เตาฮีดของนบียูนุส
  จำนวนคนเข้าชม  6732


เตาฮีดของนบียูนุส

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 
          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีตักวา-ความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะตักวา-ความยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ 

          ซึ่งผลของการที่เรามีตักวา-ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ การฟังคุฏบะฮฺวันศุกร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของการละหมาดวันศุกร์ ดังนั้น ท่านพึงตั้งใจฟังและพินิจพิจารณาในสิ่งที่ท่านฟัง เมื่อท่านพินิจพิจารณาใคร่ครวญแล้วว่า คุฏบะฮฺที่ท่านฟังนั้นเป็นเรื่องราวที่มีหลักฐานที่ถูกต้องตรงตามกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺที่ถูกต้องของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้ว ท่านพึงนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้เต็มกำลังความสามารถของท่าน เพราะทุกสิ่งที่ท่านปฏิบัติในโลกดุนยานี้ จะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนที่ท่านจะได้รับในโลกอาคิเราะฮฺ

 

          ท่านพี่น้องครับ กรุณาปิดมือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และหยุดการพูดคุยกันในขณะที่อยู่ในช่วงของคุฏบะฮฺ และในขณะละหมาดนั้นท่านไม่สามารถที่จะพูดจาใดๆได้ทั้งสิ้น เพราะมันจะทำให้การละหมาดของท่านเสียและท่านต้องละหมาดใหม่

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ เมื่อคุฏบะฮฺครั้งก่อน ผมได้พูดถึงเรื่องของการตะวัซซุล คือการใช้สื่อกลางเพื่อให้นำไปสู่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งมีทั้งสื่อกลางที่บทบัญญัติศาสนาอนุญาตให้ทำได้ และสื่อกลางที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด สำหรับสื่อๆหนึ่งที่ศาสนาอนุญาตให้นำมาใช้ได้ คือการที่เรายกเอาเรื่องที่เรามีเตาฮีดต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลามาใช้เป็นสื่อ ซึ่งอุละมาอ์ก็ได้นำเรื่องของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม มาเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ วันนี้ก็เลยจะขอเล่าถึงความเป็นมาของเรื่องที่ทำให้ท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม ได้ยกเอาการที่ท่านเป็นผู้มีเตาฮีดมาเป็นสื่อในการขอดุอาอ์ของท่าน เพื่อให้พ้นจากการที่ท่านต้องไปอยู่ในท้องของปลาวาฬ (หรือที่ในสมัยนี้เขาให้เรียกว่าวาฬ ) เป็นอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเล่าแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อให้หัวใจของท่านนบีมีความหนักแน่น มีความสงบในการทำหน้าที่ของท่าน ที่ท่านต้องถูกต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากบรรดากุฟฟารในมักกะฮฺ และเรื่องเล่านี้มันก็ยังเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ ข้อเตือนสติให้แก่เรา ให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา ผู้ยำเกรง เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงในอดีต เป็นเครื่องบ่งชี้สำหรับมนุษยชาติ เพื่อเป็นทางนำ เป็นคำตักเตือนสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง

          ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟ๊าต อายะฮฺที่ 139 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงยืนยันในการเป็นเราะซูลของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม พระองค์ตรัสว่า

وَإِنَّ يُونُسَ لَمِنَ الْمُرْسَلِينَ

“และแท้จริง ยูนุสเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในบรรดาผู้ที่ถูกส่งมาเป็นเราะซูล”

          ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานวะฮีย์แก่ท่านนบียูนุส เช่นเดียวกับที่ได้ประทานให้แก่บรรดานบีท่านก่อนๆ ท่านได้ทำหน้าที่เรียกร้องผู้คนไปสู่เตาฮีด หรือการมอบเอกภาพแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เรื่องราวของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลามมีการกล่าวถึงอยู่ในอัลกุรอาน 6 ครั้งด้วยกัน โดยระบุชื่อท่านนบียูนุส 4 ครั้ง 

- ในซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 163

- ในซูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่ 86

- ในซูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 98

- ในซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟาต อายะฮฺที่ 139-148

       - กล่าวถึงท่านนบียูนุส โดยกล่าวถึงฉายาของท่าน 2 ครั้ง ในซูเราะฮฺอัลอันบิยาอ์ อายะฮฺที่ 87-88 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเรียกท่านนบียูนุสว่า “ ซันนูน ذوالنون“ มีความหมายว่า ผู้ที่อยู่ในท้องปลา

