วันกิยามะฮ์ เดชานุภาพของอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  7074

ความสำคัญของวิชาการความรู้กับการต่อสู้กับ บรรดาแนวความคิดที่บ่อนทำลาย

วันกิยามะฮ์ เดชานุภาพของอัลลอฮ์

 

เขียนโดย : สะมาฮะตุชเชค อับดุลอะซีซ บิน อับดุลลอฮฺ บินบ๊าซ


 

ทุกสิ่งสร้างของอัลลอฮฺ  นั้น บ่งชี้ถึงเดชานุภาพของพระองค์

 

          การที่พวกคอมมิวนิสต์หรือพวกที่บิดเบือนทั้งหลาย ไม่ยอมเชื่อในเรื่องของการฟื้นคืนชีพ การออกมาจากหลุมฝังศพในวันกิยามะฮฺ เรื่องสวรรค์ นรก และอื่น ๆ จากเรื่องราวของวันกิยามะฮฺ ทั้งหมดนั้นทุกแนวทางที่สร้างความเสื่อมเสียค้านกับหลักฐานที่ยืนยันอย่างชัดแจ้งทั้งสิ้น หลักฐานต่าง ๆ ที่ชี้ถึงการให้คนตายแล้วได้เกิดใหม่ในวันกิยามะฮฺและต้องไปอยู่ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งผองนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน และทุกสิ่งที่อัลลอฮฺ  ได้ทรงสร้างขึ้นมาในโลกนี้ ล้วนเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และทำให้ต้องยอมรับในความเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์เพียงองค์เดียว เช่น พื้นดินที่ตายแล้วแห้งแล้ง เมื่ออัลลอฮฺ  ทรงให้ฝนตกลงมา ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารงอกเงยออกมาหลังจากได้รับน้ำฝนนั้น


 

          ดังนั้น ผู้ประทานพืชพันธุ์ธัญญาหารรวมทั้งผลไม้ต่าง ๆ มากมายแก่เรานั้นคือ อัลลอฮฺ  ที่พระองค์ทรงทำให้น้ำฝนตกลงมา แล้วทำให้ผืนดินที่ตายแห้งแล้งนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก มีทั้งต้นหมากรากไม้และผลไม้ พระองค์คือผู้ที่ทรงให้ผู้ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง โดยให้ออกมาจากหลุมศพ และไปยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ เพื่อการสอบสวนในการงานของเขา และสิ่งที่มือทั้งสองของเขาได้ขวนขวายเอาไว้ใน โลกนี้ เช่นนี้แหละคือมนุษย์

         อัลลอฮฺ  ได้ทรงสร้างอาดัม บิดาของมนุษยชาติ จากดินแล้วเกิดลูกหลานเป็นเผ่าพันธุ์มากมาย พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาจากน้ำที่พุ่งออกมา กลายเป็นก้อนเลือด จนกลายเป็นก้อนเนื้อ ในที่สุดก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเป็นปกติ มีหู มีตา มีสติปัญญา มีความรู้สึก มีอวัยวะทุกส่วน แล้วค่อยเจริญเติบโตตามวัยเต็มตัวของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ มีรับ มีจ่าย มีเอา มีให้ มีความคิด มีการเรียน และมีการออกผลผลิต

 

          แท้จริงแล้ว หลักฐานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ  และชี้ให้เห็นถึงความจริงที่บรรดาร่อซูล ได้บอกกล่าวเอาไว้ว่า ที่โน่นหมายถึง โลกอาคีเราะฮฺ ทุกคนจะต้องไปรวมกัน ต่อหน้าพระองค์อัลลอฮฺ เพื่อเป็นการสนับสนุน พวกเขาให้ได้รับการตอบแทนด้วยการตอบแทนที่งดงามยิ่ง ทรงให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์และป้องกันพวกเขาให้พ้นจากการทุกข์ทรมานจากไฟนรก ทำให้กลุ่มของบรรดาศัตรูของพระองค์ต้องต่ำต้อย ทำให้พวกเขาอยู่ในไฟนรกตลอดกาล

 

