ระลึกถึงวันอีด
  จำนวนคนเข้าชม  8747

 

ระลึกถึงวันอีด


 

โดย… อาจารย์ อั๊ดนาน เชื้อผู้ดี 

 

          ศรัทธาชนที่รักและเคารพทั้งหลายครับ ขอเราและท่านทั้งหลาย ได้โปรดตั้งมั่นอยู่บนความยำเกรง ตักวาต่อ พระองค์อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา อัลฮัมดุลิ้ลลาห์  นับเป็นความโปรดปรานของพระองค์อัลลอห์  ที่พระองค์ทรงโปรดเมตตา ให้เราและท่านทั้งหลาย ได้มีชีวิตมาถึง วันอีดิ้ลอัฏฮา นี้อีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นวันที่พระองค์อัลลอห์  ได้เรียกวันนี้ ในอัลกุรอานว่าวัน เยามั้ลฮัจย์ญิ้ลอักบัร เป็นวันฮัจยีครั้งยิ่งใหญ่ 

 

          ท่านพี่น้องที่รักครับ มีสิ่งที่เราลองมาตั้งข้อสังเกตุดูกันนิดนึง วันอีดิ้ลอัฏฮา ถ้าจะเปรียบเทียบกับ วันอีดิ้ลฟิตรี ความรู้สึกของคนหลายๆคนนั้น จะมีความรู้สึกว่ามันต่างกัน ไม่ค่อยตื่นเต้นกันเท่าใด สำหรับวันอีดิ้ลอัฏฮา แต่สำหรับคนอีกหลายๆคน เขามีความตื่นเต้นไม่ต่างกัน เพราะคนบางคนที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับ วันอีดิ้ลอัฏฮา อาจเป็นเพระนับตั้งแต่เข้าเดือน ซุ้ลฮิจยะห์  ไม่ได้ทำอะไร ใช้ชีวิตปกติ พอถึง วันอีดิ้ลอัฏฮา คือวันนี้ จึงรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าเป็น วันอีดิ้ลฟิตรี่ ซึ่งเราต้องถือศีลอดมาตลอดเดือน วันอีดิ้ลฟิตรี่ จึงถือเป็นวันที่เราได้รับรางวัล แต่ใครก็ตามที่ได้ปฏิบัติอามั้ลอิบาดะห์ ตั้งแต่เข้าเดือน ซุ้ลฮิจยะห์ เหมือนกับพี่น้องของเราทึ่ไปประกอบพิธีฮัจย์ วันนี้จึงเป็นวันที่เหมือนเป็นวันที่เราได้รับรางวัล จากพระองค์อัลลอห์  ดังนั้นถ้าเราอยากให้ วันอีดิ้ลอัฏฮา เป็นวันที่เราเห็นคุณค่า จงอย่าได้ปล่อยให้เดือน ซุ้ลฮิจยะห์  ตั้งแต่วันที่หนึ่งผ่านพ้นไปโดยไม่ได้ทำอะไร 

 

         ไม่เป็นไรครับท่านพี่น้อง ปีนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ทันแล้ว แต่ถ้าพระองค์อัลลอห์  ให้เรามีชีวิตอยู่จนถึงปีหน้า ขอให้เราตั้งเจตนาไว้ว่า เมื่อเข้าสู่เดือน ซุ้ลฮิจยะห์ เราจะปฏิบัติอามั้ลอิบาดะห์ ให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถือศีลอดสุนัต ซึ่งมีหะดิษบทหนึ่งที่ท่านรอซูลุลลอห์ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิว่าซัลลัม กล่าวถึงการถือศีลอดในวันที่ ๑ จะได้รับการอภัยโทษจากพระองค์อัลลอห์  และในวันอื่นๆ ได้มีระบุไว้อย่างชัดเจน

 

          ท่านพี่น้องทีเคารพ คนที่ไม่ได้เข้าสู่สนามการแข่งขัน เวลาเดินถึงเส้นชัยคงไม่รู้สึกดีใจ ซึ่งต่างจากคนที่พยายามต่อสู้จากจุดเริ่มต้น หรือจุดสตาร์ท(START) พอถึงจุดเส้นชัย จึงมีความรู้สึกปลื้มใจ แต่คนที่ไม่ได้ลงสนามการแข่งขัน เมื่อเดินถึงเส้นชัยจึงรู้สึกงั้นๆ  ฉะนั้นทั้งสองวันอีดด์นี้ เราต่างอวยพร ต่างแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน หลังจากที่เรากลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนที่เคยเป็น โดยไม่ได้ใส่ใจในแก่นแท้ของวันอีดที่อิสลามต้องการนั้นคืออะไร เด็กบางคนบอกว่าวันนี้คือวันรายอ หรือวันกายอ วันที่ได้ตังค์แจก วันนี้เป็นวันที่มีของกินเยอะ

 

          ท่านพี่น้องทีเคารพ ขอให้เรามีสำนึกว่า วันอีด นั้นเป็นวันที่พระองค์อัลลอห์  ประทานเป็นรางวัลให้กับเรา ดังนั้นเราจะต้องจำแก่นแท้ของ วันอีด นั้นคืออะไร อาจจะเปรียบเทียบวันอีดในปัจจุบัน กับในยุคของท่านรอซูลุลลอหฺ  นั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

 

          ในสมัยของท่านรอซูลุลลอหฺ  บรรดาผู้ศรัทธาในยุคนั้นต่างต้องดิ้นรนฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการเพื่อพิทักษ์อิสลามให้คงอยู่ ด้วยกับสรรพกำลังที่มีอยู่ ไม่ว่าจะด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังความคิด หรือแม้กระทั่งด้วยชีวิต วันอีดหลายๆครั้งในยุคของท่านรอซูลุลลอฮ์  เป็นวันประกาศความเกรียงไกรและความสูงส่งแห่งอัลอิสลาม เสมือนหนึ่งเป็นวันแห่งการพระราชทานรางวัลแด่บรรดาวีรชนผู้กล้า ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีฮิจเราะห์ศักราชที่เก้า ท่านอาลีย์อิบนิอบีตอลิบผู้ทำหน้าที่แทนท่านนบี  นำพี่น้องมุสลิมเข้ามักกะห์เพื่อประกอบพิธีฮัจย์ พร้อมประกาศโองการแห่งพระองค์อัลลอห์  ที่ว่า


وأذان من الله ورسوله الى الناس يوم الحج الأكبر أن الله برئ من المشركين ورسوله....


