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงยังความต่ำต้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์

ความดีทั้งหลายนั้นอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง "
 

( ซูเราะฮ์ อาละอิมรอน )

ดังนั้นกิจการงานทั้งหมดอยู่ในอำนาจของอัลลอฮ์ และพระองค์ได้ตรัสไว้อีกว่า

 
{تبارك الدي بيده الملك وهو على كل شيء قدير } 

"ความเจริญสุขจงมีแด่พระผู้ซึ่งอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง "

( ซูเร๊าะฮ์ อัลมุลกฺ )

          รากฐานที่เป็นกฎเกณฑ์ที่ให้ได้มาซึ่งความสุขที่แท้จริง และเป็น ศูนย์รวมของทั้งหมดทั้งมวลของมูลเหตุที่ทำให้เกิดความสุขที่แท้จริง คือ 

 

     ♥- การอีหม่านต่อองค์อัลลอฮ์  การอีหม่านต่อพระองค์ โดยการเชื่อและศรัทธาอย่างแท้จริงว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นผู้สร้าง เป็นผู้ประทานริสกี เป็นผู้บริหารจัดการ วางแผนการ เป็นผู้ที่ให้ และเป็นผู้ทรงยับยั้ง เป็นผู้ทรงลดให้ต่ำ เป็นผู้ทรงยกให้สูง เป็นผู้ทรงคลอบคลุมทุกสิ่ง เป็นผู้ทรงเผื่อแผ่

 

     ♥- และต้องศรัทธาเชื่อมั่นว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์  เป็นผู้ที่ถูกกราบไหว้โดยเที่ยงแท้ และไม่มีผู้ที่ถูกกราบไหว้โดยเที่ยงแท้นอกจากพระองค์อัลลอฮ์ องค์เดียวเท่านั้น 

 

     ♥- และต้องศรัทธาเชื่อมั่นว่า แท้จริงกิจการงานทั้งมวลนั้นเป็นกรรมสิทธ์ของพระองค์ และด้วยการกำหนดและลิขิดของพระองค์ ไม่มีผู้ที่มาย้อนกลับให้กับคำตัดสินของพระองค์ 

 

     ♥- และสิ่งใดที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงลิขิต ทรงกำหนดไว้ก็ไม่มีผู้ใดมาปัดป้อง ขจัดออกไป สิ่งใดที่พระองค์ทรงประสงค์มันก็จะปรากฏ และสิ่งใดที่พระองค์ไม่ประสงค์ สิ่งนั้นมันก็ไม่เกิด

 

     ♥- และดำเนินตามแสงสว่างของรากฐานอันนี้พร้อมกับการวางอยู่บนศูนย์รวมของความสำเร็จทั้งมวล

          นั้นก็คือการอีหม่านศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และศรัทธาเชื่อมั่นต่อสิ่งที่อีหม่านได้บ่งชี้หรือให้ความหมายความเข้าใจ จากการปฏิบัติความดีต่ออัลลอฮ์ ในเรื่องการตออัต การปฏิบัติอาม้าลซอและฮ์ที่ดีงาม  سعادة ความสุขที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น 

พระองค์อัลลอฮ์ ได้ตรัสว่า


{ من عمل صالحا من دكر أو أنثى وهو مؤمن فلنحيينه حياة طيبة ولنجزينهم أجرهم بأحسن ماكانوايعملون }

"ผู้ใดปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตามโดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้นเราจะให้เขาดำรงชีวิตที่ดี

และแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขา ซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้ "
 

(อยู่ในซูเราะฮ์ อันนะฮลิ )

          ชีวิตที่ดี ที่ไม่พบกับความลำเค็ญ ความเดือดร้อน ความเจ็บปวด และความเศร้าโศกเสียใจ นั้นคือการมีชีวิตของการมีอีหม่าน การมีความศรัทธา และเป็นการมีชีวิตของการตออัต การภักดีต่ออัลลอฮ์  เพราะเหตุนี้เอง มุสลิมที่ดี ต้องมีอิหม่านที่เข้มแข็งอยู่ตลอดในชีวิต นั้นก็คือ การใช้ชีวิตที่ดี มีความสุข สบายใจไม่ทุกข์ร้อน ด้วยสาเหตุที่พระองค์อัลลอฮ์ให้เกียรติเขา โดยการประทานการอีหม่านการศรัทธาให้กับเขา