          ฉะนั้น จำเป็นต้องเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นคืนชีพ การยืนต่อหน้าอัลลอฮฺ  การสอบสวน และการตอบแทน ตลอดจนสวรรค์ และนรกในวันกิยามะฮฺ

 

          มนุษย์ผู้มีสติปัญญาในโลกนี้ จะพบเห็นว่า คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง คนที่ถูกลิดรอนสิทธิของตน คนที่ถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของตนหรืออื่นจากนั้น เมื่อผู้ที่ทำการประทุษร้ายนั้นได้ตายไป โดยที่สิทธิต่าง ๆ ยังมิทันจะได้ถูกเอาคืน ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงยังมิได้รับความเป็นธรรมของตนแล้วสิทธิต่าง ๆ เหล่านั้นจะต้องสูญหายไปจากบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง บรรดาผู้ที่ถูกกระทำจนย่ำแย่กระนั้นหรือ ? 

          หาเป็นเช่นนั้นไม่ .... เพราะพระผู้ทรงสร้างนั้น ทรงยิ่งใหญ่ ทรงเที่ยงธรรมยิ่งนัก ทรงรอบรู้ พระองค์ได้ทรงกำหนดเวลาเอาไว้เพื่อทำการสะสาง เป็นกำหนดเวลาที่ตายตัว แน่นอนด้วยสัญญาณหนึ่ง สัญญาณนั้นคือวันสิ้นโลกที่แน่นอนที่สุด ในวันนั้นผู้ถูกกดขี่จะได้รับความเป็นธรรม คนที่มิได้รับความเป็นธรรมตามสิทธิในดุนยานี้ตามส่วนของเขา เขาก็จะได้รับการชำระความจากผู้ที่เคยกดขี่ข่มเหงเขา และจะต้องได้รับการลงโทษไปตามความเหมาะสม

          แท้จริงแล้ว โลกดุนยานี้มิใช่โลกของการตอบแทน หากเป็นโลกของการทดสอบ โลกแห่งการกระทำมีทั้งความปลาบปลื้มและความทุกข์โศกเศร้าสะเทือนใจ บางครั้งผู้ถูกกดขี่ก็ได้รับความเป็นธรรม หรือในบางครั้งเรื่องราวของเขาก็ถูกปล่อยเลื่อนออกไป รอจนถึงวันสิ้นโลก เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ แล้วอัลลอฮฺ  ก็จะได้ทรงชำระความจากผู้ที่อธรรมทั้งหลายในวันนั้น

ดังที่ อัลลอฮฺ  ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 42 ว่า :

“และเจ้าอย่าคิดเป็นอันขาดว่า อัลลอฮฺ ทรงละเลยต่อสิ่งที่บรรดาผู้ก่ออธรรมได้ กระทำไว้

แท้จริงพระองค์ทรงประวิงเวลาให้กับพวกเขา จนถึงวันที่สายตาเงยจ้องเขม็ง ไม่กระพริบ (วันกิยามะฮฺ)”

          ดังนั้น ในวันอันน่าสะพรึงกลัว อัลลอฮฺ  จะทรงชำระความกับบรรดาผู้ที่อธรรมทั้งหลาย ทรงตอบแทนแก่พวกเขา และจะทรงเอาคืนให้พวกเขาจากบรรดาผู้ก่ออธรรมเหล่านั้น ในบางครั้งอัลลอฮฺ  ได้ทรงจัดการกับบรรดาผู้ก่ออธรรมไปบ้างแล้วในโลกนี้ โดยการลงโทษ ดังเช่นที่พระองค์ได้ทรงกระทำกับบรรดาประชาชาติต่าง ๆ ไปแล้วมากมาย และในบางครั้งก็ประวิงเวลาเอาไว้ก่อนสำหรับบรรดาผู้อธรรมกับผู้ถูกอธรรม เมื่อถึงวันนั้นสิทธิต่าง ๆ ก็จะถูกนำมาตอบแทนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในวันอันยิ่งใหญ่ คือ วันกิยามะฮฺ ซึ่งสายตาทุกคู่จะจ้องมองอย่างเขม็งทั้งหมดล้วนเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้นแน่นอน


          ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น พระผู้ทรงเที่ยงธรรม ทรงสูงส่ง ทรงเดชานุภาพ เหนือทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่ปล่อยให้เล็ดลอดไปได้เลย จากส่วนของบรรดาผู้ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งหลายที่เป็นสิทธิของพวกเขา ด้วยสาเหตุนี้พระองค์จึงได้แจ้งแก่พวกเขาว่า ยังมีการฟื้นคืนชีพ การเกิดใหม่ การไปอยู่ต่อหน้าของพระองค์ ยังมีการสอบสวน ยังมีการตอบแทน และมีหลักฐานบอกกล่าวในเรื่องเหล่านั้นไว้อย่างแจ้งชัด ทั้งในอัลกุรอานนุลกะรีม และในฮะดีษอันทรงเกียรติ พร้อมการยอมรับของประชาชาติทั้งหลาย พร้อมกับสติปัญญาที่บริสุทธิ์และสัญชาตญาณที่ปกติดี ที่บ่งชี้ว่าต้องมีการสอบสวนและการตอบแทนแน่นอน ทั้งการเกิดใหม่มีจริง สวรรค์มีจริง นรกมีจริง ทั้งหมดทุกรายการ มีคัมภีร์ต่าง ๆ จากฟากฟ้า บอกไว้พร้อมกับฮะดีษของท่านนบี  ตลอดจนความเห็นพ้องตรงกันหมดในมวลหมู่มุสลิม

          พร้อม ๆ กันนั้น สัญชาตญาณอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง และสติปัญญาที่ไม่ผิดเพี้ยนก็จะสนับสนุนเห็นคล้อยตามดังที่กล่าวแล้วนั้น ซึ่งเราก็ได้พบเห็นว่าบรรดาผู้อธรรมทั้งหลายกับผู้ถูกอธรรมนั้น ยังมีที่มิได้ถูกตัดสินด้วยการเอาความอธรรมจากผู้อธรรม ไปคืนสิทธิของบรรดาผู้ถูกอธรรมทั้งหลายถูกปล่อยทิ้ง ไว้ยังไม่ได้รับการชำระ ก็จะต้องมีวันที่พวกเขาต้องถูกสอบสวน แล้วทุกคนจะต้องได้รับการตอบแทนตามสิ่งที่พวกเขาได้ทำเอาไว้ !

          เรายังพบอีกว่า มีบรรดาพี่น้องที่เป็นผู้ศรัทธาที่ดี ๆ มีความขยันมุมานะในหนทางแห่งคุณงาม ความดี พวกเขายังมิได้รับส่วนเช่นที่อื่นจากพวกเขาได้รับไปจากหมู่ผู้อธรรม ที่มีทั้งการละเมิดขอบเขตของอัลลออฮฺ  กดขี่ข่มเหงผู้อื่น พร้อมกันนั้นพวกเขามีทรัพย์สินมากมายมหาศาล มีที่อยู่อันหรูหราตระการตา พร้อมอำนาจและบริวาร ตลอดจนเครื่องใช้ครบถ้วนสมบูรณ์ และยังมีคนดี คนบริสุทธิ์ มีความยำเกรงอีกจำนวนมาก ที่ถูกหวงห้ามมิให้ได้รับในสิ่งดังกล่าวแม้แต่ส่วนเดียว ดังนั้น พวกเขาจะต้องพบกับพระเจ้าแน่นอน ที่จะทำให้พวกเขาได้ที่พำนักพักพิงอันสูงส่ง ผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ได้รับเกียรติจากพระองค์อัลลอฮฺ  ด้วยความโปรดปรานชนิดต่าง ๆ เป็นการตอบแทนความหนักแน่นอดทนของพวกเขา และการงานที่ดีของพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ และสถานที่พำนักอันสูงส่งอุดมไปด้วยความดีงามอันท่วมท้น เป็นพระราชวังพร้อมข้ารับใช้ เพียบพร้อมด้วยความดีงามนับไม่ถ้วน เป็นการตอบแทนสิ่งดี ๆ ที่เขาได้ทำเอาไว้ 

