ความเป็นพี่น้องคือ มิตรภาพที่ดีในสังคม
  จำนวนคนเข้าชม  21364


ความเป็นพี่น้องคือ มิตรภาพที่ดีในสังคม

 

แปลและเรียบเรียงโดย อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

          แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงให้มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ รักพระผู้สร้าง และให้พวกเขานั้นรักกันในหมู่พี่น้องมุสลิมในการดำเนินชีวิต การใช้ชีวิตในสังคม และทรงห้ามปรามการรังเกียจ ความโกรธแค้น สิ่งที่นำมาซึ่งความแตกแยก ทะเลาะวิวาท

 

          จากจุดนี้เอง ทำให้เรารับทราบความสำคัญของความเป็นพี่น้องในอิสลาม จากตัวอย่างของบรรพชนรุ่นก่อน คือ เล่าบรรดาสหายของท่านนบี (บรรดาศ่อฮาบะ) พวกเขารักกันโดยปราศจาก เครือญาติ เงินทอง หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ เพราะความรักของพวกเขาตั้งมั่นอยู่บนความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ 

 

           แน่นอนพวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ประชาชาติจะยังคงอยู่ได้ต้องมาจากการสามัคคีของคนในสังคมนั้นเอง ความเป็นพี่น้องในอิสลาม ถือได้ว่า เป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ และคือสาเหตุทำให้การใช้ชีวิตของมุสลิมมีความสงบสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

 

อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

وَاذْكُرُوا نِعْمَتَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ إِذْ كُنتُمْ أَعْدَاءً فَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِكُمْ فَأَصْبَحْتُم بِنِعْمَتِهِ إِخْوَانًا

      “และจำรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของพระองค์

(อาล อิมรอน: 102-103)

 

          ความเป็นพี่น้องคือ ความโปรดปรานที่ไม่สามารถคณานับได้ ไม่สามารถเทียบกับทรัพย์สิน เงินทองบนโลกนี้ และไม่มีสิ่งใดมีความสุขเท่ากับการที่เรารักพี่น้องของเราบนความรักของศาสนา

อัลลอฮฺ กล่าวว่า

وَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِهِمْ لَوْ أَنفَقْتَ مَا فِي الْأَرْضِ جَمِيعًا مَّا أَلَّفْتَ بَيْنَ قُلُوبِهِمْ وَلَٰكِنَّ اللَّهَ أَلَّفَ بَيْنَهُمْ إِنَّهُ عَزِيزٌ حَكِيمٌ

     “และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขา หากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด เจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาได้ แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้นได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างพวกเขา และแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

(ซูเราะห์ อัลอังฟาลอายะที่ 63)

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

المُؤْمِنُ لِلْمُؤْمِنِ كَالْبُنْيَانِ يَشُدُّ بَعْضُهُ بَعْضًا

     “ความสัมพันธ์ระหว่างมุอ์มินผู้ศรัทธานั้น เปรียบได้ดังอาคารที่ต่างส่วนต่างเกื้อหนุนเสริมความแกร่งให้แก่กัน แล้วท่านก็สอดประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน

 (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)

 

           ความยิ่งใหญ่ของความรักที่มีต่อพี่น้อง เพื่ออัลลอฮ์ คือ โครงสร้างและรากฐานของสังคมที่ดีและสงบสุข รวมถึงความเข้มแข็งของบ้านเมืองนั้นเอง

 

          สิ่งที่เราเห็นได้ชัด คือ การสร้างมิตรภาพในหมู่บรรดาสหายของท่านนบี ซึ่งท่านนบีคือผู้หลอมรวมหัวใจของพี่น้องระหว่าง เผ่าอันศอร ผู้ช่วยเหลือ และชาวมูฮาญีรีน กลุ่มคนอพยพจากนครมักกะฮฺ ให้มีความรักซึ่งกันละกัน จนความรักระหว่างพวกเขานั้นสามารถรับมรดกแทนกันได้ นี้คือความรักที่แท้จริง จนกระทั่งโองการเกี่ยวกับเรื่องมรดกได้ถูกประทานลงมา

 

          ท่านอิบนุก็อยยิมกล่าวว่า ท่านนบีได้จับคู่ให้เป็นพี่น้องระหว่าง เผ่าอันศอร ผู้ช่วยเหลือ และชาวมูฮาญีรีน ที่บ้านของท่าน อนัส บิน มาลิก ซึ่งตอนนั้นมี ชายทั้งหมด 90 คน คือ ชาวอันศอร 45 คน ชาวมูฮาญีรีน 45 คน เพื่อให้พวกเขานั้นช่วยเหลือซึ่งกันละกันในยามทุกข์ยากและรับมรดกหลังจากที่พี่น้องของพวกนั้นเสียชีวิตไป ถึงว่าแม้พวกเขานั้นจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามมาก็ตาม จนกระทั่งเมื่อเกิดสงคราม บะดัร อัลลอฮฺ ประทานโองการกรุอ่านลงมา

وَالَّذِينَ آمَنُوا مِن بَعْدُ وَهَاجَرُوا وَجَاهَدُوا مَعَكُمْ فَأُولَٰئِكَ مِنكُمْ وَأُولُو الْأَرْحَامِ بَعْضُهُمْ أَوْلَىٰ بِبَعْضٍ فِي كِتَابِ اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمٌ

     “และบรรดาผู้ที่ได้ศรัทธาที่หลัง และได้อพยพ และต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้านั้น ชนเหล่านี้แหละเป็นส่วนหึ่งของพวกเจ้า และบรรดาญาตินั้น บางส่วนของพวกเขาเป็นผู้สมควรต่ออีกบางส่วน ในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

( ซูเราะห์ อัลอัมฟาลอายะที่ 63-75)

         โองการนี้ลงมาเพื่อบอกไห้รับทราบว่า มรดกนั้นเครือญาติสมควรมากกว่าพี่น้องของเขา และนี่คือความรักระหว่างบรรดาศ่อฮาบะ 

 

     ลองคิดกันว่า เรารักพี่น้องของเรามากแค่ไหน และ เรารักพี่น้องของเราเพื่อสิ่งใดกันเล่า โอ้ผู้ศรัทธา ทั้งหลาย ! 