“ และเป็นการประกาศจากพระองค์อัลลอห์ และร่อซู้ลของพระองค์ แด่ประชาชนทั้งหลาย ในวันฮัจยีอันยิ่งใหญ่ ว่า

แท้จริง อัลลอห์ และร่อซู้ล ของพระองค์นั้นทรงพ้นจากข้อผูกพันของเหล่ามุชรีกีนทั้งหลาย “

 

          หลังจากนั้น กาลีม่าตุ้ลลอห์( كلمة الله ) หรือ ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอห์ มูฮัมม่าดุ้รรอซูลุ้ลลอห์ ( لا إله الا الله محمد رسول الله ) ยังคงประกาศอย่างกึกก้องเกรียงไกรในนครมักกะห์ และรอบๆนครมักกะห์ และในฮิจเราะห์ศักราชที่สิบ ท่านรอซูลุลลอหฺ  เป็นผู้นำมุสลิมเดินทางมายังนครมักกะห์ เพื่อประกอบพิธีฮัจย์ หรือที่เรียกว่า ฮัจย์ว่าตุ้ลวาดาอ์ ( حجة الوداع ) ฮัจย์อำลา เพราะเป็นฮัจย์ครั้งแรกของท่านนบี  และครั้งสุดท้ายของท่าน

          ท่านพี่น้องทีเคารพ เรากลับมาลองวิเคราะห์ดูว่าในสองปีที่กล่าวมานี้คือปีที่ ๙ และปีที่ ๑๐ จะพบประเด็นหลักๆอยู่สองประการ คือ 

๑. เราจะพบจุดจบและความสิ้นหวังของเหล่ามุชรีกีนมักกะห์

๒. เราจะพบจุดสมบูรณ์ของอัลอิสลามหลังจากที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่าและการเสียสละของเหล่าวีรชนผู้กล้า 

พระองค์อัลลอห์  ได้กล่าวไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ดังนี้


يوم يئس الذين كفروا من دينكم فلا تخشوهم واخشونى اليوم أكملت لكم دينكم وأتممت عليكم نعمتى ورضيت لكم الإسلام دينا

"วันนี้(คือวันที่ท่านรอซูลุลลอหฺ ได้มาทำฮัจย์ขณะที่ทำการวุกุฟ ณ ทุ่งอารอฟะห์ ในวันที่ ๙ เดือน ซุ้ลฮิจยะห์ ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ ๑๐)

เหล่าบรรดามุชรีกีน เหล่าบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นต่างสิ้นหวังจากศาสนาของพวกเขา (คือไม่สามารถที่จะดึงพวกเขาออกมาจากศาสนาเดิมได้อีกแล้ว)

พวกท่านอย่าได้กลัวพวกเขา แต่จงกลัวต่อข้า วันนี้ข้าได้ให้ศาสนาที่สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว

และข้าได้ทำให้เนี๊ยะมัตของข้าครบถ้วนสมบูรณ์ต่อพวกเจ้าแล้ว และข้ายินดีที่จะให้อิสลามนั้นเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า"

          ท่านพี่น้องทีเคารพ ท่านนบีฯและบรรดาอัครสาวกต่างปลื้มปิติยินดีกับรางวัลที่ อัลลอห์  ประทานรางวัลมาให้ หลังจากที่พวกเขาได้ทุ่มเท เพื่อจรรโลงที่จะให้ได้มาซึ่ง กาลีม่าตุ้ลลอห์( كلمة الله ) หรือ ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอห์ มูฮัมม่าดุ้รรอซูลุ้ลลอห์ ( لا إله الا الله محمد رسول الله ) สำหรับตัวเรา สิ่งที่เราได้รับในวันนี้ บ่งบอกได้ไหมว่า เป็นอะไร เป็นรางวัลจากพระผู้เป็นเจ้า หรือเป็นเพียงวันหนึ่งที่ต้องปฏิบัติ ตามประเพณีของสังคมที่ต้องปฏิบัติกันเป็นประจำกันทุกปี 

 

          ขอให้วันอีดปีนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไปสู่สิ่งที่ดี เป็นวันแห่งการแบ่งปัน ด้วยการทำกุรบาน ( القربان ) หรือ อุฎฮีย์ยะห์ ( الأضحية ) เพื่อย้อนรำลึกถึงท่านนบีอิบริฮีม อะลัยฮิสลาม และลูกน้อย คือท่านนบีอิสมาอีล อะลัยฮิสลาม ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นของการปลดโซ่ตรวนของนัฟซู ความอยากได้ทั้งหลายทั้งปวง ให้หลุดพ้นไปจากจิตใจของเรา เพราะบุคคลใดที่ถูก นัฟซู ครอบครอง เขาต้องกลายเป็นเชลยที่ต้องตอบสนองความอยากของนัฟซูตลอดเวลา หัวใจของเขาจะถูกปิดกั้นจากความดีตลอดไป



 

คุตบะห์วันอีดิ้ลอัฏฮา  ณ มัสยิดท่าอิฐ