          อัลลอฮฺ  จะทรงตอบแทนให้แก่เขา และจะทรงลงโทษบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น ที่หย่อนยานหันห่างออกไปสู่โลกดุนยา และจมปลักอยู่กับการหลอกลวงของดุนยา ถูกครอบงำด้วยความเพริศแพร้วที่เป็นฟิตนะฮฺของดุนยา พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาตามชนิดขนาดของการฝ่าฝืน และการดื้อดึง ซึ่งเป็นผลบั้นปลายอันเลวร้ายยิ่งนัก มิใช่อื่นใดเนื่องจากเรานั้นเป็นผู้ที่หย่อนยาน และเหินห่างไปจากอัลลอฮฺ  ละเมิดขอบเขตของพระองค์ ตอบสนองคุณความดีของพระองค์ด้วยการเนรคุณ กดขี่ข่มเหงบ่าวของพระองค์ และหันเหออกไปจากการภักดีต่อพระองค์ 

          ด้วยเรื่องยิ่งใหญ่ดังกล่าว ผู้มีสติปัญญาที่สมบูรณ์ครบถ้วน พร้อมกับสัญชาตญาณที่ปกติดี เขาก็จะต้องรู้ได้ทันทีว่า การฟื้นคืนชีพนั้นมีจริงและรู้ได้เลยว่า สิ่งที่บรรดาผู้เบี่ยงเบน พวกคอมมิวนิสต์ พวกวัตถุนิยมและพวกอื่น ๆ ที่ปฏิเสธเรื่องวันอาคีเราะฮฺ และการฟื้นคืนชีพ นับเป็นเรื่องเสียหายร้ายแรง เขาจะทราบได้อีกว่า ข้ออ้างเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ผิดเพี้ยนและเป็นเท็จตกไป และเป็นการอ้างที่ปราศจากจากความจริงทั้งสิ้น

          ในทำนองเดียวกัน บรรดาผู้ที่มีแนวความคิดที่แหวกแนว และข้อเรียกร้องที่นำไปสู่การหลงทาง ด้วยการบ่อนทำลายทั้งหมดนั้น ผู้มีสติปัญญาที่สมบูรณ์ดี มีการพินิจพิจารณาที่ดี และมีสัญชาตญาณที่ปกติดีก็จะทราบได้ทันทีว่า สิ่งดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องและเป็นเท็จมาก ที่เอามาเป็นข้ออ้างเบี่ยงเบนออกไปจาก อัลกุรอานและซุนนะฮฺที่สะอาดบริสุทธิ์และจากหนังสือต่าง ๆ ที่เป็นรายงานถูกต้องแล้ว แท้จริง อัลลอฮฺ  ได้ทรงมีข้อยืนยันต่าง ๆ มากมาย และทรงนำหลักฐานต่าง ๆ มาสนับสนุนความจริงดังกล่าว ทั้งจาก อัลกุรอานที่เป็นคัมภีร์ของพระองค์พร้อมซุนนะฮฺจากนบี  ของพระองค์ 

          ด้วยกับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงให้มีอยู่ในสติปัญญาทั้งความเข้าใจและความรอบรู้ และด้วยกับที่พระองค์ทรงสร้างจากสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทรงให้มีขึ้นมาในโลกนี้ ล้วนเป็นสิ่งยืนยันทั้งสิ้นว่า พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงสร้างที่เยี่ยมยอด ทรงรอบรู้ ทรงให้ปัจจัยอย่างล้นเหลือไม่รู้จักหมดสิ้น เป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง เป็นผู้ทรงเหมาะสมยิ่งในการที่จะได้รับการเคารพอิบาดะฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว ไม่มีการตั้งภาคีใด ๆ อีกแล้ว สำหรับพระองค์

 

 

 

แปลและเรียบเรียงโดย : อ.อับดุลฆอนี บุญมาเลิศ
 

ที่มา วารสารอัลอิศลาห์สมาคม