ความยำเกรงในสังคมส่วนรวม
  จำนวนคนเข้าชม  9178

ความยำเกรงในสังคมส่วนรวม


 

โดย  อ.อัสวัท เลาะเฮาะ

 

         ขอความสุขสวัสดี ความกรุณาปรานีอัลลอฮ์  จงประสบแด่พี่น้องมุสลิม ผู้ศรัทธา ที่มาร่วมละหมาดวันศุกร์ ก่อนอื่นข้าพเจ้าใคร่ขอตักเตือนเราท่านทั้งหลายให้ตั้งมั่นอยู่ในการตักวา มีความยำเกรงต่อ อัลลอฮ์  ประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ พร้อมทั้งละเว้นทุกสิ่ง ที่พระองค์ทรงห้าม 

 

         ด้วยการตักวานี้เองที่ อัลลอฮ์  ทรงรับรองยืนยัน เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะนำเราท่านทั้งหลายสู่สรวงสวรรค์อันบรมสุข ที่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับปวงบ่าวของพระองค์ผู้ที่ภักดี ซึ่งบ่าวของพระองค์ที่บริหารจัดการภารกิจต่างๆตามพระบัญชาใช้ ไม่ว่าจะเป็นงานส่วนรวมของสังคมใหญ่น้อย หรือในระดับสถาบันครอบครัว อีกทั้งการดูแลบริหารตัวเอง ให้อยู่ในครรลองของศาสนาก็ตาม และตรงจุดนี้ เป็น อมานะห์ ที่อัลลอฮ์  ฝากฝังไว้ ให้บ่าวของพระองค์ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำชุมชน ผู้นำครอบครัว เราท่านทั้งหลายได้รับรู้ รับฟังพระราชดำรัสจาก อัลลอฮ์   ซูเราะห์ سورة البقرة อายะห์ 30 ความว่า

 

"และเมื่อครั้งที่องค์อภิบาลของเจ้าได้ตรัสแก่มวล มลาอิกะห์ว่า ข้าปรารถนาที่จะสร้างผู้สืบทอดขึ้นในพิภพ"

 

          ฉะนั้นหน้าที่ตรงนี้ สมควรอย่างยิ่งที่เราท่านทั้งหลายต้องผดุงไว้ นักวิชาการทางด้านปรัชญาอิสลามพูดเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวไว้ว่า การที่สังคมจะดีมีคุณธรรม ไม่ผิดทิศทางตามที่ศาสนา พยายามให้เป็นนั้น ต้องเริ่มจากสถาบันครอบครัว ซึ่งการเป็นผู้นำครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ที่จำเป็นต้องใช้วิสัยทัศน์ ในการปกครองที่จะบ่มเพาะเยาวชนบุตรหลานให้เดินทางที่ดี ซึ่งเยาวชนเหล่านั้นจะต้อง ได้รับการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ จึงจะสามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดี และสิ่งดังกล่าวเหล่านี้ นักวิชาการทางด้านปรัชญาอิสลาม กล่าวว่า การที่คนๆหนึ่งจะมีคุณสมบัติอย่างนี้ได้ จะต้องมีตักวา และการยำเกรงย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากความรู้ศาสนา พระราชดำรัสจาก อัลลอฮ์   (ซูเราะห์ فاطر อายะห์ 28 )

 

"ส่วนหนึ่งจากบ่าวของพระองค์ คือ บรรดาผู้มีความรู้เท่านั้นที่ยำเกรงต่ออัลลอฮ์"

         อุลามะห์ได้อธิบายถึงสาเหตุเพราะเหตุใดที่อายะห์นี้ถึงกล่าวอย่างนี้ เพราะผู้ที่ไม่รู้นั้น ย่อมไม่อาจรู้ ว่าอะไรที่วายิบ(จำเป็น)ที่ต้องกระทำ หรือสิ่งใดที่ต้องละเว้นห่างไกล และด้วยกับความรู้จึงเป็นเส้นทางสู่สรวงสวรรค์ และ อัลลอฮ์   ได้ย้ำเตือนเราท่านทั้งหลายให้ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวว่า (ซูเราะห์ سورة التحريم อายะห์ 6 )

"โอ้ผู้มีศรัทธาทั้งหลายจงปกป้องตัวเองและครอบครัวของพวกท่านให้ห่างจากไฟนรกเถิด"

          และทั้งหลายทั้งปวงนี้คือขอบข่ายที่ศาสนาได้วางเอาไว้ให้กับปวงบ่าวของพระองค์ ท่านร่อซู้ล  ได้แจ้งถึงสัญญาณที่ อัลลอฮ์  จะประทานความดี ที่เป็นเส้นทางสู่สรวงสวรรค์ไว้ว่า

