จะไหว้ผู้สร้างหรือผู้ถูกสร้าง
  จำนวนคนเข้าชม  3057


จะไหว้ผู้สร้างหรือผู้ถูกสร้าง

 

โดย ... อาจารย์ฮะซัน นาคนาวา

 

          มนุษย์ทุกคนย่อมเป็นทาสแต่จะเป็นทาสของผู้สร้างหรือผู้ถูกสร้างเท่านั้น แม้กลุ่มวัตถุนิยมที่ไม่เชื่อพระเจ้าแต่ที่จริงก็ทาสวัตถุนั่นเอง โดยเหตุผลแล้วผู้ถูกสร้างต้องไหว้ผู้สร้าง เพราะเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวง ไม่ใช่กลับตาลปัตร (ผู้สร้างดันทุรังไปไหว้ผู้ถูกสร้าง) เพราะไหว้เจ้าผิดๆ บั้นปลายชีวิตจึงวอดวาย

 

     อิสลามสอนว่า ทุกผู้ทุกนามไม่สามารถหลุดพ้นสภาพแห่งการเป็นทาสของพระผู้ทรงสร้างไปได้ นี้คือสัจธรรม 

อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

 

ไม่มีผู้ใดในฟากฟ้าและแผ่นดิน เว้นแต่เป็นผู้มายังพระผู้ทรงกรุณายิ่งในสภาพทาสผู้หนึ่ง (หมายถึงในปรโลก)

(มัรยัม 19 : 93)

 

          หามีเจ้าใดๆ ไม่ ที่มีส่วนร่วมในการครองความเป็นเจ้าแห่งการสร้างร่วมกับอัลลอฮฺ ตะอาลา 

อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

 

ดังนั้น อัลลอฮฺพระผู้สร้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นทรงจำเริญยิ่ง

(อัลมุอฺมินูน 23 : 14)

 

          อิสลาม นับเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่โลกมนุษย์ เพราะอิสลามมาอัพเกรดยกระดับ และปลดปล่อยมนุษย์จากการเป็นทาสวัตถุสู่การเป็นทาสของผู้สร้างวัตถุ

 

     “และส่วนหนึ่งจากบรรดาสัญญาณของพระองค์ คือ การมีกลางคืน กลางวัน ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่ากราบไหว้ดวงอาทิตย์และอย่าไหว้ดวงจันทร์ แต่จงกราบไหว้อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างพวกมัน หากว่าพวกเจ้าเคารพบูชาพระองค์เท่านั้น

(ฟุศศิลัต 41 : 37)

 

          วัตถุใหญ่ที่สัมผัสได้ด้วยตา เช่น ฟ้า ดิน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างก็เป็นสรรพสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างพวกมันมาทั้งสิ้น พวกมันไม่มีสิทธิ์มาเป็นเจ้าให้ใครกราบไหว้ !

 

          เวลาเราเห็นใครสร้างอะไรสวยๆ งามๆ เรามักจะพูดอวดกันว่าเห็นฝีมือไหม?” แต่เรามองข้าม การสร้างที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงสร้างดวงอาทิตย์ดวงเดียวเป็นไฟฟ้าให้โลกสว่างมานานนับล้านปี ไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่เอาบิลมาเก็บค่าไฟ เราเคยคิดกันสักนิดไหมว่า พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์มาจากวัสดุอะไร เชื้อเพลิงจากพลังนิวเคลียร์อะไร ทำไมไม่รู้จักหมด และไม่เห็นมีมหาอำนาจที่ไหนเป็นพลังขับเคลื่อนโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และอื่นๆ ให้หมุนรอบตัวมันและโคจรอย่างมีระบบมาตรฐานมั่นคง แล้วใยทำไมไม่เห็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์บ้าง กลับไปเห็นพลังอำนาจจอมปลอม

 

     “พวกเขายึดผู้อื่นจากอัลลอฮฺเป็นเจ้าหลายเจ้า ทั้งๆ ที่เจ้าเหล่านั้นมิได้สร้างอะไรได้เลย อีกทั้งตัวเองก็ถูกสร้างไม่สามารถให้โทษให้คุณอะไรได้ และไม่มีอำนาจให้ตายให้เป็นหรือฟื้นคืนชีพได้