       - อีกฉายาหนึ่งคือ “ศอฮิบิลหูต صاحب الحوت “ หูตที่เป็นฮาเล็ก วาว ตา ต่างจากคำว่า นบีฮูด ที่เป็นฮาใหญ่ วาว ดาล "ศอฮิบิลหูต" มีความหมายว่า ผู้เป็นเจ้าของปลาใหญ่ หรือผู้ที่เป็นสหายกับปลาใหญ่ ฉายานี้ปรากฏอยู่ในซูเราะฮฺอัลเกาะลัม อายะฮฺที่ 48-50


     สำหรับเรื่องราวของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลามตามที่ปรากฏในอัลกุรอานโดยสรุปก็มีดังนี้
 

          ท่านนบียูนุสได้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนกลุ่มชนของท่าน และได้เตือนให้พวกเขาระวังการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่จะมาประสบหากว่าพวกเขาไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่แทนที่พวกเขาจะศรัทธาและมอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พวกเขากลับดื้อรั้นและยังคงอยู่ในการกุฟุรฺ การปฏิเสธศรัทธาต่อไป จนในที่สุด ท่านนบียูนุสก็ได้เตือนกลุ่มชนของท่านว่า ถ้าหากพวกเขายังคงปฏิเสธศรัทธา อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็จะทรงส่งการลงโทษมายังพวกเขาภายในเวลาไม่ช้านี้ ตามรายงานบอกว่าภายในเวลา 3 วัน เมื่อท่านนบียูนุสได้เตือนกลุ่มชนของท่านแล้ว ท่านก็ได้หลบออกไปจากหมู่บ้าน หนีจากกลุ่มชนของท่านด้วยความโกรธพวกเขาที่ไม่ยอมศรัทธา แต่เมื่อครบกำหนด ก็ปรากฏว่า ไม่มีการลงโทษลงมาแต่อย่างใด

          เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ ท่านนบียูนุสก็ไม่อยากจะกลับเข้าไปยังหมู่บ้าน เพราะเกรงว่าจะโดนดูถูก ถูกเยาะเย้ยจากกลุ่มชนของท่าน และเกรงว่าพวกเขาจะกล่าวหาว่า ท่านกล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ท่านก็เลยหนีไปลงเรือเดินทะเลที่บรรทุกจนเพียบแล้ว ครั้นตกเวลากลางคืน เมื่อเรือออกไปถึงกลางทะเลก็ได้เผชิญกับลมพายุและคลื่นลูกใหญ่ ทำให้เรือโคลงเคลง กัปตันเรือจึงบอกว่า ในเรือลำนี้ มีทาสหนีจากนายของเขามา ดังนั้น จำเป็นต้องโยนคนลงทะเล เพื่อให้เรือรอดจากการจมน้ำ ก็เลยมีการจับฉลากกันขึ้น ท่านนบียูนุสก็จำต้องจับฉลากด้วย และท่านก็จับได้ฉลากที่ทำให้ท่านต้องถูกจับโยนลงสู่ทะเล ท่านจึงถูกจับโยนลงทะเล แต่บางรายงานก็บอกว่าท่านกระโจนลงน้ำไปเอง เมื่อลงไปในทะเล ปลาตัวใหญ่ก็คือ  الحوت  ปลาวาฬ ก็ได้กลืนท่านนบียูนุสเข้าไป ตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  เพราะท่านนบียูนุสทำสิ่งที่สมควรถูกพระองค์ตำหนิ คือการออกมาจากหมู่บ้านโดยที่พระองค์ยังไม่ได้สั่ง แล้วก็ยังหนีไปลงเรือเดินทะเลโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ท่านนบียูนุสจึงได้ถูกทดสอบให้เข้าไปอยู่ในท้องของปลาวาฬ สิ่งนี้เป็นมั๊วะอฺญิซาตอย่างหนึ่ง

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสว่า

 فَلَوْلَا أَنَّهُ كَانَ مِنَ الْمُسَبِّحِينَ  

"หากว่าท่านนบียูนุสไม่ใช่ผู้ที่สรรเสริญพระองค์ ไม่ใช่ผู้มอบความบริสุทธิ์ มอบเตาฮีดแด่พระองค์อยู่อย่างสม่ำเสมอแล้วละก็"