 

พระองค์ ตรัสความว่า

﴿ إِنَّمَا ٱلمُؤمِنُونَ إِخوَة

 “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน” 

(อัล-หุญุรอต: 10)

 

ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

لَا تَحَاسَدُوْا، وَلَا تَنَاجَشُوْا، وَلَا تَبَاغَضُوْا، وَلَا تَدَابَرُوْا، وَلَا يَبِعْ بَعْضُكُمْ عَلىَ بَيْعِ بَعْضٍ، وَكُوْنُوْا عِبَادَ اللهِ إِخْوَانًا

      “พวกท่านจงอย่าอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน อย่าเพิ่มราคาสินค้าโดยที่ท่านเองไม่ต้องการซื้อ (เพื่อเป็นหน้าม้าให้ผู้ขายได้รับประโยชน์) อย่าได้โกรธเคืองซึ่งกันและกัน อย่าได้ขัดแย้งกันเอง อย่าได้ขายของตัดหน้ากัน และพวกท่านจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน” 

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

ดังที่มีรายงานจากท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

لا يُؤْمِنُ أَحدُكُمْ حتَّى يُحِبَّ لأَخِيهِ مَا يُحِبُّ لِنَفْسِهِ

     “บุคคลหนึ่งบุคคลใดของพวกท่านจะยังไม่มีศรัทธาที่สมบูรณ์ จนกว่าเขาจะมีความปรารถนาให้พี่น้อง ของเขาได้รับในสิ่งที่ตัวของเขาเองปรารถนาที่จะได้รับ ” 

(บันทึกโดย บุคครีและ มุสลิม)

 

รายงานจากท่าน อุมัร บิน ค็อบฏอบ กล่าวว่า ท่านนบี กล่าวว่า

"إِنَّ مِنْ عِبَادِ اللَّهِ لأُنَاسًا مَا هُمْ بِأَنْبِيَاءَ وَلاَ شُهَدَاءَ يَغْبِطُهُمُ الأَنْبِيَاءُ وَالشُّهَدَاءُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِمَكَانِهِمْ مِنَ اللَّهِ تَعَالَى".قَالُوا:يَا رَسُولَ اللَّهِ تُخْبِرُنَا مَنْ هُمْ.

       “แท้จริงมีบ่าวของอัลลอฮฺจากมนุษย์ ซึ่งพวกเขานั้นไม่ใช่บรรดานบี หรือ คนที่ตายซะฮีด แต่พวกเขานั้นถูกอิจฉาจากบรรดานบีและคนที่ตายซะฮีด ในวันกียามะจากตำแหน่งของพวกเขา ที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา

พวกเขาเอ่ย ถามว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นกลุ่มชนใดกัน ?

قَالَ: هُمْ قَوْمٌ تَحَابُّوا بِرُوحِ اللَّهِ عَلَى غَيْرِ أَرْحَامٍ بَيْنَهُمْ وَلاَ أَمْوَالٍ يَتَعَاطَوْنَهَا, فَوَاللَّهِ إِنَّ وُجُوهَهُمْ لَنُورٌ وَإِنَّهُمْ عَلَى نُورٍ, لاَ يَخَافُونَ إِذَا خَافَ النَّاسُ وَلاَ يَحْزَنُونَ إِذَا حَزِنَ النَّاسُ".

       พวกเขาเหล่านั้นคือ กลุ่มคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺโดยปราศจากความเป็นเครือญาติ หรือ ทรัพย์สินที่พวกเขาให้กัน ขอสาบานต่อพระองค์ ใบหน้าของพวกเขานั้นมีแสงรัศมี และพวกมีมีรัศมีที่สว่างไสว พวกเขานั้นจะไม่รู้สึกหวาดกลัวสิ่งที่มนุษย์กลัวกัน และจะไม่รู้สึกเศร้าโศกเสียใจในสิ่งที่มนุษย์เสียใจ

(บันทึกโดย อาบูดาวูด)

ต่อมาท่านนบีได้อ่านโองการนี้

﴿أَلَا إِنَّ أَوْلِيَاءَ اللَّهِ لَا خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلَا هُمْ يَحْزَنُونَ

พึงทราบเถิด ! แท้จริง บรรดาคนที่อัลลอฮ์รักนั้น ไม่มีความหวาดกลัวใด แก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ

(ซูเราะห์ ยูนูส อายะที่ 62)

ท่านนบีกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺกล่าวขึ้นแก่พวกเขาในวันกียามะ ว่า

إن الله يقول يوم القيامة: أين المتحابون بجلالي اليوم أظلهم في ظلي يوم لا ظل إلا ظلي

     “ไหนหละ ผู้ที่รักกันเพื่อเกียรติของอัลลอฮ์ ซึ่งในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะให้พวกเขาอยู่ภายใต้ร่มเงา ซึ่งในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของฉัน (อัลลอฮฺ

(บึนทึกโดย มุสลิม)

 

          พี่น้องมุสลิม ทั้งหลาย จงรักกันเพื่ออัลลอฮฺ สร้างความปรองดองในสังคม ด้วยความสามัคคีแห่งความเป็นอิสลาม

 


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