"ผู้ใดที่อัลลอฮ์ ประสงค์ให้ได้รับความดีนั้น อัลลอฮ์ จะให้เขาได้เข้าใจศาสนา"

         เมื่อเรามาพิจารณาในยุคสมัยปัจจุบัน การดูแลครอบครัว บางครั้งยังขาดตกบกพร่องในเรื่องราวของศาสนา ไม่อบรม ไม่บ่มเพาะ สร้างสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นตัวโน้มน้าว ให้มีความคุ้นเคยกับภารกิจที่เป็นเรื่องศาสนาใช้ ศาสนาห้าม สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่บั่นทอนความเสื่อมโทรมของศาสนาและสุขภาพจิตของสังคมโดยรวม อาจจะด้วยเหตุผลที่จำเป็นต้องประกอบสัมมาอาชีพ ที่ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนภายในครอบครัว หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ที่ทำให้ลืมจุดสำคัญที่โยงใยครอบครัวกับสังคมภายนอก โดยเฉพาะสังคมอิสลามของเรา อันเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข อย่าปล่อยให้ลุกลามจนเกินที่จะเยียวยา ซึ่งบางทีอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็จำเป็นต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป 

อัลลอฮ์   ตรัสว่า (ซูเราะห์ سورة آل عمران อายะห์ 104 )

"และพวกเจ้าจงเป็นประชาชาติที่ทำหน้าที่เรียกร้องไปสู่ความดีงาม และใช้ในคุณธรรม และห้ามจากสิ่งต้องห้าม และพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นพวกสมหวังโดยแท้"

          จากอายะห์นี้ อัลลอฮ์  ได้มีพระบัญชาให้ผู้ปกครองในทุกระดับชั้นปฏิบัติกับผู้อยู่ใต้การปกครอง หรือคนในระดับเดียวกัน ในการที่จะสั่งใช้และสั่งห้ามกันตามที่พระองค์บัญญัติมา และกระบวนการดังกล่าวคือการสร้างสังคมแบบอิสลาม ที่มุ่งเน้นคุณธรรม จริยธรรม ที่ทำให้สังคมเกิดความสงบสุขและมีเสถียรภาพ 

 

ท่านร่อซู้ล  กล่าวว่า

"ท่านจงยำเกรง อัลลอห์ ไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม และเจ้าจงปฏิบัติความดี เพื่อมาลบล้างความชั่ว และจงปฏิบัติกับมนุษย์ด้วยมารยาทอันงดงาม"
 

( รายงานโดย ติรมีซี)

          นักวิชาการได้อธิบาย การยำเกรงต่อ อัลลอฮ์  คือการที่บ่าวกลัวการลงโทษ ซึ่งบ่าวได้ทำให้เป็นสิ่งที่จะมาเป็นตัวขัดขวาง จากการกระทำความผิด และเป็นตัวกระตุ้นให้ประพฤติในสิ่งที่อัลลอฮ์  ทรงพอพระทัย ไม่ว่าบ่าวนั้นจะอยู่คนเดียว หรืออยู่ร่วมกับสังคมหมู่มาก ไม่ว่าคนจะเห็นหรือไม่ก็ตาม

         ท่านร่อซู้ล  ได้ให้การอบรม เรื่องการอยู่ร่วมกับสังคม ว่าท่านจงพยายามด้วยตัวของท่านเองในการประพฤติดีกับผู้คน ทั้งนี้เยาวชนรุ่นใหม่ที่อยู่ใต้การปกครองในยุค Social network การสื่อสารไร้พรมแดน ซึ่งล่อตาล่อใจ จึงต้องมีอุดมการณ์อิสลาม ที่เป็นเหมือนจุดยืน ไม่ให้หลงทาง หรือหมกมุ่นจนทำให้ลืม อมานะห์ ที่ อัลลอฮ์ และ ท่านร่อซู้ล  ได้มอบหมาย ให้สืบทอดเจตนารมณ์อิสลาม มาถึงพวกเราจนถึงทุกวันนี้ ดังพระดำรัสของ อัลลอฮ์ ตรัสว่า (ซูเราะห์ سورة آل عمران อายะห์ 102 )

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงยำเกรงต่อ อัลลอฮ์ อย่างแท้จริงเถิด

และพวกเจ้าจงอย่าตายจนกว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้สวามิภักดิ์ ยำเกรงต่อ อัลลอฮ์ "

 

         สุดท้ายนี้ขอให้ อัลลอฮ์  ทรงประทานพรให้พวกเราทำ อมานะห์ ที่ อัลลอฮ์  มอบหมายให้ จนกระทั่งเราท่านทั้งหลายได้ไปอยู่ร่วมพร้อมหน้ากับ ท่านร่อซู้ล ในสวนสวรรค์



 

คุตบะฮ์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