لَلَبِثَ فِي بَطْنِهِ إِلَىٰ يَوْمِ يُبْعَثُونَ 

"ท่านนบียูนุสก็จะต้องอยู่ในท้องของปลาวาฬจนกว่าจะถึงวันฟื้นคืนชีพอย่างแน่นอน "


          แต่เพราะท่านนบียูนุสเป็นบ่าวผู้มีตักวา-ยำเกรงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นผู้ที่มอบเตาฮีดแด่พระองค์อยู่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อท่านนบียูนุสถูกทดสอบด้วยการต้องเข้าไปอยู่ในท้องปลาวาฬ อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ซึ่งตามคำอธิบายของท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เศาะฮาบะฮฺท่านหนึ่งได้อธิบายความมืดมิดนี้ว่า เป็นความมืดมิดสามชั้นคือ ความมืดมิดในเวลากลางคืน แล้วก็ความมืดมิดที่อยู่ในท้องทะเล แล้วก็เป็นความมืดมิดที่อยู่ในท้องของปลาวาฬ ลองนึกสภาพดูว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน ? ที่ต้องไปอยู่ในความมืดมิดขนาดนั้น ดังนั้นท่านนบียูนุสจึงได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาท่ามกลางความมืดมิดว่า

لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِينَ،

“ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดที่คู่ควรแก่การเคารพอิบาดะฮฺนอกจากพระองค์ ผู้ทรงมหาบริสุทธิ์

แท้จริง ข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในผู้อธรรมทั้งหลาย”

          ท่านนบียูนุสได้ยกเอาการที่ท่านมีเตาฮีดต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลามาเป็นสื่อในการขอดุอาอ์ของท่าน พร้อมทั้งทำการเตาบะฮฺตัวอย่างจริงใจ อย่างบริสุทธิ์ใจ ในความผิดพลาด ในความบกพร่องของท่าน เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเห็นถึงการสำนึกผิดของท่านนบียูนุส ผลเป็นอย่างไร ? ในอายะฮฺที่ 88 ของซูเราะฮฺอัลอันบิยาอ์ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

فَاسْتَجَبْنَا لَهُ وَنَجَّيْنَاهُ مِنَ الْغَمِّ ۚ وَكَذَٰلِكَ نُنجِي الْمُؤْمِنِينَ

“ดังนั้นเราได้ตอบรับการวิงวอนขอของเขา และเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม(ที่อยู่ในท้องของวาฬ)

และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาเช่นเดียวกันนี้”

 

ในซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟ๊าต อายะฮฺที่ 145 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวตะอาลาตรัสว่า

فَنَبَذْنَاهُ بِالْعَرَاءِ وَهُوَ سَقِيمٌ 

"พระองค์สั่งให้ปลาวาฬนั้นคายท่านนบียูนุสออกมา

โดยให้มันเหวี่ยงท่านนบียูนุสขึ้นไปที่พื้นดินที่โล่งริมชายหาด ในสภาพที่ป่วย อ่อนแรง"

 

ในอายะฮฺที่ 146 พระองค์ทรงกล่าวต่อว่า 

وَأَنبَتْنَا عَلَيْهِ شَجَرَةً مِّن يَقْطِينٍ

"แล้วพระองค์ก็ทรงให้มีพันธุ์ไม้เลื้อยเป็นต้นน้ำเต้างอกขึ้นมาปกคลุมตัวท่านนบียูนุสอย่างรวดเร็ว

เพื่อดูแลปกป้องท่านนบียูนุสให้มีสภาพแข็งแรง"

 

          นี่ก็แสดงให้เห็นถึงมั๊วะอฺญิซาตอีกอย่างหนึ่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ทรงให้มีไม้เลื้อยเจริญเติบโตขึ้นมาปกคลุมร่างของท่านนบียูนุส ท่ามกลางสภาพโล่งเตียนริมชายหาดที่ไม่มีต้นไม้ใดๆ ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา 

ในอายะฮฺที่ 147 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

وَأَرْسَلْنَاهُ إِلَىٰ مِائَةِ أَلْفٍ أَوْ يَزِيدُونَ

"ครั้นเมื่อท่านนบียูนุสแข็งแรงดีแล้ว พระองค์ก็ทรงส่งท่านนบียูนุสกลับเข้าไปยังหมู่บ้านของเขา "