(อัลฟุรกอน 25 : 3)

 

          แต่ถึงกระนั้น อนิจจา ทั้งอดีต ปัจจุบันยังมีผู้บูชาสิ่งเหล่านั้นมากมายที่เรียกว่า ลูกพระอาทิตย์ ลูกพระจันทร์ ลูกช้าง ลูกกรอก เป็นต้น

          คัมภีร์อัลกุรอาน อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสในซูเราะฮฺอัลหะดิด, อัลหัซรฺ และอัศศ็อฟ โดยเริ่มอายะฮฺแรกด้วยกับคำว่า

 

สรรพสิ่งในฟากฟ้าและในแผ่นดินต่างสดุดีสรรเสริญแด่พระองค์ พระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงปรีชาญาณ

(อัลหะดีด 57 : 1)

 

สรรพสิ่งในฟากฟ้าและในแผ่นดินต่างสดุดีสรรเสริญแด่พระองค์

พระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงปรีชาญาณ(คือ สยบในความยิ่งใหญ่ของพระองค์)

(อัลหัซรฺ 59 : 1 และ อัศศ็อฟ 61 : 1)

 

     “ฟ้าทั้งเจ็ด แผ่นดินกับผู้ที่อยู่ในนั้นต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่พระองค์ ไม่มีสิ่งใดๆ เว้นแต่สิ่งนั้นจะต้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ทั้งสิ้น แต่พวกเจ้าไม่เข้าใจคำสดุดีของพวกเขา หรือ แท้จริงพระองค์นั้นทรงหนักแน่นทรงอภัยเสมอ

(อัลอิสรออฺ 17 : 44)

 

แม้ดวงอาทิตย์เอง ยังเคารพกราบไหว้อัลลอฮฺเมื่อโคจรถึงปลายทางของมัน อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

 

และดวงอาทิตย์นั้นจะโคจรถึงที่มั่นปลายทางของมัน นั้นเป็นการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้

(ยาซีน 36 : 38)

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อธิบายอายะฮฺนี้ไว้ บุคอรีย์บันทึกรายงานจากอบูชัรรินว่า  

     “ข้าพเจ้าอยู่ที่มัสยิดกับท่านนบี ตอนพระอาทิตย์ตก ท่านถามว่า เจ้าทราบไหมว่าอาทิตย์ตกกลับไปไหน 

     ข้าพเจ้าตอบว่า อัลลอฮฺและร่อซูลทรงรู้ดี 

     ท่านบอกว่า มันโคจรไปจน ไปก้มกราบอยู่ใต้อะรัช (ราชบัลลังลังก์ของพระองค์) นั่นคือ คำตรัสที่กล่าวมา

 

     “อะห์หมัดเล่าว่า มันโคจรมาสุญูดก้มกราบต่อหน้าพระผู้อภิบาลของมันแล้วขออนุญาตลากลับ ก็ได้รับอนุญาตลากลับที่เดิมทางทิศตะวันขึ้น แล้วท่านก็อ่านอายะฮฺนี้

 

          และในรายงานอื่นๆ ระบุว่า จวบจนวันหนึ่งมันได้แสดงความเคารพก้มกราบ ขออนุญาตกลับแต่ไม่ได้รับอนุญาต มันกล่าวว่าระยะทางไกลมากหากไม่ได้รับอนุญาตไปไม่ถึงแน่ แล้วมันถูกกักไว้ตามที่ อัลลอฮฺทรงประสงค์ ต่อมาก็มีรับสั่งว่าเธอจงไปขึ้นทางทิศตะวันตกเถิด นับแต่วันนั้นจนถึงวันกิยามะฮฺ การศรัทธาของคนที่ไม่เคยศรัทธามาก่อนก็จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ การทำดีใดๆ ก็ไร้ค่า !

 

 

 

ที่มา : สารดาริสสลาม เล่มที่ 9 เดือนตุลาคม 2548