ชัยคุ้ลอิสลามอิบนุตัยมีย๊ะฮ์ ได้กล่าว่า 

 

"การศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และรอซู้ลของพระองค์ คือ ศูนย์รวมของความสุข และเป็นรากฐานของความสุข"

          ดังนั้นบรรดาผู้ที่มีความศรัทธามั่นต่ออัลลอฮ์ พวกเขาคือบรรดาผู้ที่มีความสุข และบุคคลใดที่ขาดอีหม่านไม่มีการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ความสุขก็จะหายไปจากเขา เขาจะขาดความสุข และเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาผู้ที่โชคร้าย ในโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮ์

          ด้วยเหตุนี้เองสมควรอย่างยิ่งจะต้องศึกษาให้รู้ว่า แท้จริงอีหม่านการศรัทธานั้น เป็นความสุข ความเพลิดเพลิน และเป็นสวรรค์ที่ถูกหยิบยื่นให้อย่างรีบเร่ง สำหรับมุมินผู้ศรัทธาในโลกดุนยานี้ และชัยคุ้ลอิสลามอิบนุตัยมีย๊ะฮ์ได้กล่าวยืนยันในความหมายนี้ว่า 

"ในดุนยานี้เป็นสรวงสวรรค์ของผู้ที่จะไม่ได้เข้าสวรรค์ เขาจะไม่ได้เข้าสวรรค์ของโลกอาคิเราะฮ์"
 

          เขามุ่งหมายถึงสวรรค์ของการศรัทธา ความสุขของการศรัทธา ความหวานชื่นของการศรัทธา และสิ่งที่มุมินจะได้พบในการอีหม่านศรัทธาของเขา คือความสุข ความสบายใจ ท่านนบีมุฮัมมัด ได้มีพระวจนะว่า

(  جعلت قرة عيني في الصلاة   ) 
 

"ฉันได้ทำให้เกิดความสุขความสบายใจในการละหมาดของฉัน"
 

 

และท่านนบี  ได้มีพระวจนะอีกว่า

 (   أرحنا بالصلاة يابلال )    

"โอ้บิล้าล ท่านจงทำให้เราเกิดความสบายใจความสุขใจ ด้วยการละหมาด"
 

 

           การอีหม่านการศรัทธา และสิ่งที่เป็นผลตามมาตามมา และสิ่งที่ทำให้อีหม่านนั้นสมบูรณ์ นี่ละคือความสุขที่แท้จริง และคือความสุขในโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮ์ และเพราะเหตุนี้เอง ผู้ใดที่เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ศรัทธา เป็นผู้ทำให้อีหม่านนั้นประจักษ์ชัด และปฏิบัติตามเป้าหมาย ความต้องการของการศรัทธาการอีหม่าน เขาจะได้รับความสุขตามขีดขั้นหรือระดับของการมีอีหม่านที่มีอยู่ที่ตัวของเขา และเมื่อใดก็ตามที่อีหม่านของเขานั้นอ่อนแอ ส่วนที่เขาจะได้รับจากความสุขก็ลดน้อยลงเช่นเดียวกันตามระดับอีหม่านที่เขามี และเมื่ออีหม่านได้หายไปความสุขก็หายไปจากเขาด้วย

          ดังนั้นอีหม่านทำให้เกิดความสุข ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ และด้วยการมีอีหม่านจะทำให้จิตใจปลอดโปล่งมีความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า


{ الدين آمنوا وتطمئن قلوبهم بدكرالله ألابدكرالله تطمئن القلوب الدين آمنواوعملواالصالحات طوبى لهم وحسن مآب }
 

 

"บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์ พึงทราบเถิดด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์เท่านั้น ทำให้จิตใจสงบ

บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี ความผาสุกย่อมได้แก่พวกเขา และเป็นการกลับไปที่ดียิ่ง "

 

(ซูเราะฮ์ อัรรออดุ )