 
     ที่มีกลุ่มชนจำนวนแสนคนหรือเกินกว่านั้น แล้วก็พบว่า พวกเขาต่างศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาแล้ว ต่อมาในอายะฮฺที่ 148 

فَآمَنُوا فَمَتَّعْنَاهُمْ إِلَىٰ حِينٍ

“พวกเขาต่างก็ศรัทธา (แล้วก็ยอมเชื่อฟัง ยอมรับในคำสั่งสอนของท่านนบียูนุส ยอมรับในการเป็นเราะซูลของท่านนบียูนุส)


ดังนั้น เราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง” 

 หมายถึงว่า มีความสุขจนถึงบั้นปลายของชีวิต ก็คือมีความสุขตลอดไป

 

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ ในซูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 98 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า 

فَلَوۡلَا كَانَتۡ قَرۡيَةٌ ءَامَنَتۡ فَنَفَعَهَآ إِيمَٰنُهَآ إِلَّا قَوۡمَ يُونُسَ لَمَّآ ءَامَنُواْ كَشَفۡنَا عَنۡهُمۡ عَذَابَ ٱلۡخِزۡيِ فِي ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَمَتَّعۡنَٰهُمۡ إِلَىٰ حِينٖ

          “หากว่า เมืองหนึ่งเมืองใดจากบรรดาเมืองในอดีต ที่เราได้ส่งเราะซูลมายังกลุ่มชนของพวกเขา เพื่อเรียกร้องเชิญชวนให้พวกเขาศรัทธา แล้วพวกเขาก็ศรัทธา แน่นอนการศรัทธาของพวกเขาก็จะนำประโยชน์มาให้เขา (คือทำให้พวกเขารอดพ้นจากความพินาศ ดังเช่น กลุ่มชนของท่านนบียูนุส ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ศรัทธา เราก็ได้ให้การลงโทษอันอัปยศในชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้ แคล้วคลาดไปจากพวกเขา) และเราได้ให้พวกเขาได้รับความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง( ก็คือมีความสุขจนถึงบั้นปลายของชีวิต มีความสุขตลอดไป)

 
          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตอาลา ทรงกล่าวถึงกลุ่มชนในอดีต 2 ประเภท ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชนที่ดื้อรั้น ไม่ยอมศรัทธาต่อพระองค์ ไม่ตอบรับคำเรียกร้องเชิญชวนของนบีของพวกเขา ผลก็คือการลงโทษอันอัปยศก็มาประสบกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนผู้ปฏิเสธศรัทธาของท่านนบีนัวฮฺ ท่านนบีมูซา เรื่องของฟิรอูน แล้วก็หลายต่อหลายกลุ่มชน ต่างก็ถูกลงโทษที่นำมาซึ่งความพินาศ ความหายนะ อันเนื่องมาจากการปฎิเสธศรัทธา ไม่ยอมเชื่อฟังคำตักเตือนของนบีของพวกเขา

          จะมีก็แต่เพียงกลุ่มชนของท่านนบียูนุสเท่านั้น เพราะเมื่อท่านนบียูนุสได้กำชับ ได้ตักเตือนถึงการลงโทษที่จะเกิดขึ้น หากว่าเขายังคงปฏิเสธศรัทธา ปรากฏว่า เมื่อท่านนบียูนุสหนีออกจากหมู่บ้านไปนั้น กลุ่มชนของท่านนบียูนุสได้เกิดความกลัวต่อการลงโทษที่จะเกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดจึงได้หันกลับมาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยอมเชื่อฟังการเรียกร้องเชิญชวนของท่านนบียูนุส พระองค์จึงทรงอภัยโทษแก่พวกเขา และทรงให้การลงโทษอันอัปยศได้แคล้วคลาดไปจากพวกเขา ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีการลงโทษกลุ่มชนของท่านนบียูนุสเกิดขึ้น ตามที่ท่านนบียูนุสได้แจ้งพวกเขาเอาไว้ แต่เพราะท่านนบียูนุสไม่ได้อยู่กับกลุ่มชนของท่าน ท่านก็เลยไม่ทราบ จึงทำให้เกิดเป็นเรื่องราวของซันนูนขึ้นมา

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จากเรื่องราวของท่านนบียูนุสทำให้เราทราบว่า เรื่องของเตาฮีดมีความสำคัญอย่างมาก และเป็นสื่อๆหนึ่งที่เราสามารถนำมาขอดุอาอ์วิงวอนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้แก่เรา เมื่อเรามีความทุกข์ใจร้อนใจ มีปัญหาต่างๆมารุมเร้าหาทางออกไม่ได้ การดุอาอ์โดยการยกเอาเรื่องที่เรามีเตาฮีดต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มาเป็นสื่อในการขอดุอาอ์เป็นเรื่องที่ทำได้ และเป็นเหตุผลที่ทำให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตอบรับคำขอดุอาอ์และจะทรงช่วยเหลือเราให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ความลำบากต่างๆนานา 

          อัลหะดีษในสุนันของท่านอิมามอัตติรฺมีซีย์ รายงานจากท่านสะอั๊ด บิน อะบีวักก็อส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม กล่าวว่า

« دَعْوَةُ ذِي النُّونِ إِذْ دَعَا وَهُوَ فِي بَطْنِ الحُوتِ:

لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِينَ،

فَإِنَّهُ لَمْ يَدْعُ بِهَا رَجُلٌ مُسْلِمٌ فِي شَيْءٍ قَطُّ إِلاَّ اسْتَجَابَ اللَّهُ لَهُ »

"คำวิงวอนขอของซุนนูน (คือของนบียูนุส) ขณะที่ท่านอยู่ในท้องปลาวาฬคือ: 

“ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดที่คู่ควรแก่การเคารพอิบาดะฮฺนอกจากพระองค์ ผู้ทรงมหาบริสุทธิ์

แท้จริง ข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในผู้อธรรมทั้งหลาย ’’ 

 

ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สั่งสอนไว้ว่า

"แท้จริงไม่มีมุสลิมคนใดที่วิงวอนเช่นนี้ นอกเสียจากอัลลอฮฺจะทรงตอบรับคำขอของเขา”

          ดังนั้น เราจงรักษาการเตาฮีดให้อยู่กับเราอยู่เสมอ จงให้ความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และจงเตาบะฮฺกลับเนื้อกลับตัวกลับใจอยู่เสมอ พระองค์จะทรงอภัยโทษให้เรา จะทรงรับคำขอดุอาอ์ของเรา จะทรงช่วยเหลือเรา จะทรงทำให้เรารอดพ้นจากความทุกข์ระทม รอดพ้นจากปัญหาต่างๆ


           สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อตักเตือนในอายะฮฺอัลกุรอาน ในซูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 105-106 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

وَأَنْ أَقِمْ وَجْهَكَ لِلدِّينِ حَنِيفًا وَلَا تَكُونَنَّ مِنَ الْمُشْرِكِينَ ( 105 )

وَلَا تَدْعُ مِن دُونِ اللَّهِ مَا لَا يَنفَعُكَ وَلَا يَضُرُّكَ ۖ فَإِن فَعَلْتَ فَإِنَّكَ إِذًا مِّنَ الظَّالِمِينَ ( 106 )

 

         “และจงมุ่งหน้าของเจ้าสู่ศาสนาอย่างถูกต้องเที่ยงตรง และจงอย่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตั้งภาคี และเจ้าอย่าวิงวอนขอจากสิ่งอื่นๆนอกจากอัลลอฮฺ ซึ่งสิ่งอื่นๆนั้นมันไม่สามารถที่จะอำนวยประโยชน์แก่เจ้า และไม่สามารถให้โทษใดๆแก่เจ้าได้เลย หากเจ้ากระทำเช่นนั้น (ยอมตั้งภาคี ไปนำสิ่งอื่นๆมาวิงวอนขอดุอาอ์ ) แท้จริงเจ้าจะเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้อธรรม”

 

          นั่นคือ ทำให้ตัวเองต้องได้รับการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซูบฮานะฮูวะตะอาลา ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงปกป้องเรา ให้เราได้ออกห่างจากเรื่องของการตั้งภาคี และให้เราได้ละเว้นการนำสิ่งอื่นๆมาเป็นภาคีในการดุอาอ์วิงวอนขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ / ขอพระองค์ทรงให้เราได้ดำรงตนอยู่บนเตาฮีด และเป็นผู้ที่เตาบะฮฺตัวอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดไป 

 

คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสยิดดารุ้ลอิห์ซาน